[รีวิว] Ultra Kaiju Monster Rancher
เปิดฟาร์มมอนสเตอร์ เลี้ยงไคจูที่คุ้นตา เข้าประลองฝีมือกับผู้เล่นทั่วโลก
Ultra Kaiju Monster Rancher เป็นการร่วมมือระหว่างแฟรนไชส์ Ultraman และเกม Monster Rancher ในโอกาสครบรอบ 25 ปี โดยผู้เล่นจะได้เลี้ยงดูเหล่าไคจูจากซีรีส์ Ultraman อย่าง Gomora , Zetton , Red King , Sevenger รวมไปถึงมีมอนสเตอร์จากซีรีส์ Monster Farm อย่าง Suezo และ Mocchi ด้วย และเมื่อพวกมันแข็งแกร่งมากพอก็จะสามารถนำไปต่อสู้กันในทัวร์นาเมนต์ไคจูเพื่อไต่ระดับแรงก์ให้สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ พร้อมกับเซอร์ไพรส์มากมาย
ในวันนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปเลี้ยงเหล่าไคจู และส่งพวกมันเข้าลานประลองภายในเกม Ultra Kaiju Monster Rancher เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ได้อ่านกันครับ
อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน Switch ระหว่างวันที่ 6-10 พฤศจิกายน 2565 หากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้
กราฟิกสวยเล่นจอใหญ่ก็ดี แต่เล่นจอเล็กแอบมีกระตุกอยู่บ้าง
สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงก่อนเลยก็คือ กราฟิกภายในเกม Ultra Kaiju Monster Rancher ที่เรียกได้ว่าทำออกมาได้น่าประทับใจมาก ๆ โดยในส่วนของภาพบรรยากาศสิ่งแวดล้อมโดยรวมภายในเกมนี้ที่ถูกทำออกมาได้สวยงามไม่ขัดตาเลย ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใบหญ้า แผ่นดิน ผิวน้ำต่าง ๆ ทำออกมาได้สวยงามราวกับว่าเราหลุดเข้าไปในโลกของเกมนี้จริง ๆ อีกทั้งอนิเมชั่นต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้อย่างลื่นไหล ดูแล้วสบายตา เล่นแล้วไม่ปวดตาเลยแม้แต่น้อย
ในส่วนของความลื่นไหลในการเล่นโดยรวมนั้นผู้เขียนมองว่าการเล่นต่อ Dock ขึ้นจอทีวีก็สามารถเล่นได้อย่างไหลลื่นไม่มีปัญหาอะไรมากนัก อย่างไรก็ตาม การเล่นแบบจอพกพาอาจจะไม่ได้ให้ความลื่นไหลเท่าการเล่นแบบต่อจอโทรทัศน์ โดยเฟรมเรตอาจจะมีตกลงมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้อรรถรสในการเล่นเกมเสียไปแต่อย่างใดครับ
ถึงเวลาอัญเชิญเหล่าไคจูมาจากแผ่นด้วยวิธีการที่หลากหลาย และรวมร่างหาไคจูลายใหม่ ๆ
แน่นอนว่าเมื่อเป็นเกมที่อยู่ในซีรีส์ของ Monster Rancher การอัญเชิญไคจูจากแผ่นดิสก์ที่เป็นเอกลักษณ์ก็ยังคงมีมาให้เราได้ใช้งานกันแบบเต็ม ๆ ตา แต่ในเกมเวอร์ชั่นนี้ได้มีการเพิ่มเติมรูปแบบการอัญเชิญขึ้นมาใหม่ จากในเกมยุค PS1 ที่เราจะเลือกใส่แผ่นเกมอื่น ๆ เพื่อสุ่มหามอนสเตอร์มาใช้งานเพียงอย่างเดียว ภายในเกมนี้มีรูปแบบอัญเชิญที่แตกต่างกันจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการสแกนโค้ดจาก Amiibo ที่คล้าย ๆ กับการใส่แผ่นดิสก์เกมสุ่มหามอนสเตอร์ แต่ระบบที่ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนจะได้ใช้มากที่สุดก็คือ การอัญเชิญด้วยการใส่ “คำสำคัญ” ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกใส่คำที่ต้องการลงไป ที่ไหน และตัวเกมจะทำการสุ่มไคจูออกมาให้เราได้ใช้งานกัน นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถกดรับไคจูด้วย Code พิเศษต่าง ๆ ตามอีเวนต์ได้ รวมไปถึงกดัญไคจูประจำฤดูกาลก็ได้เช่นกัน
และในส่วนที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นดีไซน์ของเหล่าไคจูที่ถูกนำเข้ามาใส่ภายในเกมนี้ซึ่งพวกมันทั้งหมดก็ถูกออกแบบมาได้ดีมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น Sevenger ไคจูหุ่นยนต์ตัวยักษ์ , Gan-Q ไคจูลูกตายักษ์สุดหลอน , Alien Baltan ไคจูก้ามปูที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำซีรีส์ Ultraman และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่บอกได้เลยว่าหากใครเป็นแฟนภาพยนตร์เรื่อง Ultraman รับรองได้ว่าประทับใจถึงขีดสุดอย่างแน่นอน แต่ที่มีเซอร์ไพรส์มากไปกว่านั้นก็คือ เราจะได้เจอกับ Suezo และ Mocchi มอนสเตอร์ที่น่ารักประจำซีรีส์ Monster Rancher ที่ในครั้งนี้พวกมันมาในขนาดยักษ์ไม่แพ้พวกไคจูเลยทีเดียว
แต่สิ่งที่น่าสนใจและเรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่สุดตั้งแต่เกม Monster Rancher ต้นฉบับเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือผู้เล่นสามารถนำไคจูของเรามารวมร่างกันได้ ซึ่งการรวมร่างนี้ไม่ได้แค่เสริมความแข็งแกร่งของไคจูของเราเท่านั้น แต่ผู้เล่นมีโอกาสที่จะได้รับไคจูที่มีลักษณะแตกต่างไปจากเดิม เช่น เราอาจจะได้ Sevenger ที่มีลายเป็น Gan-Q หรือเราอาจจะได้เจอกับ Mocchi ที่มีลวดลายเหมือน Ultraman ก็ได้ ซึ่งภายในเกมนี้จะมีการแสดงผลการรวมร่างให้เราได้ชมด้วย นั่นแปลว่าเราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงดวงแล้วคอยลุ้นว่าไคจูที่เราเลือกมาจะสามารถผสมกันออกมาเป็นตัวใหม่ได้หรือไม่ เพราะทุกอย่างได้โชว์ให้เราได้เห็นกันแบบชัดเจน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ครับ
เกมเพลย์เลี้ยงดูมอนสเตอร์ ผสมผสานกับการต่อสู้ที่ลงตัว
ภายในเกม Ultra Kaiju Monster Rancher จะมีเกมเพลย์หลัก ๆ อยู่ 2 ส่วนก็คือ เกมเพลย์เลี้ยงดูมอนสเตอร์ และเกมเพลย์ต่อสู้นั่นเอง ซึ่งผู้เขียนบอกได้เลยว่าเกมเพลย์ทั้ง 2 ส่วนนี้ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว แถมองค์ประกอบทั้ง 2 อย่างนี้ยังเกี่ยวข้องกันอย่างมากทำให้การเล่นเกมนี้จะต้องวางแผนการเล่นให้ดีอยู่พอสมควรครับ
เกมเพลย์ส่วนแรกก็คือ เกมเพลย์เลี้ยงดูไคจูของเราที่เรียกได้ว่าละเอียดลออเป็นอย่างมาก หากเราไม่วางแผนการเลี้ยงดูมันให้ดีเพราะการที่ไคจูของเราจะต้องเกษียณอายุก่อนวัยอันควรก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย โดยสิ่งสำคัญที่สุดในการเลี้ยงดูพวกมันก็คือเราจะต้องคอยนำมันไปฝึกฝนให้มีค่าสานะที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ยิ่งฝึกสำเร็จมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ไคจูของเราแข็งแกร่งมากขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตามการฝึกฝนไม่ใช่สิ่งเดียวที่เราจะทำได้ภายในเกมนี้เพราะในการฝึกฝนจะส่งผลต่ออารมณ์และความอ่อนล้าของร่างกายของมัน ฉะนั้นเราก็ต้องแบ่งเวลาให้พวกมันพักผ่อน และให้อาหารที่พวกมันชอบกิน โดยเราสามารถผสมอาหารกับเครื่องปรุงอื่นได้เพื่อให้อาหารของเรามีคุณค่าและมีประสิทธิภาพในการดูแลไคจูของเรามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เรายังสามารถส่งไคจูของเราไปฝึกกับผู้เลี้ยงดูคนอื่นได้ โดยการส่งไปฝึกแบบนี้จะมีโอกาสที่ไคจูของเราจะได้ท่าโจมตีใหม่ ๆ มาใช้งานด้วย
ในส่วนของเกมเพลย์ต่อสู้ก็เข้าใจง่ายแต่ต้องใช้เทคนิคพอสมควรในการเล่น ภายในเกมผู้เล่นจะได้ควบคุมไคจูเดินหน้าและถอยหลังเพื่อควบคุมระยะห่างระหว่างตัวละคร และกดใช้ท่าโจมตีในระยะและจังหวะที่ต้องการ อย่างไรก็ตามการโจมตีแต่ละครั้งจะต้องใช้แต้มที่เรียกว่า Guts ซึ่งแต่ละท่าก็จะใช้แต้มไม่เท่ากัน ทำให้การต่อสู้ภายในเกมนี้ต้องมีการบริหารจัดการแต้มให้ดี มิเช่นนั้นเราอาจจะถึงขั้นแพ้ได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว
ที่ผู้เขียนประทับใจไปมากกว่านั้นก็คือ การต่อสู้ นอกเหนือจากการต่อสู้ตามเนื้อเรื่องแล้ว (แบบออฟไลน์) ผู้เล่นยังสามารถค้นหาไคจูของผู้เล่นคนอื่น ๆ ทั่วโลก และท้าประลองได้ ซึ่งจุดนี้ก็เป็นจุดที่น่าสนใจและเป็นจุดที่ดีมาก ๆ อีกจุดหนึ่ง อ้อ! การแข่งขันออนไลน์ภายในเกมนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ Nintendo Switch Online ด้วยนะครับ! เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่เยี่ยมมาก ๆ เลยก็ว่าได้
สรุปรีวิว
Ultra Kaiju Monster Rancher เป็นอีกหนึ่งเกมที่ผู้เล่นคนใดโหยหาเกม Monster Rancher ตั้งแต่ยุค PS1 ก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ ด้วยระบบโดยรวมของเกมที่ยังคงเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างดี แถมยังมีการอัปเกรดให้ใช้งานง่ายขึ้น และน่าสนใจมากยิ่งขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามหากผู้อ่านคนใดที่ไม่เคยเล่นเกม Monster Rancher ก็อาจจะรู้สึกไม่อินสักเท่าไหร่
ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตแบ่งการให้คะแนนเป็น 2 ส่วนครับ โดยส่วนแรกคือคนที่อินกับ Ultraman หรือเคยเล่นเกม Monster Rancher มาก่อนจะให้คะแนนเกมนี้ที่ 9 เต็ม 10 ครับ แต่ถ้าหากใครไม่ได้อินไปกับ Ultraman หรือไม่เคยเล่นเกม Monster Rancher มาก่อนคะแนนจะอยู่ที่ 7.5 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ
จุดเด่น
- เกมเพลย์เด่น ๆ ของซีรีส์ Monster Rancher ถูกนำมาใส่ให้เราได้ใช้งานจนครบถ้วน
- ดีไซน์มอนสเตอร์ที่ถูกทำออกมาได้ดีมาก ๆ
- เกมเพลย์ที่ผสมผสานระหว่างการเลี้ยงดูและการต่อสู้ทำออกมาได้ดีมาก ๆ
- โดยรวมแล้วเกมเพลย์เล่นง่ายขึ้นจากภาคก่อน ๆ อยู่พอสมควร
- มี NPC ที่คุ้นตามาให้เราได้เซอร์ไพรส์เพียบ!
ข้อสังเกต
- ถ้าไม่ใช่แฟน Ultraman อาจจะไม่อินมากนัก
- มอนสเตอร์จากทางฝั่ง Monster Rancher มีให้ได้เจอแค่ 2 ตัวเท่านั้น
- ระบบการต่อสู้ไม่ใช่ Real-Time
- แฟนเกมรุ่นใหม่อาจจะไม่อินกับกิมมิกที่สอดแทรกเข้ามาภายในเกม
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Bandai Namco Entertainment Asia ที่เอื้อเฟื้อเกมดีๆ เกมมันส์ๆ มาให้พวกเราได้รีวิวกันในครั้งนี้ด้วยนะครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…