[รีวิว] Ghost of Tsushima Director’s Cut สานต่อตำนานนักรบปีศาจ ออกผจญภัยไปบนเกาะ Iki

Ghost of Tsushima เป็นเกมที่สร้างกระแสให้กับเกม Exclusive ให้กับ Sony ได้ปังปุริเย่มาก ๆ และแน่นอนว่าเกมดีมีชื่อเสียงขนาดนี้ เมื่อมีการวางจำหน่าย PS5 ก็ไม่พลาดที่จะถูกนำมาอัปเกรดและเพิ่มเติมส่วนขยายให้แฟนเกมได้เสียเงินซื้อมาเล่นกันอีกครั้งอย่างแน่นอน

Ghost of Tsushima Director’s Cut เป็นเกมที่มีการเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ที่ไม่มีในเกม Ghost of Tsushima เวอร์ชั่นดั้งเดิม โดยจุดชูโรงหลักคือ เนื้อเรื่องใหม่ที่ผู้เล่นจะได้ออกผจญภัยไปบนเกาะ Iki พร้อมเนื้อเรื่องสุดเข้มข้น รวมไปถึงเกมเวอร์ชั่นนี้ยังได้มีการเพิ่มองค์ประกอบใหม่ ๆ เข้าไปจำนวนมาก เพิ่มลูกเล่น Haptic Feedback ของจอย DualSense รวมไปถึงการปรับปรุงเรื่อง Quality of Life ต่าง ๆ ทำให้ผู้เล่นที่เคยเล่นเกมนี้ไปแล้ว ก็สามารถกลับมาเล่นซ้ำได้แบบไม่มีเบื่อ

ผู้เขียนเองได้มีโอกาสสัมผัสกับเกม Ghost of Tsushima Director’s Cut ซึ่งบอกได้เลยว่าประทับใจแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และในโอกาสนี้ผู้เขียนก็ได้นำรีวิวเกมนี้มาให้ผู้อ่านได้ติดตามกันด้วยครับ

อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 และเป็นการรีวิวในวันที่ 18-21 สิงหาคม 2564 หากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีแพทช์ออกมาแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้

กราฟิกคมชัดบาดตา เล่นเกมได้ลื่นไหล

สิ่งแรกที่ผู้เขียนประทับใจมากที่สุด และต้องพูดถึงก่อนเป็นอันดับแรกในการรีวิวเกม Ghost of Tsushima Director’s Cut ก็คือคุณภาพของกราฟิกระดับ 4K ที่ทำให้การเล่นเกมนี้สวยงามโดดเด่นมากยิ่งขึ้น จากที่เกมนี้มอบประสบการณ์การเล่นเกมระดับเทพให้กับแฟนเกมอยู่แล้ว เมื่อถูกอัปเกรดขึ้นมาให้เล่นกันบน PS5 ยิ่งทำให้เกมนี้มีคุณค่าต่อการเล่นมากยิ่งขึ้น โดยทุก ๆ องค์ประกอบภายในเกมถูกอัปเกรดขึ้นมาให้สวยงามคมชัดบาดตาเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวของชุดเกราะของตัวเอก , สรรพสัตว์ทั้งหลายในฉาก รวมไปถึงต้นไม้ใบหญ้าที่บอกได้เลยว่า “แค่มาเดินถ่ายภาพสวย ๆ ก็คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มแล้ว” ครับ

นอกจากนี้ความลื่นไหลของเกมที่ถูกอัปเกรดมาให้เล่นกันในระดับ 60FPS ก็ยิ่งทำให้เกมนี้เล่นได้สนุกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการกะจังหวะการปัดป้องที่ทำได้ง่ายขึ้นเนื่องจากความลื่นไหลที่สูงขึ้น รวมไปถึงความเพลิดเพลินในการออกสำรวจโลกก็สูงขึ้นตามไปด้วยจนเรียกได้ว่า เข้าเกมมาขี่ม้าท่องรอบเกาะก็เพลินใจเป็นอย่างมากแล้วครับ

เกาะ Iki กับเรื่องราวที่เข้มข้นราวกับกำลังดูภาพยนตร์ชั้นนำ

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ถูกเพิ่มเข้ามาภายใน Ghost of Tsushima Director’s Cut นี้คือ เนื้อหาของเกมที่มีการเพิ่มการผจญภัยในเกาะ Iki มาให้แฟนเกมได้เล่นกัน ซึ่งการผจญภัยบนเกาะนี้เราก็จะได้เจอเนื้อหาที่เข้มข้น และศัตรูใหม่อีกด้วย (ซึ่งผู้เขียนขออุบไว้เพื่อไม่ทำลายอรรถรสในการเล่นเกมนี้ของผู้เล่นที่ยังไม่ได้เล่นครับ)

สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนเกาะ Iki นี้ผู้เขียนต้องคารวะผู้เขียนบทอย่างมากที่ทำให้การนำเสนอเนื้อหาบนเกาะนี้เรียบเนียนไปกับเนื้อหาเกมหลักแบบไม่ขัดหูขัดตาเลยแม้แต่น้อย โดยเรื่องราวจะโยนประเด็นหลักอย่าง “นางพญานกอินทรีย์” ที่กำลังวางแผนบุกเกาะ Tsushima ซึ่งเธอกำลังรวบรวมกองทัพบนเกาะ Iki ซึ่งเป็นเกาะแดนเถื่อนที่เหล่าซามูไรไม่ได้เข้าไปปกครองมานานนับหลายสิบปี โดยเรื่องราวภายในเนื้อหาเสริมนี้จะพาผู้เล่นไปพบกับอดีตของ Jin ที่ทำให้เราได้รู้จักตัวละครนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งบอกได้เลยว่าคุณภาพของเนื้อหาภายในส่วนขยายนี้เหมือนกับเรากำลังดูภาพยนตร์ชั้นยอดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

นอกจากนี้ บนเกาะดังกล่าวยังมีเรื่องราวในตำนานที่จะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ดื่มด่ำ พร้อมกับรับชุดเกราะใหม่ไปใช้งาน รวมไปถึงยังมีเหล่าสรรพสัตว์ใหม่ให้ผู้เล่นได้พบเจอ เช่นแมว และลิง เป็นต้น

จอย Dual Sense ที่ทำให้เกมสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

Haptic Feedback คือจุดชูโรงสำคัญของ Ghost of Tsushima Director’s Cut อีกจุดหนึ่งที่ผู้เขียนประทับใจสุด ๆ เลยครับ โดยการสั่นของจอยในครั้งนี้เรียกได้ว่ามาแทบจะทุกช่วงของการเล่นเกมเลยก็ว่าได้ตั้งแต่การเข้าประจันหน้ากับศัตรูที่ทุก ๆ การฟาดฟันจะสะเทือนมาถึงมือของผู้เล่นจนผู้เขียนรู้สึกว่าสะใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้การผสมผสาน Adaptive Triggers ทำให้การเล่นเกมนี้สนุกมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การง้างคันธนูที่ทั้งแรงสั่น และแรงต้านของปุ่มก็ทำให้เรารู้สึกแตกต่างไปจากการเล่นบน PS4 เป็นอย่างมาก ยิ่งในช่วงเวลาที่เข้าโหมดนักรบปีศาจก็ทำให้การฟาดฟันแต่ละทีสะเทือนหนักมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เล่นรู้สึกโหดขึ้นเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้เสียงของจอย Dual Sense ยังถูกนำมาใช้งานมากขึ้น โดยเฉพาะในการผจญภัยบนเกาะ Iki ที่ผู้เขียนเองแอบสะดุ้งด้วยเสียงของศัตรูใหม่ที่ดังขึ้นมาครั้งแรกจากในจอย รวมไปถึงเสียงองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ถูกสอดแทรกเข้ามา เช่น เสียงลม เสียงดาบ ทำให้การเล่นเกมนี้สมบูรณ์แบบที่สุด

จุดที่ผู้เขียนตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยก็คือ มีการใช้ Motion Sensor เข้ามาในการเล่นเกมนี้ด้วย โดยผู้เล่นจะได้เข้าสู่เขตอภัยทาน และเป่าขลุ่ยเล่นมินิเกมกับเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายบนกาะแห่งนี้ ซึ่งผู้เล่นจะต้องทำการขยับจอยขึ้นลงให้ตรงกับจังหวะของดนตรีที่ปรากฏ ซึ่งมินิเกมนี้เราจะได้เล่นอยู่ทั่วเกาะ Iki แห่งนี้ครับ

องค์ประกอบอื่นๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาเติมเต็มการผจญภัย

เกมเวอร์ชั่น Director’s Cut ยังแอบเพิ่มความสามารถของการเรนเดอร์ การขยับปากของตัวละครภายในเกมนี้ให้ตรงกับภาษาญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นหากใครเล่นเกมนี้ด้วยเสียงพากย์ภาษาญี่ปุ่น (อย่างผู้เขียนเป็นต้น) รับรองว่าฟินถึงใจแน่นอน

นอกจากนี้ผู้เล่นยังจะได้พบเจอกับสกิลใหม่ของ Jin ที่จะทำให้การออกสำรวจเกาะ Iki และ Tsushima นั้นสนุกสนาน และสะใจมากยิ่งขึ้น (ขอไม่ลงรายละเอียดมากเพื่อไม่ทำให้ผู้อ่านโดนสปอยล์ครับ)

อีกจุดหนึ่งที่ไม่พูดถึงเลยไม่ได้ครับ นั่นก็คือระยะเวลาในการโหลดเกมในแต่ละฉากที่รวดเร็วถึงใจแน่นอน ตัวอย่างเช่น การโหลดเข้าไตเติ้ลเกม ใช้เวลาไม่ถึง 10 วินาที , การโหลดเซฟเล่นต่อใช้เวลาไม่ถึง 2 วินาที รวมไปถึงการโหลดในฉาก Fast Travel ใช้เวลาไม่ถึง 2 วินาทีเช่นกัน!

สรุปรีวิว

ผู้เขียนคงไม่ต้องบรรยายเพิ่มเติมไปมากกว่านี้ จากรายละเอียดด้านบนผู้อ่านคงทราบแล้วว่า Ghost of Tsushima Director’s Cut เวอร์ชั่น PS5 เป็นเกมที่ควรค่าแก่การเสียเงินให้เป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าหากผู้อ่านคนใดเคยเล่นเกมเวอร์ชั่นต้นฉบับแล้วยังลังเลอยู่ ผู้เขียนบอกเลยว่าไม่มีอะไรต้องเสียดายเลยแม่แต่น้อย

ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 10 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ

จุดเด่น

– กราฟิก 4K 60FPS สวยงามลื่นไหล ที่เติมเต็มประสบการณ์การผจญภัยของ JIn ให้สมบูรณ์แบบ

– จอย DualSense ที่ถูกนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพราวกับเป็นเกม PS5 แท้

– การโหลดเกมที่เร็วขึ้นแบบสุด ๆ

– เนื้อหาของเกมที่มีให้ติดตามกันแบบเข้มข้น

– มินิเกมใหม่เต็มรสชาติให้ความแปลกใหม่มากขึ้น

จุดสังเกต

– พบเห็นอาการ Crash เล็กน้อย

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ SIES ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวกันในครั้งนี้ครับ ส่วนในครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดรอติดตามกันได้เลย

ภาพ Screenshots