7 สัญญาณเตือนว่าคุณติดเกมนั้นเข้าให้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมจนลืมเวลา, การคิดถึงแค่เกมๆ นั้นเสมอ และอื่นๆ
ผมเชื่อเลยจริงๆ ว่าเพื่อนๆ ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเกมเมอร์สาย Casual หรือ Hardcore ย่อมต้องเคยตกอยู่ในภาวะ “ติดเกม” อย่างงอมแงม เล่นมันจนลืมดูเวลาเล่นมันจนอดหลับอดนอน เนื่องจากความสนุกของเกม ที่ช่างยั่วยวนให้เราต้องติดพันกับมันอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเกมการเล่นที่ออกแบบมาอย่างดีเยี่ยม, เนื้อเรื่องที่เข้มข้นครบรสน่าติดตาม หรือกิจกรรมภายในเกมที่ชวนให้เรา ต้องขลุกอยู่กับหน้าจอร่วมหลายชั่วโมง และถ้าเกมที่คุณชื่นชอบมีองค์ประกอบตรงตามที่คุณพอใจ แน่นอนว่าสิ่งต่อไปที่คุณต้องเจอ คืออาการติดเกมจนยากจะถอนตัวได้ ซึ่งมาในวันนี้เรามาลองไล่ดูกันว่าก่อนจะถึงขั้น “ติดเกม” เพื่อนๆ เคยเจอกับสัญญาณเตือนเหล่านี้หรือไม่ ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย
1. เราจะคิดถึงเกมนั้นเสมอ
หากเรากำลังอยู่ในช่วงคลั่งไคล้หรือติดกับอะไรบางอย่างอยู่ การจะคิดถึงสิ่งนั้นตลอดเวลาถือเป็นสัญญาณแรก ที่บ่งบอกว่าเราเริ่มขาดมันไม่ได้ เกมเมอร์อย่างเราก็เช่นกันที่ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นสาย Casual หรือ Hardcore จะต้องมีสักเกมที่คุณต้องเล่นมันทุกวัน หรืออย่างน้อยก็ต้องมีเข้ามาเช็คของกดรับไอเทมอยู่เสมอ พูดง่ายๆ คือมันจะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่เราทำวนซ้ำๆ จนเคยชิน
2. ตอนเราเล่นจะเพลินจนลืมเวลา
การเล่นจนลืมเวลาน่าจะเป็นเรื่องที่เพื่อนๆ หลายคนต้องเคยมีประสบการณ์กันมาบ้าง เพราะโดยปกติถ้าเราเจอเกมที่ถูกใจเกมเพลย์สนุกชวนให้ติดพัน เหตุการณ์ที่จะตามมาติดๆ คืออาการ “วาร์ป” ที่เรานั่งเล่นอยู่ดีๆ พอมองเวลาอีกทีจากเที่ยงวันอาจกลายเป็นเที่ยงคืน อย่างตัวผมเองพอได้เล่น Skyrim ทีไรอาการถูก “วาร์ป” ก็มักจะเกิดขึ้นกับตัวผมเป็นประจำ จนตอนนี้ต้องแก้ด้วยการนั่งเล่นพร้อมดูเวลาเป็นระยะๆ (เพราะไม่งั้นอาจเผลอยิงยาวจนลืมแน่ๆ)
3. คุณจะเริ่มนำเรื่องๆ ต่างจากเกม มาพูดในชีวิตจริงมากขึ้น
ก่อนอื่นผมขอบอกก่อนว่าอาการนี้จะไม่ใช่อาการเดียวกันกับ “ชูนิเบียว” หรือ “จูนิเบียว” นะครับ แต่มันจะเป็นอะไรที่เรียบง่ายกว่านั้น ตัวอย่างเช่นถ้าเราเป็นคนชื่นชอบการเล่นเกมแนว FPS อาจจะมีบางครั้งที่เรานำประโยคภายในเกม มาปรับใช้เป็นคำพูดเพื่อเรียกเสียงฮาในวงสนทนาระหว่างเพื่อนๆ ได้เช่น Enemy Spotted, Grenade Out หรือจะเป็นอดีตวลีสุดเด็ดที่เคยฮิตติดลมบนอย่าง Fus Ro Dah จาก Skyrim เป็นต้น
4. เราเริ่มจัดกิจวัตรให้การเล่นเกมนานขึ้น
สำหรับข้อนี้จะต่อเนื่องมาจากข้อ 2 เพราะถ้าเราเริ่มรู้ตัวว่าติดเกมและเกิดอาการวาร์ปอยู่บ่อยครั้ง สิ่งต่อไปที่เราอาจเผลอทำโดยไม่รู้ตัว คือการจัดสรรเวลาของเราที่จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม พูดง่ายๆ คือเราจะเริ่มเฉลี่ยเวลาให้กับการเล่นเกมมากขึ้น โดยความรุนแรงจะมีอยู่หลายระดับด้วยกัน ตั้งแต่แค่แบ่งเวลาการเล่นเกมให้นานขึ้น แต่ยังพอมีช่วงหยุดพักเพื่อทำกิจกรรมอย่างอื่น จนถึงกรณีหนักๆ อย่างการเล่นเกมติดกันหลายชั่วโมงจนเสียสุขภาพ (ถึงความพอดีของทุกคนจะไม่เท่ากัน แต่การพักผ่อนนั้นสำคัญเสมอ)
5. เราเริ่มมองว่าเกมคือโลกอีกใบ
ถ้าเพื่อนๆ เป็นคนที่ชื่นชอบในการเล่นเกม Open World ขนาดใหญ่หรือเกม MMORPG ที่มีแผนที่เปิดกว้าง การมองเกมเหล่านี้เป็นเหมือนโลกอีกใบ น่าจะเป็นมุมมองที่ใครหลายคนต้องคิดเหมือนกันแน่ๆ ยิ่งถ้าเกมๆ นั้นเน้นเรื่องความสมจริงหรือ Immersion ผู้เล่นอย่างเราคงอดใจไม่ได้ จนอาจเผลอคิดไปว่านี่มันคือโลกอีกใบชัดๆ ตัวอย่างเช่น Red Dead Redemption 2 ที่มีองค์ประกอบต่างๆ เพื่อเสริมความอินให้กับผู้เล่นอย่างครบถ้วน เป็นต้น
6. หากมันมี Lore เราจะถลุงอ่านมันจนเรียบ
โดยปกติแล้วแทบทุกเกมจะมีการสอดแทรกเนื้อเรื่องหรือ Lore เพื่อเป็นการเสริมความน่าสนใจและเพิ่มความน่าค้นหา ให้เหล่าผู้เล่นอย่างเราได้ติดตามกัน อาทิเช่น Dota 2 ที่แม้จุดขายหลักจะอยู่ที่เกมการเล่นแต่ Lore ของมันกลับมีความเข้มข้น, ซับซ้อน และน่าติดตามอย่างมาก เพราะทุกตัวละครภายในเกมล้วนมีบทบาทเป็นของตัวเองทั้งสิ้น เปิดโอกาสให้ผู้เล่นอย่างเราได้ซึมซับกับเกมมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคุณติดใจกับตัวเกม การไล่อ่านเนื้อเรื่องของฮีโร่ที่ชอบต้องเป็นเรื่องคุณไม่พลาดแน่นอน
7. คอนเทนต์ที่เราเสพจะเริ่มเกี่ยวกับเกมๆ นั้นมากขึ้น
นอกจากเราจะคิดถึงเกมที่เราชื่นชอบบ่อยขึ้น การเสพคอนเทนต์ของเราย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย อย่างเช่นถ้าเราชื่นชอบในการเล่น Apex Legends ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเริ่มเสพคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับเกมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคลิป Let’s Play, Live Stream, Tier List, คลิปแนะนำการเล่น ไปจนถึงการแข่งขัน Tournament ที่เราต้องติดตามอย่างไม่ขาดสาย บอกเลยว่าถ้าคุณทำครบทุกอย่างที่ผมกล่าวไป คุณจะต้องเป็นคนที่คลั่งไคล้เกมๆ นี้อย่างแน่นอน
ถ้าพูดกันตามตรงสำหรับตัวผมที่เป็นคนเขียนเอง ก็เคยเจอมากับตัวครบทั้ง 7 เหตุการณ์ที่กล่าวไป เพราะในช่วงเวลาหนึ่งหลังจากการมาถึงของซีรี่ส์ The Witcher บน Netflix ตัวผมเองก็ Hype กับมันมากๆ จนต้องหาเกมมาเล่น, ตามเสพ Lore บนยูทูป และเกือบจะหานิยายมาซื้ออ่านแล้ว (แต่ติดตรงที่ไม่มีเงิน) แล้วเพื่อนๆ ล่ะครับเคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้อย่างไร ก็สามารถมาร่วมแบ่งปันได้เลยนะครับ