[รีวิว] WARRIORS Abyss มุโซวสามก๊กซามูไร ฝ่ากำแพงอเวจี

หมายเหตุ: ตัวเกมที่นำมารีวิวคือเวอร์ชัน Nintendo Switch ประสบการณ์ที่ได้รับอาจมีความแตกต่างกันในแต่ละแพลตฟอร์มที่เลือกเล่น

ต้องบอกเลยว่าเปิดตัวกันแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงสำหรับ WARRIORS Abyss เกมภาคใหม่ของซีรีส์มุโซวที่ขอเปลี่ยนโฉมจากเกมประวัติศาสตร์แนวแอ็กชัน มาเป็นเกมตะลุยดันเจี้ยนสไตล์ Roguelike พร้อมการปรับเกมเพลย์ในส่วนการบังคับ มุมกล้องให้ต่างจากเดิมด้วย ถือว่าเป็นอะไรที่ไม่ค่อยได้เห็นนักกับเกมกระแสหลัก ซึ่งวันนี้เอง ThisIsGame Thailand ก็ไม่พลาดจะมารีวิวเพื่อแบ่งปันความประทับใจให้เพื่อนๆ ติดตามกันด้วย

การนำเสนอและเนื้อเรื่อง

เรื่องราวของเกมภาคนี้ยังคงคล้ายกับ Warriors Orochi ตามแบบที่เราได้เห็นมาหลายภาคที่เกิดความวุ่นวายเหนือธรรมชาติอีกแล้ว (ฮา) จนทำให้ เทพเอ็นมะไดโอ ผู้ปกครองนรกภูมิตัดสินใจซัมมอนผู้ลงมาเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการต่อกรกับภัยคุกคามใหม่ โกมะ ผู้เล่นในฐานะนักรบมุโซวที่ถูกอัญเชิญมาจึงต้องใช้ความสามารถในการตะลุยอเวจีอันเป็นสมรภูมิรบแห่งใหม่ที่พวกเขาไม่เคยพานพบมาก่อน!

ความน่าสนใจก็คือการถ่ายทอดเรื่องราวในภาคนี้ไม่ได้เป็นแบบคัตซีนอนิเมชันเหมือนเกมครอสโอเวอร์ก่อนๆ แต่อย่างใด ผู้เล่นจะได้เห็นการบอกเล่าเรื่องราวเป็นภาพนิ่งพื้นหลังและคัตเอาต์ตัวละครคล้ายฉากบรีฟศึกในเกมภาคหลักแทน แต่กระนั้นผมก็พอเข้าใจว่าการโฟกัสในโปรเจ็กต์เกมนี้มันคือการตะลุยในสังเวียนใต้พิภพนั่นเอง เรื่องเนื้อหาก็เล็กน้อยจริงๆ นั่นแหละนะ ว่าแล้วไปคุยกันในส่วนเกมเพลย์ดีกว่า

เกมเพลย์ที่แฟนมุโซวเข้าใจง่าย แต่พลิกจากเดิม!

เมื่อเข้าสู่หน้าจอการเล่นปุ๊บ สิ่งที่เห็นชัดเจนก็คือมุมกล้องของเกมจะเป็นรูปแบบ Isometric หรือการฉายภาพจากมุมสูงแทน โดยจะมีความคล้ายคลึงกับ Vampire Survivor หรือ Hades ที่น่าจะเป็นเกมต้นแบบแรงบันดาลใจเลย (เพราะใส่ Roguelike มาเต็มๆ) แต่การบังคับก็จะคล้ายของเดิมคือเดินแปดทิศทางกระโดดหลบศัตรูได้ และระบบการโจมตีจะใช้แบบ C1-7 ที่เป็นการกดปุ่มตีเบา – หนัก เหมือนภาคคลาสสิก อาทิ เบา>หนัก เป็นการตี Juggle เลี้ยงศัตรูในอากาศ หรือ เบา>เบา>หนัก กดตามจำนวนที่พึงพอใจ อย่างไรเสียนอกจากมุมกล้องปรับเปลี่ยนแล้ว รูปแบบสมรภูมิรบจะไม่ได้เป็นชื่อสงครามต่างๆ แต่เป็นเหมือนกับการตะลุยไปตามดันเจี้ยนที่วางตามโครงเรื่องแบบหลวมๆ ที่เป็นเส้นตรง (แต่สุ่มรูปทรง ภารกิจและประเภทศัตรู นอกจากบอสประจำฉาก) แบ่งออกเป็นสี่ฉากใหญ่ๆ ฉากละ แปด Phase หรือช่วงการเล่น

เมื่อมุมกล้องฉายขึ้นมาด้านบนแล้ว ดังนั้นหลักการทำงานของตัวศัตรูเองก็เปลี่ยนไปด้วย โดยศัตรูหลายตัวจะมีการโจมตีไม่เหมือนกัน บางตัวอาจจะมีท่าชาร์จแรงๆ ที่เราจะเห็นด้วยว่าแอเรียที่มันจะโจมตีนั้นกินพื้นที่มาถึงเราเปล่า ซึ่งก็ต้องหลบตามระเบียบ และความสนุกก็คือดันเจี้ยนที่เราลงมาในแต่ละครั้งจะเดาทางไม่ได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น จะมีตัวอะไรรออยู่ตรงไหนบ้าง เราจะรู้เพียงแค่ว่าดันเจี้ยนนั้นมีจำนวนชั้นเท่าไรจนกว่าจะถึงบอส โดยระหว่างการเล่นก็จะมีช่วงที่เราได้พักเบรคเมื่อตีศัตรูหมด และให้เราสามารถอัปเกรดความสามารถในการเล่นรอบนั้นๆ ชั่วคราว รวมไปถึงซัมมอนนักรบคนอื่นๆ เข้ามาอยู่ในตี้

ตัวเกมได้โปรโมตว่าเกมนี้มีแบทเทิลสไตล์มากถึง 16 ล้านแบบ ซึ่งก็ไม่เกินจริงครับเพราะว่าในทีมนั้นก็จะมีตัวเราที่เป็นนักรบมุโซวที่สามารถเลือกได้จากกว่า 100 ตัวละครในประวัติศาสตร์ (และในอนาคตจะมีเพิ่มมาอีกแบบจุกๆ ให้อัปเดตฟรี!) และระหว่างทางเราอาจจะได้เจอกับต้นไม้ซัมมอนครับ และซัมมอนมาปุ๊บพวกเขาก็จะมาอยู่ในแถวด้านล่างจอที่สามารถเรียกมาใช้สกิลต่างๆ ได้ไม่รู้จบอีก 6 คนเลย โดยสามารถปรากฏจากการใช้ท่า C1-C7 และมีคูลดาวน์ด้วย นอกจากนั้นแล้วยังมีรายละเอียดมากถึงขั้นที่ว่าจัดทีมตามฟอร์เมชันที่ส่งผลต่อบัฟและเพิร์ก

โดยรวมแล้วถ้าใครเคยเล่นโหมด Gauntlet จาก Warriors Orochi 3 Ultimate ก็สามารถพูดได้ว่าคล้ายกันในระดับหนึ่ง แต่สำหรับเกมนี้คือการเปลี่ยนโฉมให้เป็นประสบการณ์แบบ Roguelike เต็มตัวที่เราจะต้องเรียนรู้ที่จะเฟลจนกว่าจะฟิน หาจุดที่สามารถพัฒนาตัวเองให้ได้ จนกว่าจะเอาชนะบอสในแต่ละไบโอมได้ ซึ่งด้วยจำนวนของทีมที่สามารถฟอร์มขึ้นมาได้แบบเล่นทั้งเดือนก็ยังลองสไตล์ได้ไม่หมด นั่นหมายความว่าเราอาจคิดค้นคอมโบดีๆ ได้ตลอดครับ

หัวใจหลักคือการเรียนรู้ที่จะพ่ายแพ้

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าหัวใจหลักของ WARRIORS Abyss คือการเรียนรู้ที่จะพ่ายแพ้ ผมคิดว่าเกมเองก็คงรู้ดีว่าเราไม่สามารถตีบอสหลายๆ ตัวให้ชนะได้ตั้งแต่รอบเดียว ผู้เล่นจะเจอกับดันเจี้ยนที่มันยากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่ว่าอยากยอมแพ้ทว่าทุกๆ ครั้งที่เราล้มลง ผมรับประกันได้ว่าเราจะแข็งแกร่งขึ้นเพราะการอัปเกรดความสามารถของเรามันเป็นสิ่งที่ถาวร อาศัยการฟาร์มๆ ตีๆ วนกันไปแล้วเราจะรู้ว่าเทคนิคการเอาชนะศัตรูมันไม่ได้หินแบบที่คิด เพียงแค่ลองผิดลองถูกจนกว่าจะเจอทางออกของปัญหา อ้าว ว่าแล้วก็กลายเป็นปรัชญาเฉยเลยเนอะ (แป่ว) และที่สำคัญที่สุด ดันเจี้ยนจะเป็นเส้นตรงเพียงอย่างเดียว แม้เราผ่านมาสู่ไบโอมใหม่ ทว่าหากแพ้จะต้องเริ่มตั้งแต่ต้น สู้บอสตั้งแต่ตัวแรกนะ!

ถ้ารวมตัวสองเกมแบบนี้ แล้ว WARRIORS Abyss ต่างกับโอโรจิหรือไม่?

พอพูดว่า WARRIORS Abyss เป็นการครอสโอเวอร์ของสองเกมมุโซวชื่อดังสามก๊กกับซามูไร คงอดเปรียบไม่ได้กับ Warriors Orochi ที่มีแนวทางเดียวกัน และรวมตัวละครทั้งหมดของเกมมาให้เราเลือกเล่น แถมเกมนั้นก็มี Gauntlet Mode อยู่แล้ว แต่ความแปลกใหม่คือเกมนี้จะกระตุ้นให้เราตื่นตัวตลอดเวลากับหนทางในดันเจี้ยนที่เราไม่อาจรู้ได้ว่ามีอะไรรออยู่แถมเราอาจจะไม่เจอเส้นทางเดิมอีกเมื่อกลับมาเล่นอีกครั้ง การตัดสินใจจึงเป็นเรื่องสำคัญมากและมันก็จะสร้างประสบการณ์เฉพาะตัวของเราขึ้นมา

กราฟิกและเพลงประกอบ

สิ่งที่สังเกตได้ก็คือโมเดลของตัวละครอ้างอิงมาจากเกมภาคหลักดังนี้คือ Dynasty Warriors 8 และ Samurai Warriors ภาคสปินออฟของ Sanada Yukimura ซึ่งก็จะต้องยอมรับว่ามีความลาสต์เจ็นอยู่เบาๆ เหมือนกัน แต่ใดๆ ก็ตามคิดว่าสิ่งที่ทำให้สีสัน (เน้นว่าแค่สีสัน) ของเกมดูชืดๆ ไปสักนิดเป็นเพราะฉากในเกมออกแบบมาให้โล่งโจ้งไม่มีอะไรตกแต่ง ส่วนใหญ่เราก็จะวิ่งวนๆ อยู่ในพื้นที่กว้างที่มีลวดลายพื้นไม่เหมือนกันแค่นั้น และเรื่องเฟรมเรตก็คือ 30FPS แบบล็อก มีตกบ้างเวลาศัตรูเยอะๆ เพราะเอฟเฟกต์กินหน้าจอหนังมาก จุดที่อยากตำหนิคือตัวหนังสือเล็กไปหน่อยครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้นรู้สึกว่ามันสัมพันธ์กันกับเกมเพลย์อยู่แล้วครับเพราะว่าเราก็จะใช้เวลาอยู่กับการไล่ตบเกรียนข้าศึกจำนวนมหาศาลภายในฉากรวมไปถึงพวกอสูรกายอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องการมองแลนด์มาร์ก การออกแบบแผนที่ก็เลยไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้นในส่วนความเห็นของผม แต่โมเดลตัวละครใหม่พวกบอสใหญ่ๆ เนี่ย มันคือออกแบบมาเพื่อเกมนี้ที่เป็นสเกลเล็กโดยเฉพาะจึงดูไม่ค่อยมีรายละเอียด ขณะที่โมเดลฮีโร่จะใส่ดีเทลเยอะกว่าเพราะเขาก็ออกแบบตามภาคหลักที่ปรากฏที่นับเป็นเกมใหญ่ ดึงเข้ามาอยู่ในนี้อยู่แล้ว ส่วนเพลงเองก็จะเป็นเพลงฟีลเดิมๆ ร็อคจัดๆ กระตุ้นความเร้าใจ… เพราะมันเป็นเพลงเดิมเกือบทั้งหมด แต่มันก็คุ้นหูดีนั่นแหละ ทั้งนี้เสียงประกอบของเอฟเฟกต์มันก็กลบลงไปอยู่ดี

บทสรุป

WARRIORS Abyss คือรสชาติใหม่ที่แฟนมุโซวอย่างผมรู้สึกตื่นเต้นและเพลินกับการฟาดฟันศัตรูที่โผล่มาแบบนับไม่ถ้วน และยังเป็นเกมที่ย่อยง่ายเล่นนานๆ ก็มันส์มือ เล่นสั้นๆ ก็พอให้สะใจ (ยิ่งเล่นบน Switch ที่พกพาได้ระหว่างวัน) ที่สำคัญใครที่ไม่เคยเล่นมาก่อนเกมนี้ก็มีการสอนตั้งแต่เนื้อหาช่วงแรกเลยครับ ใครที่มองหาเกม Bullet Hell ผสม Roguelike แต่อยากได้ตัวละครที่คุ้นเคยก็มาเล่นกันดูเพราะราคาไม่แรงเลยครับ

เพื่อนๆ ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของเกมได้แล้ววันนี้ไม่ว่าจะบน PlayStation 5, Xbox Series X|S, Nintendo Switch และ PC ผ่าน Steam รวมไปถึงเครื่องเล่นเกมเจ็นเก่าทั้ง PS4 และ Xbox One เลยครับ โดยทั้งสามเวอร์ชันมีคอนเทนต์เทียบเท่ากัน แต่จะมี DLC เครื่องแต่งกายตัวละครให้ไม่เหมือนกันรวมไปถึงสิทธิ์ปลดล็อกตัวละครล่วงหน้า ส่วนโอกาสถัดไป ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาอัปเดตให้ฟังขอเชิญติดตามที่นี่เช่นเคย