หลังจากที่ Jeff Kaplan ผู้ก่อตั้ง Overwatch เคยเป็นที่รักของเหล่าเกมเมอร์มาโดยตลอด ล่าสุดกลับมีรายงานใหม่ที่เปิดเผยว่า การตัดสินใจบางอย่างของเขานั้นอาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกม Overwatch ประสบปัญหาและพัฒนาไปอย่างเชื่องช้า
จากหนังสือเล่มใหม่ของนักข่าวชื่อดัง Jason Schreier ที่ชื่อว่า “PLAY NICE: The Rise, Fall, and Future of Blizzard Entertainment” ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเบื้องหลังการพัฒนา Overwatch 2 โดยเฉพาะการตัดสินใจของ Kaplan ที่ขัดต่อความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงของบริษัท
Kaplan ปฏิเสธการขยายทีมพัฒนา Overwatch
Schreier อธิบายว่าหลังจากความสำเร็จของ Overwatch ภาคแรก ทีมพัฒนาเกมก็ต้องเผชิญกับภาระงานที่หนักมาก ทั้งการอัปเดตเนื้อหาใหม่ให้ Overwatch ภาคแรก, การพัฒนา Overwatch 2 และการสนับสนุน Overwatch League ไปพร้อมกัน ผู้บริหารระดับสูงของ Blizzard จึงเสนอให้ขยายทีมพัฒนาเพื่อแบ่งเบาภาระ แต่ Kaplan กลับคัดค้านเนื่องจากกังวลว่าการขยายทีมจะส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมการทำงานภายในทีม
แน่นอนว่าการตัดสินใจของ Kaplan มีผลกระทบต่อการพัฒนาเกมอย่างมาก โดยการตัดสินใจของ Kaplan ส่งผลให้การพัฒนา Overwatch 2 ช้าลงอย่างมาก เนื้อหา PvE ที่เป็นจุดขายสำคัญของภาคต่อถูกตัดออกไป และเนื้อหาใหม่ของ Overwatch ภาคแรกก็ออกมาช้ากว่าที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าแคมเปญเรื่องราวที่วางแผนไว้ก็ถูกยกเลิกไปเช่นกัน
แฟนเกมหันมาตำหนิ Kaplan เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกไป แฟนเกม Overwatch หลายคนต่างรู้สึกผิดหวังและหันมาตำหนิ Kaplan ที่เป็นสาเหตุให้เกมที่พวกเขารักต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ หลายคนถึงกับกล่าวว่า Kaplan ไม่ใช่ฮีโร่ที่พวกเขาเคยยกย่องอีกต่อไป
และไม่ใช่แค่ Overwatch นอกจากนี้ Schreier ยังเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาภายใน Blizzard เช่น การที่ Netflix ยกเลิกโครงการสร้างซีรีส์จากเกมของ Blizzard เนื่องจากปัญหาทางกฎหมาย และการลาออกของ CFO ของบริษัท ซึ่งล้วนแต่เป็นข่าวร้ายสำหรับแฟนเกม Blizzard ทั้งหมด
ต้องบอกว่าข้อมูลที่เปิดเผยออกมาในครั้งนี้ทำให้เห็นภาพเบื้องหลังการพัฒนาเกม Overwatch ได้ชัดเจนขึ้น และทำให้แฟนเกมต้องกลับมาทบทวนมุมมองที่มีต่อ Jeff Kaplan อดีตผู้อำนวยการเกมที่เคยเป็นที่รักของพวกเขา ในขณะเดียวกัน Overwatch 2 เปิดให้บริการฟรีแล้วบนอุปกรณ์เครือ PlayStation, Xbox และบน Nintendo Switch กับ PC เบื้องต้นคอนเทนต์โหมด PvP จากจำนวนผู้เล่นเป็น 5v5 และนำเสนอฮีโร่ใหม่ เช่นเดียวกับการรีเวิร์กฮีโร่ พร้อมประเภทแผนที่ใหม่คือ Push ที่จะเป็นการดันหุ่นยนต์ อีกทั้งยังมีระบบการ Ping มีการปรับแต่งใหม่ให้ราบรื่นและมีประโยชน์มากขึ้นด้วยครับ นำเสนอคอนเทนต์ใหม่เป็นรูปแบบ Battle Pass ตามฤดูกาล
