[รีวิว] FATAL FURY: City of the Wolves

สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน หลังจากห่างหายจากวงการไปนานกว่า 2 ทศวรรษ ซีรีส์ไฟต์ติ้งระดับตำนานจากค่าย SNK อย่าง Fatal Fury ก็กลับมาอีกครั้งในปี 2025 กับภาคใหม่ล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า FATAL FURY: City of the Wolves ผลงานภาคต่อที่รอคอยกันมาตั้งแต่ Garou: Mark of the Wolves เมื่อปี 1999 ซึ่งครั้งนั้นถือเป็นการส่งต่อยุคใหม่ของโลกนักสู้ South Town อย่างแท้จริง และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเกมต่อสู้ที่ดีที่สุดของยุคนั้น การกลับมาในคราวนี้ไม่เพียงแค่ปลุกความทรงจำเก่า ๆ แต่ยังมาพร้อมกราฟิกใหม่สุดเท่ ระบบการเล่นแบบใหม่และโหมด RPG ที่น่าสนใจ เป็นการรีบูตซีรีส์ระดับตำนานที่ทั้งแฟนเก่าและแฟนใหม่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ไปชมรายละเอียดกันเลยครับครับ

ภาพรวมเกม

FATAL FURY: City of the Wolves เป็นเกมต่อสู้แนว 2D Fighting ที่พัฒนาโดย SNK โดยครั้งนี้มาพร้อมกราฟิกใหม่ในสไตล์ “คอมิกส์เคลื่อนไหว” ที่ให้ทั้งความดุดันและความสดใหม่ แตกต่างจากงานภาพยุคเก่าที่เน้นพิกเซลแบบคลาสสิก จุดเด่นคือระบบ REV System ที่เพิ่มลูกเล่นการป้องกันและโจมตีให้ลึกขึ้น รวมถึงโหมด Episodes of South Town ที่เล่าเรื่องตัวละครในสไตล์ RPG นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุม 2 แบบ รองรับทั้งผู้เล่นใหม่และระดับแข่งขันจริงจัง เกมนี้เหมาะกับทั้งแฟนซีรีส์เก่าที่รอคอยการกลับมา และผู้เล่นรุ่นใหม่ที่มองหาเกมต่อสู้ที่ลื่นไหล ภาพสวย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวครับ

สู้สุดมันส์ทั้งมือใหม่และมือโปร

ระบบการต่อสู้พื้นฐานของ FATAL FURY: City of the Wolves ยังคงยึดรูปแบบ 2D Fighting แบบคลาสสิก ที่ใช้การโจมตีแบ่งเป็นหมัด เบา หนัก เตะ และท่าไม้ตายพิเศษ โดยผู้เล่นต้องผสมผสานคอมโบ การตั้งรับ และการเคลื่อนไหวบนเวทีอย่างแม่นยำ จุดที่น่าสนใจคือมีระบบควบคุมให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ Arcade Style สำหรับผู้เล่นสายฮาร์ดคอร์ ที่ต้องการควบคุมท่าเองทุกขั้นตอน และ Smart Style ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เหมาะกับผู้เล่นหน้าใหม่หรือสายแคชชวล ระบบควบคุมทั้งสองแบบนี้ช่วยให้เกมเข้าถึงได้ทุกระดับฝีมือ โดยไม่ลดทอนความลึกของเกมเพลย์ครับ

REV System ของใหม่มันส์ได้ไม่ยั้ง

REV System คือระบบใหม่ล่าสุดที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน FATAL FURY: City of the Wolves เพื่อยกระดับความลึกในการต่อสู้ โดยระบบนี้จะใช้หลอดพลังงานที่เรียกว่า REV Meter ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจากการโจมตีหรือถูกโจมตี เมื่อเกจเต็ม ผู้เล่นสามารถใช้พลังนี้เพื่อปลดปล่อยท่าพิเศษขั้นสูง, ใช้ REV Blow (ท่าไม้ตายพลังสูง), หรือเปิดโหมด REV Heat ที่เพิ่มความรุนแรงในการโจมตีชั่วคราว ความแตกต่างจากระบบพลังแบบเดิมในซีรีส์ก่อนหน้า คือการรวมทุกฟังก์ชันให้อยู่ในเกจเดียว และเปิดโอกาสให้ผู้เล่นเลือกใช้พลังในจังหวะที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ทำให้เกมมีจังหวะการเล่นที่พลิกแพลงกว่าเดิมอย่างชัดเจน

Episodes of South Town จุดเด่นหลักของเกม

Episodes of South Town คือโหมด RPG เนื้อเรื่องที่เป็นหนึ่งในจุดขายสำคัญของ FATAL FURY: City of the Wolves ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ทำความรู้จักกับตัวละครแต่ละคนผ่านมุมมองส่วนตัวที่พวกเขาอยู่ในเมือง โดยแต่ละ Episode จะเล่าเรื่องราวเฉพาะของนักสู้ ตั้งแต่ที่มา เบื้องหลังความสัมพันธ์ ไปจนถึงเหตุผลที่พวกเขาขึ้นสังเวียน โหมดนี้ไม่ได้มีแค่บทสนทนาเท่านั้น แต่ยังมีการต่อสู้ที่เชื่อมโยงกับเนื้อเรื่อง พร้อมภารกิจย่อยและการอัปเกรดความสามารถ เก็บเลเวล เล่นแล้วจะได้ทั้งรางวัลในเกม ไอเทมเสริม และปลดล็อกเนื้อหาใหม่ ถือเป็นการเพิ่มมิติให้กับเกมไฟต์ติ้งและช่วยให้ผู้เล่นอินกับตัวละครมากขึ้น ทั้งแฟนเก่าและผู้เล่นใหม่จะได้สัมผัสโลกของ South Town ในมุมที่ลึกและเข้มข้นกว่าเดิม

สนุกกับผู้เล่นในโหมด Online

โหมด Online ของ FATAL FURY: City of the Wolves ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งการเล่นสนุกทั่วไปและการแข่งขันระดับจริงจัง โดยผู้เล่นสามารถจับคู่แบบ Ranked Match เพื่อไต่อันดับแรงก์ หรือจะเลือก Casual Match สำหรับเล่นชิล ๆ กับคนอื่นแบบไม่ซีเรียสก็ได้ เกมยังมี Room Match ที่ให้ตั้งห้องส่วนตัวเพื่อเล่นกับเพื่อน พร้อมระบบล็อบบี้ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย นอกจากนี้ยังรองรับ Cross-Platform ทำให้ผู้เล่นจากเครื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น PlayStation, Xbox หรือ PC สามารถเจอกันได้หมด ที่สำคัญคือมีระบบ Rollback Netcode ที่ช่วยให้การเล่นออนไลน์ลื่นไหล ลดแลคแม้อยู่คนละประเทศ ทำให้ประสบการณ์การต่อสู้ออนไลน์มีคุณภาพและเสถียรมากขึ้นกว่าเกมยุคก่อน ๆ อย่างชัดเจน

ฝึกฝนฝีมือในโหมด Offline

ในโหมด Offline ของ FATAL FURY: City of the Wolves ผู้เล่นสามารถสนุกกับตัวเกมได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Versus Mode สำหรับเล่นแข่งกับเพื่อนแบบ Local บนเครื่องเดียวกัน, Arcade Mode ที่ให้ผู้เล่นไล่ต่อสู้กับศัตรูในแต่ละด่านตามเส้นเรื่องแบบคลาสสิก และแน่นอนว่าโหมด Episodes of South Town ซึ่งเป็นโหมด RPG ก็สามารถเล่นแบบออฟไลน์ได้เช่นกัน สำหรับผู้ที่ต้องการฝึกฝน ยังมี Training Mode ที่สามารถปรับแต่งการตั้งค่าได้ละเอียด เช่น ตั้งค่าพฤติกรรมคู่ต่อสู้ หรือทดสอบคอมโบแบบต่าง ๆ เรียกได้ว่าโหมดออฟไลน์ในเกมนี้มีครบ ทั้งสายเนื้อเรื่อง สายฝึก และสายสนุกกับเพื่อน โดยไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็เต็มอิ่มได้ทุกฟังก์ชัน

ปรับแต่งตัวละครของคุณด้วย Color Edit

Color Edit คือโหมดปรับแต่งสีชุดของตัวละครใน FATAL FURY: City of the Wolves ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้สร้างสรรค์สไตล์เฉพาะตัวอย่างเต็มที่ โดยผู้เล่นสามารถเลือกเปลี่ยนสีในส่วนต่าง ๆ ของตัวละคร เช่น เสื้อผ้า ผ้าพันมือ ผม หรือแม้แต่แสงจากท่าไม้ตาย ซึ่งแต่ละตัวจะมีพาเลตต์สีที่แยกเป็นหลายส่วนให้แก้ไขอย่างอิสระ ผู้เล่นสามารถบันทึกชุดสีที่ออกแบบเองได้หลายแบบ และนำไปใช้ทั้งในโหมดออฟไลน์และออนไลน์ เพิ่มลูกเล่นให้การต่อสู้ดูมีเอกลักษณ์ยิ่งขึ้น ถือเป็นฟีเจอร์เล็ก ๆ ที่เติมความสนุกในการเล่นและการแสดงตัวตนได้ดี โดยเฉพาะสำหรับแฟน ๆ ที่ชอบความแตกต่างหรืออยากคอสเพลย์ตัวละครให้คล้ายกับนักสู้จากซีรีส์อื่น ๆ

มีตัวละครคนไทย และรองรับภาษาไทย

หนึ่งในไฮไลต์ที่น่าภูมิใจของ FATAL FURY: City of the Wolves คือการเปิดตัว Preecha นักสู้หญิงสายมวยไทยคนแรกของซีรีส์ ซึ่งมาพร้อมดีไซน์โดดเด่น ท่วงท่าการโจมตีที่หนักหน่วง และพลังแบบดุดันสมกับศิลปะแม่ไม้มวยไทย แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของทีมพัฒนาในการนำวัฒนธรรมไทยมาสู่เวทีระดับโลก ไม่เพียงเท่านั้น ตัวเกมยังรองรับ เมนูภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งคำอธิบาย ปุ่มควบคุม และบทสนทนา ช่วยให้ผู้เล่นชาวไทยเข้าถึงเนื้อหาได้ง่ายขึ้น สนุกกับทุกโหมดได้อย่างไม่สะดุด ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่ทำให้เกมไฟต์ติ้งระดับตำนานนี้ใกล้ชิดกับคนไทยมากขึ้นกว่าที่เคย

FATAL FURY: City of the Wolves คือการกลับมาที่สมศักดิ์ศรีของซีรีส์ตำนานจาก SNK ที่ผสมผสานความคลาสสิกและนวัตกรรมใหม่ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นกราฟิกสดใหม่ ระบบ REV ที่ลึกซึ้ง หรือโหมด RPG ที่เติมเต็มเรื่องราวของนักสู้ เหมาะทั้งแฟนเก่าและผู้เล่นใหม่ที่ชอบเกมไฟต์ติ้งคุณภาพ หากคุณกำลังมองหาเกมต่อสู้ที่เล่นสนุก มีเอกลักษณ์ และเต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆ เกมนี้ไม่ควรพลาดจริง ๆ ครับ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อเกมได้ที่ : https://www.snk-corp.co.jp/us/games/fatalfury-cotw/