[รีวิว] Super Mario Bros. Wonder มาริโอ้ผจญภัยแดนดอกไม้มหัศจรรย์
ภาคใหม่ของเกมมาริโอ้ตะลุยด่านรูปแบบสองมิติที่จัดหนักด้วยไอเดียสร้างสรรค์
ถ้าหากจะนับเนื้อเรื่องเกมภาคหลักของ Super Mario ในรูปแบบสองมิติต้องบอกเลยว่าไม่ได้มีภาคใหม่จริงๆ มาถึงสิบปีแล้วครับ และวันนี้เอง Nintendo ก็ได้วางจำหน่ายเกมภาคล่าสุดอย่าง Wonder ซึ่งถึงเป็นการกลับมาครั้งสำคัญของลุงหนวดเรียบร้อยแล้ว ในเมื่อหายกันไปนานแบบนี้ แน่นอนว่าก็ต้องมีความพิเศษมากกว่าทุกครั้งใช่ไหมครับ โดย ThisIsGame Thailand ก็ไม่พลาดใช้เวลากับเหล่าชาวแก๊งในเกมภาคใหม่มาพอหอมปากหอมคอเพื่อนำประสบการณ์สนุกๆ มารีวิวให้ฟังด้วย แต่จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นขอเชิญติดตามได้เลย
【เนื้อเรื่องเข้าใจง่าย หยิบจอยปุ๊บสนุกได้ทันที】
เกมภาคนี้ Mario ไม่ได้ไปช่วยเจ้าหญิง แต่จะยกแก๊งมาเยี่ยมเยียนอาณาจักรบ้านใกล้เรือนเคียงนั่นคือ Flower Kingdom แต่แขกไม่ได้รับเชิญอย่าง Bowser กลับโผล่มาเสียอย่างนั้น ทำให้ Mario ต้องร่วมมือกับเจ้าชาย Florence ในการตามล่าเหล่าร้ายและคืนความสงบสุขเช่นเดียวกับปราสาทที่โดนยึดไป เรียกได้ว่าคอนเซปต์คล้ายของเดิมแต่น่าติดตามด้วยจำนวนตัวละครที่มีให้เลือกซึ่งจะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป โดยเกมบอกเล่าเนื้อหาผ่านคัตซีนที่จะขึ้นมาในจุดสำคัญ ถือว่าเล่าเรื่องได้แปลกใหม่เมื่อเทียบกับเกมซีรีส์เดียวกันในภาคอื่นๆ ก่อนหน้าครับ
【ตัวละครหลากหลายใช้ได้ไม่เบื่อ และยังมีระบบ Perk ด้วย】
ตัวเกมมีการนำเสนอตัวละครให้เลือกเล่นถึง 12 ตัวละครเลยทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็นหน้าเก่าอย่าง Mario, Luigi และ Toad ทั้งสองสี ตามมาด้วยเจ้าหญิง Peach – Daisy และจะมี Yoshi อีก 4 สีให้เลือกใช้ ซึ่ง Yoshi นับว่าเป็นตัวละครที่เหมาะกับมือใหม่เพราะว่าจะไม่ได้รับดาเมจอะไรทั้งสิ้น แถมยังใช้ท่าของตัวเองอย่างการแลบลิ้นกินศัตรู การกระโดดค้างเพื่อเด้งตัวปีนที่สูง และท้ายที่สุด เจ้ากระต่ายสีม่วงจอมขโมยของ Nabbit ก็มีให้เล่นเหมือนกัน มาพร้อมคุณสมบัติไม่โดนดาเมจเช่นเดิม แต่นอกเหนือจากสกิลมือใหม่ของ Yoshi – Nabbit แล้วตัวละครเหล่านี้มีความสามารถเท่าเทียมกันทั้งหมดครับ ทำให้ไม่ว่าจะเล่นตัวไหนก็เคลียร์เกมจนจบได้ไม่มีใครด้อยกว่าใคร มีเพื่อน 4 คนมาเล่นด้วยกันไม่ต้องแย่ง
สิ่งที่เพิ่มความหลากหลายก็จะเป็น Badge ระบบเข็มกลัดที่ผู้เล่นจะได้รับตามฉากหรืออาจซื้อจากร้านค้าในแผนที่ใหญ่ แต่ละเข็มกลัดมีความสามารถไม่เหมือนกัน เช่นสามารถเปลี่ยนหมวกเป็นเครื่องร่อน, การกระโดดไต่กำแพงแบบสองสเตป หรือเป็นการเพิ่มเห็ดตัวสูงให้ตั้งแต่เริ่มฉาก ช่วยสร้างสไตล์การเล่นที่เหมาะกับตัวเอง ซึ่งถ้าหากนำมาผสมผสานในโหมด Local Co-op ก็จะเอื้อต่อกันและกันได้ดีเลยครับ
【เกมเพลย์คลาสสิกที่มีแอ็กชันใหม่】
การควบคุมจะเหมือนกับเกมภาคเก่าๆ รูปแบบตะลุยด่านคือวิ่งไปให้สุดฉาก บางฉากอาจมีทางลับต่างๆ ด้วย แต่ถ้าสังเกตจะเห็นว่าไม่มีการจำกัดเวลาอีกต่อไปทำให้เรามีโอกาสสำรวจฉากและความลับที่ซุกซ่อนอยู่ โดยแอ็กชันใหม่ที่เราสามารถใช้ได้ก็คือการนั่งพื้นแล้วเคลื่อนที่คล้ายกับคลาน หรือพาวเวอร์อัปร่างช้างที่ทำให้ช่วยพังอิฐบล็อกด้านหน้าได้เมื่อไม่มีกระดองเต่านั่นเองครับ และอีกพาวเวอร์อัปที่เพิ่มเข้ามาจะเป็นหมวกสว่านที่ทำให้เราดำดิน หรือขึ้นเพดานหลบศัตรู กระนั้นแล้วก็ต้องบอกว่ามีให้เลือกน้อยไปนิดนึงเพราะนอกจากของเล่นใหม่สองสามแบบนี้ ดันมีพลังเก่าๆ กลับมาแค่อันเดียวคือดอกไม้ไฟ (แป่ว)
กระนั้นแล้ว สิ่งที่ได้รับการแลกเปลี่ยนกลับมาเห็นทีจะเป็นไอเดียอื่นๆ ที่ใส่เข้ามาต่อเนื่องเช่นแผนที่ขนาดใหญ่ให้เราวิ่งก่อนเข้าฉาก โดยจะมีลักษณะคล้ายภาค 3D World ที่เราวิ่งไปเข้าฉากได้เอง ซึ่งแลนด์มาร์กจะแบ่งเป็น ฉากหลัก ฉากคัตซีน ฉากภารกิจเควสต์ย่อยให้ปลดล็อกของต่างๆ และร้านค้าที่ขายของด้วยเงินสีม่วงที่เก็บตามฉาก หากเคลียร์แล้วจะเข้ามาอยู่ในรายชื่อให้ค้นหาง่ายๆ แบบไม่ต้องวิ่งไปมาครับ
【ไฮไลต์คือ Wonder Effect】
มาถึงจุดเด่นของภาคนี้แล้วครับ ระหว่างการเดินทางเราอาจจะเจอดอกไม้ปริศนาลอยอยู่กลางฉาก หากวิ่งไปเก็บทัน จะทำให้ Mario และผองเพื่อนหลุดเข้าไปสู่โลกพิศวงเรียกว่า Wonder Effect ซึ่งจะเกิดเหตุการณ์แปลกๆ เช่น ท่อสีเขียวที่กระดึ๊บไปมาได้, เหตุการณ์ดาวตกให้เราเก็บดาวไปวิ่งชน หรือกองทัพศัตรูวิ่งไล่เป็นต้น ความเจ๋งที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ Nintendo ใส่ไอเดีย Wonder Effect มามากแทบไม่ซ้ำแบบ เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเจออะไรข้างหน้า ไอเดียชวนให้เรายิ้มตลอดเวลา และเมื่อเราสามารถเก็บ Wonder Seed ได้ก็จะหยุดปรากฏการณ์เหล่านี้ โดยมากจะอยู่ตรงช่วงท้ายฉากพอดีนั่นแหละครับ
【รองรับทั้ง Local Co-op และออนไลน์】
เกมแนวตะลุยด่านสองมิติภาคหลักของซีรีส์ Super Mario ได้มีการเพิ่มองค์ประกอบรูปแบบ Co-op กันมาตั้งแต่ภาค Wii เลย การกลับมาในครั้งนี้ยังคงรองรับผู้เล่นที่ 4 คนในฉากเหมือนเดิมอย่างที่ระบุข้างต้น แต่ว่าไม่ได้มีเพียงแค่แบบ Local เท่านั้น เพราะสามารถใช้งานในระบบออนไลน์ได้ด้วย โดยก่อนหน้านี้ผมสังเกตว่ากมภาค Maker 2 – 3D World ที่เป็นรูปแบบออนไลน์เคยเจอปัญหานั่นคือเมื่อจับผู้เล่นมาอยู่ในห้องเซสชันเดียวกันก็ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตเป็นปัญหาจนแลค ก็เลยเดาว่าภาค Wonder จึงเปลี่ยนลักษณะใหม่ให้ผู้เล่นแต่ละคนในฉากมีหน้าจอเป็นของตนเอง นั่นคือจะเล่นก็เล่นไปเลยไม่มีแย่งศัตรู แย่งไอเทม ปากระดองใส่เหมือนการเล่นแบบ Local
ได้ยินแบบนี้แล้วหลายคนก็คงจะงงๆ ว่า แล้วแบบนี้จะเล่นออนไลน์ทำไม คำตอบก็คือผู้เล่นจะยังคงเห็นเงาของคนอื่นอยู่ในฉากแบบลางๆ เรียลไทม์ด้วย การแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ได้ช่วยให้ลบข้อจำกัดด้านระบบออนไลน์ได้ไปโดยสิ้นเชิงเลยครับ แต่ขณะเดียวกันผู้เล่นยังมีปฏิสัมพันธ์หากันและกันได้ เช่นถ้าเกิดใครพลาดท่าจะกลายร่างเป็นวิญญาณที่มีเวลา 5 วินาทีในการลอยไปหาอีกฝ่ายเพื่อช่วยฮีลจนกลับมาเล่นเกมได้ หรือสามารถซัมมอนไอเทมเพื่อส่งให้ทุกคนใช้ เช่นเดียวกับการตั้งสแตนดี้เพื่อเตือนภัย ทักทาย ใช้อีโมจิก็เห็นตามปกติเลย และสแตนดี้ก็ใช้ทดแทนลอยไปหาตัวละครอีกฝ่ายได้เหมือนกัน เมื่อช่วยเหลือแล้วจะได้แต้มหัวใจอันนี้ไม่ได้นำไปใช้อะไรได้ แต่จะแสดงขึ้นให้คนอื่นเห็นระหว่างเล่นว่า เราเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนนะ
ช่วงเล่น Co-op ทั้งออนไลน์ / ออฟไลน์ เวลาอยู่กับเพื่อนสามารถตั้งค่าห้องให้เป็นโหมดวิ่งแข่ง Friends Race
วิธีเล่นคือแย่งกันทำสถิติใครวิ่งถึงเส้นชัยก่อนชนะ แต่ถ้าเป็นโหมดออนไลน์สุ่มคนจะใช้งานโหมดนี้ไม่ได้นะ
อย่างไรก็ตามครับ ผมยังคงมองว่า Super Mario Bros. เป็นเกมที่เหมาะกับการเล่นแบบ Local Co-op มากกว่าในฐานะเกมปาร์ตี้ ทั้งนี้ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ที่ใส่ระบบออนไลน์เข้ามาเพราะไลฟ์สไตล์ของผู้เล่นปัจจุบันก็เปลี่ยนไปมาก เราไม่ได้มีเวลาเดินทางไปเล่นเกมที่บ้านเพื่อนเหมือนเมื่อก่อน พอใส่โหมดออนไลน์เข้ามาก็ช่วยคลายเหงาได้ แต่ก็ขอแนะนำว่าถ้าเล่นออนไลน์กับเพื่อน อย่าลืมที่จะหาโปรแกรมคอลกันเอาไว้ร่วมกันหัวร้อนหรือว่าสื่อสารหากันและกันครับผม
【กราฟิกและดนตรี】
Super Mario Bros. Wonder ได้รับการพัฒนาเพื่อเครื่องเล่น Nintendo Switch โดยเฉพาะจึงใช้ประสิทธิภาพของเครื่องอย่างเต็มที่ รองรับการแสดงผลที่ 1080p ที่เป็นมาตรฐานปัจจุบันของโทรทัศน์ทั่วไป พร้อมเฟรมเรตระดับ 60FPS โดยรวมยังไม่เห็นว่ามีการร่วงลงมาเท่าไร (มีในฉากแผนที่ใหญ่ประปราย) แต่ความละเอียดในบางจุดถูกลดทอนเพื่อคงความลื่นไหลเอาไว้ ส่วนคุณภาพกราฟิกจะเห็นว่าแตกต่างจากภาค U Deluxe เนื่องจากภาคนั้นเป็นการพอร์ตของรุ่นเก่า ทว่าอันนี้พัฒนาใหม่หมดจด จึงมีความทันสมัย เน้นสีฉูดฉาดมากกว่าเดิมด้วย
จุดที่จะสังเกตเห็นได้ชัดคือดีไซน์ตัวละครแบบใหม่ แน่นอนว่าไม่ได้ปรับโฉมครั้งใหญ่แบบตอนที่ Nintendo 64 ส่งไม้ต่อสู่ GameCube แล้วมีการเปลี่ยนชุด ดีไซน์ตัวละครจนเป็นเวอร์ชันแบบปัจจุบัน แต่เราจะเห็นการดีไซน์สัดส่วนตัวละคร รูปร่างลักษณะใหม่ โมเดล Mario ก็จะหันหน้าทำมุมเล็กน้อย เราจึงมองเห็นใบหน้าของลุงหนวดกันเต็มๆ ไม่ได้ว่าหันข้าง มีการใส่ปาก ทำหน้าทำตายิ้มแย้มมีชีวิตชีวากว่าเดิม ส่วน Yoshi เพื่อนจ๋าของพวกเรานั้น เป็นเหมือนกับดีไซน์ยุคซูเปอร์แฟมิคอมที่ตัวสูงกว่าปกติ ดูแปลกใหม่ดีสำหรับคนที่ไม่ได้เห็นมานาน และด้านเพลงติดหูไหมมันก็ติดหูนะ แต่ความรู้สึกส่วนตัวของผมไม่ได้ชอบขนาดนั้น คือน่ารักและดูเป็นจุดเริ่มต้นการผจญภัยตามสไตล์ มีจุดที่ชอบคือเพลงช่วงที่อยู่ใน Wonder Effect ในด่านต้นไม้ ฟังแล้วนึกถึงเกมยุค 80-90 จะดูเข้ากว่านะ เอาจริง
【บทสรุป】
Super Mario Bros. Wonder เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นใหม่ของซีรีส์ลุงหนวดช่างซ่อมท่อที่น่าจะได้ขึ้นแท่นบรรทัดฐานสำหรับเกมภาคถัดไปด้วยความลงตัวในหลายๆ จุด กระนั้นแล้วก็ยังมีบางส่วนที่เราแอบเสียดายว่าไม่ได้นำมาประยุกต์ใช้ แต่ด้วยความคุ้มค่าในส่วนของเกมเพลย์ โหมดการเล่น และคอนเทนต์ที่ใส่มาให้แบบจัดเต็ม ก็ขอบอกเลยว่าประสบการณ์ที่ได้รับนั้นฟินอย่างแน่นอนครับ ขอมอบคะแนนที่ 9.5/10 กันเลย
เรียกได้ว่าแฟนเกมทุกคนไม่ควรพลาดกับภาคนี้เด็ดขาด รวมไปถึงผู้เล่นสายปาร์ตี้ที่มักจะมีเพื่อนมาเที่ยวบ้านบ่อยๆ หรือจะเป็นคนที่อยากเล่นกับเพื่อนแบบออนไลน์ ก็เริ่มเล่นกันได้ง่ายๆ เลยครับ โดย Super Mario Bros. Wonder วางจำหน่ายแล้ววันนี้บน Nintendo Switch สำหรับประเทศไทยจะมีของแถมเป็นถุงผ้าลายพิเศษในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน ว่าแล้วอย่าลืมมาพบกันที่อาณาจักรดอกไม้นะ อาจจะเจอผมวิ่งเล่นอยู่ก็ได้ ส่วนโอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาแบ่งปันกันอีก ขอเชิญติดตามที่นี่ได้เช่นเคย