[รีวิว] Until Dawn (2024) ลางสังหรณ์ก่อนฟ้าสาง เวอร์ชันรีมาสเตอร์

ฮาโลวีนปีนี้หนาวกว่าที่เคยเพราะกรมอุตุฯ ประเทศไทยเพิ่งจะประกาศไปหมาดๆ ว่าเราเตรียมเข้าฤดูหนาวกันในช่วงปลายเดือนนี้ แต่นั่นไม่ใช่เพียงแค่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้เย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจเพราะมีอีกหนึ่งเกมอย่าง Until Dawn ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่รูปแบบรีมาสเตอร์กันเป็นที่เรียบร้อย และตลอดระยะเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมาที่พวกเราได้ไปสยองขวัญจนหนาวขึ้นสมองก็ทำให้เรารู้ว่าลางสังหรณ์ก่อนฟ้าสางที่ถูกถ่ายทอดออกมาใหม่นี้ มันเด็ดดวงไม่แพ้เวอร์ชันต้นฉบับ แม้จะมีจุดที่อาจผิดหวังบ้างก็ตาม

โฉมแรกที่เปลี่ยนไป

ในเมื่อเป็นเกมรีมาสเตอร์แบบนี้สิ่งแรกที่เราจะต้องคาดหวังก็คืองานภาพที่สวยงามมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องบ่อยที่อยากจะพูดเรื่องกราฟิกก่อนหลังจากพ้นฉากแรกที่เป็นการย้อนเรื่องราวที่เราคุ้นเคยกัน พอมาถึงมุมมองของ Sam สาวแกร่งของเราปุ๊บการนำเสนอก็เห็นได้ชัดเลยว่าเปลี่ยนไปจริงๆ เริ่มจากแสงที่เป็นช่วงเวลาตอนเย็นเห็นความส้มมากกว่าที่จะเป็นฉากมืดๆ แบบเดิมก็ช่วยทำให้อารมณ์ความน่ากลัวจากฉากก่อนหน้าเบาบางลงไปบ้างราวกับเตรียมพร้อมให้เราได้วี้ดกันต่อไปอีกทั้งคืน

ในส่วนของโมเดลตัวละครเองถึงจะดูไม่ได้เหมือนว่าออกแบบใหม่ทั้งหมด แต่เห็นว่ามีความสมจริงมากขึ้นเช่นผิวของตัวเอกหลักทั้งหมดที่อาจมีรอยหยาบ ริ้วรอยแตกต่างกันไป ซึ่งเกมนี้เป็นเกมสยองขวัญและตัวเอกก็ล้วนสมบุกสมบันดังนั้นอีกส่วนที่ไม่ชมไม่ได้ก็คือรอยแผลที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น น่ากลัวขึ้นมากครับ ขนาดที่เราเคยคิดว่าภาคต้นฉบับก็ทำออกมาดีแล้ว อันนี้มันดีกว่าเดิมจริงๆ ยังไม่รวมเรื่องเส้นผมตัวละครที่ทำให้อีก เวลาถึงฉากโคลสอัปก็เลยดูลงตัวเลย ‘ในระดับหนึ่ง’

เกมเพลย์ถูกนำเสนอให้เล่นได้ง่ายขึ้น

หากยังจำกันได้ Until Dawn เวอร์ชันต้นฉบับก็จะมีช่วงที่ตัดไปมาระหว่างการเลือกตอบคำถามและการเดินสำรวจ ส่วนนี้ทำการรีเวิร์คใหม่ค่อนข้างมาก ซึ่งฉากการเดินนั้นเคยเป็นแบบ Fixed-camera แต่รอบนี้กลายเป็น Over-the-shoulder หรือ OTS แทน และเหลือฉากการเดินแบบแช่กล้องน้อยทีเดียว (มักเป็นการแช่กล้องก่อนเปลี่ยนไปอีกมุมที่เป็น OTS) ส่วนตัวคิดว่าการเปลี่ยนแปลงรูปแบบบังคับทำให้เกมสามารถเล่นได้ง่ายขึ้นเพราะของภาคดั้งเดิมพอเปลี่ยนมุมทีตัวเอกจะเดินค้างที เราต้องมาหมุนอนาล็อกกันใหม่

ขณะเดียวกันในส่วนการเลือกการกระทำรวมไปถึง QTE ตรงนี้คิดว่ายังคงเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก ใครที่คิดว่าจะต้องเจอกับฉากตุ้งแช่จนกดปุ่มไม่ทันหรือลนลานอย่างไรอันนี้ทำใจสักหน่อยแบบเดิมแทบจะเป๊ะๆ ทว่าขอชื่นชมตรงที่เราปรับแต่งส่วนตัวช่วยการเข้าถึงหรือการช่วยเล่นให้เห็นได้ชัดมากขึ้น และที่ขาดไม่ได้คือ Don’t Move ที่ผู้เล่นต้องถือจอยเกมนิ่งๆ อันนี้ยังมีอยู่ให้เราได้ท้าทายความสามารถในการประคับประคองสติ (โดยมากถ้าพลาดช่วงนี้มักทำให้ตัวเอกม่องเท่ง) ทว่าจะสามารถปิดใช้งานเพื่อเลือกเป็น Stay Calm แทนได้! เห็นไหมครับมันง่ายขึ้นเยอะ

เรื่องราวคงเดิม แต่เพิ่มเติมให้กลมกล่อม

เนื้อเรื่องทั้งหมดเหมือนเดิมแบบเป๊ะๆ (อีกแล้ว) แต่ก็มีการปรับปรุงช่วงต้นเกมกับเรื่องของคัตซีนในส่วนมุมกล้อง โดยช่วงต้นเกมจะเห็นชัดกว่าว่ายาวขึ้นมานิดนึงแต่คิดว่ามันก็ยังไม่ได้สร้างความรู้สึกว่าอิมแพกต์มากนักครับ ทั้งนี้จุดที่คิดว่าน่าตื่นเต้นมากกว่าคือพวกโทเทมรายทางที่มีให้เก็บ โดยโทเทมเหล่านี้จะเป็นสิ่งของที่มีลางสังหรณ์บอกเหตุอนาคตของตัวเอกได้ โดยมีซีนใหม่ๆ มากมายเลย ส่วนมุมกล้องของคัตซีนที่บอกไปเมื่อกี้คิดว่าไม่ค่อยจำเป็นเท่าไรนัก

อีกหนึ่งส่วนที่ทำให้ Until Dawn เป็นที่รู้จักก็คือ Butterfly Effect ที่ผมอยากนำมาพูดอีกครั้งเพราะระบบนี้มันเป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของเกมไปเลย เกมยังคงมีคัตซีนที่เราสามารถเลือกจะทำหรือไม่ทำอะไร (อย่างที่บอกข้างบนหลายรอบ) และมันจะส่งผลเป็นทอดๆ ไม่ว่าจะเว้นช่วงไปตั้งแต่ต้นเกม หรือการตัดสินใจระยะสั้นๆ สิ่งเหล่านี้เมื่อเราทำลงไปปุ๊บจะมีเอฟเฟกต์ขึ้นพร้อมข้อความระบุ และพอถึงเหตุการณ์ต่อๆ มาหากเป็นผลกระทบจากการกระทำใดๆ มันจะมีซีนย้อนกลับมาให้ดูอีกครั้งเพื่อให้เรารู้สึกผิดเพราะส่วนมากจะจบลงที่ความตายของเพื่อนๆ ตัวเอก

จุดที่น่าเสียดาย

แม้จะมีสิ่งที่ทำได้ดี แต่สิ่งที่น่าเสียดายกลับเยอะจนน่าใจหาย เมื่อถามว่า Until Dawn นั้นควรจะถูกนำมารีมาสเตอร์ใหม่หรือไม่ แน่นอนครับว่าความเปลี่ยนแปลงเรื่องกราฟิกนั้นดีมากๆ และผมอยากชื่นชมทีมงานที่มีความตั้งใจนำแฟรนไชส์นี้กลับมาฉายแสงใหม่อีกครั้งแถมยังใส่คอนเทนต์เพิ่มเติมมาให้เราเล่นแบบที่ว่า ‘รอบเดียวเก็บไม่ครบ’ ทั้งฉากจบหลากหลายและเกร็ดเล็กน้อยที่ใส่เข้ามา ทว่าข้อจำกัดมันกลับเป็นเรื่องปัญหาด้านเทคนิคเสียอย่างนั้น

เกมเวอร์ชันรีมาสเตอร์ล็อคเฟรมเรตเอาไว้ที่ 30 เฟรมเท่านั้นบนอุปกรณ์ PlayStation 5… แบบเฟรมไม่นิ่งด้วย! โดยไม่มีทางเลือกโหมดกราฟิกแบบ Performance หรือ Quality ซึ่งก่อนหน้านี้เกมเวอร์ชันต้นฉบับได้รับการปรับปรุงให้สามารถแสดงผลที่ 60FPS ได้เรียบร้อย ดังนั้นต่อให้จะพูดว่างานภาพสมจริงควรถ่ายทอดด้วยเฟรมระดับใกล้เคียงภาพยนตร์ มันก็ดูไม่ค่อย convincing สักเท่าไรเมื่อแลกเงินกับสิ่งที่ได้รับ และที่ผมเสียดายอีกเรื่องคือเพลงประกอบที่เข้าใจว่าเป็นปัญหาลิขสิทธิ์ ทว่าการตัดทิ้งไปเลยมันก็ดูแปลกกกกมาก แม้เพลงใหม่เข้ามามันก็ปฏิเสธได้ยากว่าภาพจำถูกบดบัง

ที่สำคัญที่สุด ขอวนมาที่เรื่องงานภาพอีกครั้ง Until Dawn คือการบอกเล่าเรื่องราวการเอาตัวรอดของวัยรุ่นจนก่อนจะถึงฟ้าสางในค่ำคืนคืนเดียว ดังนั้นงานภาพแบบเดิมจะเห็นว่ามีการเน้นย้ำความรู้สึกกดดัน ความมืดหม่นช่วงกลางคืน ก่อนที่จะไปสว่างโร่ช่วงเช้ามืดเมื่อพวกเขาผ่านพ้นมาได้ แต่สำหรับเกมภาครีมาสเตอร์มันกลับเป็นความรู้สึกที่ผิดปกติด้วยโทนที่ร้อนและอุ่น มันดูเบาใจช่วงแรกที่ Sam เดินทางมาก็จริง ฉันใดก็ฉันนั้นเล่นมาสักพักจะรู้สึกว่าทุกอย่างมันส้มไปหมด โทนกับมู้ดมันขัดกันอย่างรุนแรงจนไม่อยากให้อภัย

ท้ายที่สุดผมมานั่งพิจารณาใหม่อีกครั้งซ้ำๆ ว่ามันจำเป็นด้วยหรือเปล่าที่จะต้องรีมาสเตอร์ มันไม่ใช่เพราะความคิดที่ว่าของเดิมดีอยู่แล้ว ทว่าเป็นเพราะการที่รีมาสเตอร์ออกมาแล้วอยู่ในสถานะที่ยังไม่เต็มร้อยมันจะทำให้กลายเป็นการเสียโอกาสโดยใช่เหตุ แทนที่จะปัดฝุ่นมาใหม่ให้ทุกคนรู้สึกว่านี่คือเวอร์ชันที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกม Until Dawn มันกลายเป็นว่าเราต้องมากุมขมับว่า ‘เฮ้ยเราคิดถึงเกมนี้ แต่เออเวอร์ชัน PS4 มันก็เล่นได้เหมือนกัน’

บทสรุปคลี่คลายก่อนฟ้าสาง

Until Dawn เวอร์ชันรีมาสเตอร์อาจจะไม่ได้อยู่ในสถานะที่เพียบพร้อมมากในตอนนี้ด้วยปัญหาด้านเทคนิคต่างๆ แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นทางเลือกที่ไม่ได้แย่เสียขนาดนั้น เพียงแค่มัน executed ออกมาได้ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก มองในแง่ปริมาณคอนเทนต์ที่เพิ่มเข้ามา และความที่เกมเป็นประสบการณ์เน็กซ์เจ็น รีเวิร์กระบบบังคับใหม่ ก็อาจจะ justify ให้เราเลือกเล่นภาคปรับปรุงนี้ก็ได้ และผมไม่โทษ Ballistic Moon เลยกับความผิดพลาด จะด้วยไม่ชำนาญการเปลี่ยนผ่าน Decima สู่ Unreal Engine หรือเหตุผลใดก็ตาม ว่าแล้วก็เป็นกำลังใจให้ทีมงานได้ทำแพตช์อัปเดตเพื่อแก้ไขปัญหายิบย่อยเกี่ยวกับกราฟิกได้ในเร็วๆ นี้เพื่อความสมบูรณ์แบบ

สำหรับใครที่สนใจ Until Dawn ก็สามารถเลือกซื้อได้แล้ววันนี้บน PlayStation 5 และ PC ซึ่งท้ายที่สุดพวกเราก็ขอขอบคุณ Sony Interactive Entertainment สำหรับเกมที่นำมารีวิวกันในวันนี้ โดยโอกาสหน้าจะมีอะไรมาแบ่งปันกันอีก ว่าแล้วอย่าลืมติดตามกันที่นี่ ThisIsGame Thailand เช่นเคยเพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารความเคลื่อนไหวในวงการเกมที่น่าสนใจก่อนใครครับผม