รีวิวเทคโนโลยี

[รีวิว] POCO F7 Pro ความคุ้มค่าที่ไม่ต้องจ่ายแพง

จะเล่นเกมหรือ AI ก็ทำได้ แต่เว้นเรื่องกล้องไว้ก่อน

หลังจากที่ห่างหายกันไปสักพักกับสมาร์ทโฟนของ POCO ที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นนักฆ่าเรือธง แต่ในช่วงโควิดเป็นต้นมาเราไม่ได้เห็นการเปิดตัวที่ออกมาแล้วโดนใจเท่าไหร่นัก แต่ล่าสุดหลังจากที่มีการเปิดตัวและวางจำหน่ายไปตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา POCO ได้ทำในสิ่งที่เชื่อว่าคนที่ชื่นชอบชิปเซ็ตในเครื่องต้องกดซื้อในทันที ไม่ว่าจะเป็น POCO F7 Pro หรือ F7 Ultra และรุ่นที่เราจะพาทุกคนไปดูกันว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้างในครั้งนี้คือ POCO F7 Pro

Design

การออกแบบของ POCO F7 Pro หากใครที่ห่างหายไปจากการใช้งานสมาร์ทโฟนระดับหมื่นต้น ๆ แล้วคิดว่าวัสดุจะไม่ดี อาจต้องลองเปลี่ยนความคิดกันเสียหน่อย เพราะตัวเครื่องใช้งานวัสดุที่ค่อนข้างดี เช่นฝาหลังที่ทำจากกระจก ขอบเครื่องที่ได้เฟรมอะลูมิเนียมมาใช้งาน พร้อมกระจกจอด้านหน้า Corning Gorilla Glass 7i

tig-poco-f7-pro-review

ในส่วนของขอบของเฟรมหน้าจออยู่ในระดับที่บางทำให้ได้พื้นที่ในการแสดงผลค่อนข้างเต็มตา ด้านบนเป็นกล้องแบบ Punch Hole หรือเจาะรูตรงกลางถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่ส่วนตัวมองแล้วว่าดีที่สุดหากจะใช้งานการออกแบบกล้องในลักษณะนี้

tig-poco-f7-pro-review

ด้านหลังของตัวเครื่องมีการใช้งานกระจกตามที่กล่าวไปแต่มีการลงรายละเอียดในลักษณะของพื้นผิวแบบกึ่งเงาและด้าน การตัดสินใจเลือกใช้งานกระจกที่ด้านหลังส่งผลให้ตัวเครื่องมีสัมผัสที่ดีเหนือกว่าการใช้งานพลาสติกทั่วไปที่เราเห็นในสมาร์ทโฟนในกลุ่มราคานี้บางรุ่น ทำให้ผู้ใช้งานได้ประสบการณ์ใช้งานสมาร์ทโฟนเรือธงในราคาที่จับต้องได้

tig-poco-f7-pro-review

กล้องหลังอยู่ในรูปแบบของทรงกลมโดยมีการย้ายตำแหน่งของแฟลชมาอยู่ข้างกัน ทำให้ส่วนตัวมองว่าเป็นการใช้งานพื้นที่ได้อย่างลงตัว และตำแหน่งของกล้องหลังไม่ยื่นออกมามากจนเกินไป และไม่ติดขอบเครื่อง ส่งผลให้เวลาถือเพื่อถ่ายภาพนิ้วของเราจะไม่ไปสัมผัสกับบริเวณกล้องหลัง

tig-poco-f7-pro-review

สำหรับอัตราส่วนของเครื่องจากข้อมูลที่มีการลงเอาไว้คือ 160.26 x 74.95 x 8.12 มิลลิเมตร ขณะที่น้ำหนักอยู่ที่ 206 กรัม ถือว่าเป็นอัตราส่วนและน้ำหนักที่อยู่ในระดับกลาง ไม่ได้บางและเบามากจนเกินไป แต่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะภายในอัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพพร้อมระบบระบายความร้อนในตัว

มาตรฐานของตัวเครื่องรองรับ IP68 สามารถที่จะทนทานต่อฝุ่นและน้ำได้ โดยหากเป็นการแช่น้ำลึก 1.5 เมตร รองรับได้นาน 30 นาทีภายในกล่องมาพร้อมกับที่ชาร์จ สายชาร์จ และเคสซิลิโคนพร้อมสำหรับใช้งานได้ทันที

Display

จุดเด่นนอกเหนือจากชิปเซ็ตแล้วยังมีเรื่องของหน้าจออีกด้วยเพราะ POCO F7 Pro มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ใช้งานหน้าจอแบบ Flow AMOLED ความละเอียด 2K หรือก็คือ 3200 x 1440 พิกเซล ความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ 526 PPI เอาเป็นว่าตัวเลขดูเยอะไปหมด แต่เพียงแค่ใช้งานจอ AMOLED ก็ทำให้ประสบการณ์ใช้งานที่เราได้จากการมองไปที่จอของตัวเครื่องแตกต่างจากจอแบบอื่นชัดเจน ให้ความคมชัดและสดกว่าเหมาะกับการดูหนังและเล่นเกม

tig-poco-f7-pro-review

เพื่อให้การเล่นเกมดียิ่งขึ้นการที่ได้ชื่อว่านักฆ่าเรือธงจะมีหน้าจอที่รองรับ Refresh Rate แค่ 60-90 Hz คงไม่ได้ เพราะตัวเครื่องให้มาถึง 120Hz ช่วยให้การเลื่อนหน้าจอต่าง ๆ ต่อเนื่องเมื่อใช้งานบนแอปพลิเคชันที่รองรับ โดยค่าพื้นฐานตัวเครื่องจะเปิดการทำงานตามสิ่งที่อยู่บนหน้าจอโดยปรับค่าให้ตั้งแต่ 60-120 Hz ขณะเดียวกันยังมีฟีเจอร์ Instant Touch Sampling Rate ที่ช่วยให้การตอบสนองสูงถึง 2560Hz มีประโยชน์มากเวลาเล่นเกมแล้วต้องกดในบางจังหวะ

tig-poco-f7-pro-review

ในส่วนของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการแสดงผล ตัวเครื่องมาพร้อมกับการรองรับ Dolby Vision และ HDR10+ ช่วยให้ภาพเมื่อเราเปิดใช้งานมีรายละเอียดที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่ต้องเน้นย้ำว่าต้องเปิดใช้กับเนื้อหาที่รองรับจะเห็นผลที่สุด พร้อมโหมดถนอมสายตาต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐาน TÜV Rheinland

tig-poco-f7-pro-review
tig-poco-f7-pro-review

สำหรับขอบจอที่เรากล่าวไว้ข้างต้นมีความบางเพียง 1.9 มิลลิเมตร ทำให้ได้พื้นที่ในการแสดงผลอยู่ที่ 89.4 เปอร์เซ็นต์นั่นเอง

Performance

จุดตัดสินความคุ้มค่าของ POCO F7 Pro คงหนีไม่พ้นเรื่องของสเปกที่ใช้งานเพราะมาพร้อมกับ Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 ที่อาจจะบอกได้ว่าเป็นชิปเซ็ตเรือธงของปีที่แล้ว (ซึ่งก็ผ่านมาได้ไม่กี่เดือน) ใช้งานกระบวนการผลิตแบบ 4 นาโนเมตร พร้อมจำนวนคอร์แบบ Octa-Core แบบ 1+5+2 ความเร็วสูงสุด 3.3GHz รองรับการใช้งานด้าน AI และงานอื่น ๆ

ขณะที่ RAM มีมาให้เลือกแบบเดียวคือ 12GB แบบ LPDDR5X พร้อมที่เก็บข้อมูลทางเลือก 256/512GB ใช้งาน UFS 4.1 ส่งผลให้การเปิดใช้งานแอปพลิเคชันหรือเข้าถึงไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ ทำได้อย่างรวดเร็วและรองรับการเปิดแอปพลิเคชันพร้อมกันโดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีการรีเฟชร

มาว่ากันที่ผลการทดสอบกันบ้างจากที่เราได้ทำการทดสอบเมื่อเทียบกับชิปเซ็ตที่ใกล้เคียงกันผลออกมาดังนี้

POCO F7 Pro
(Snapdragon 8 Gen 3)
iQOO 13
(Snapdragon 8 Elite)
iPhone 16 Plus
(A18)
iPhone 16 Pro Max
(A18 Pro)
AnTuTu1809225279216216072531745668
GeekBench 6 (Single/Multi Core)1974/58501687/51863195/77153326/8047
3DMark Wild Life Extreme4267436839394464
3DMark Steel Nomad Light1586230017532004
3DMark Solar Bay7525756270907978

จากคะแนนที่เราได้เห็นในตารางจะพบว่าคะแนนค่อนข้างที่จะไม่หนีจากชิปเซ็ตเรือธงในปัจจุบันมากนัก และในบางการทดสอบสามารถที่จะทำคะแนนได้ดีกว่าด้วย โดยรวมแล้วถือว่าเป็นชิปเซ็ตเรือธงที่ยังไม่ได้มีประสิทธิภาพตามไม่ทันในปัจจุบัน เรียกว่าสามารถใช้งานยาว ๆ ได้

tig-poco-f7-pro-review
tig-poco-f7-pro-review

มาว่ากันที่การเล่นเกมกันบ้าง แม้ว่าปัจจุบันชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3 จะนับเป็นหนึ่งในเรือธงประจำปีแต่การนำมาใช้งานและการปรับแต่งในบางเกมไม่ได้ถูกปรับมาให้เหมาะสมกับทุกแบรนด์ที่นำไปใช้งาน ฉะนั้นฟีเจอร์ที่จะช่วยให้การเล่นเกมดีขึ้นต้องมาจากผู้ผลิตเอง และ POCO F7 Pro ก็มาพร้อมกับ Smart Frame Rate ที่สามารถดันเฟรมขึ้นไปได้สูงสุด 120 FPS ในเกมที่รองรับ

tig-poco-f7-pro-review
tig-poco-f7-pro-review

ทดสอบการเล่นใน Genshin Impact ปรับรายละเอียดภาพสูงสุดหากดูที่การตั้งค่าเฟรมได้สูงสุดที่ 60 FPS เท่านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อเราเปิดใช้งานโหมดดังกล่าวสามารถขยับขึ้นไปได้สูงสุด 90 FPS คำถามที่หลายคนจะต้องสงสัยคือการเปิดโหมดนี้จะส่งผลให้มีอาการหน่วงเกิดขึ้นจากการพยายามสร้างเฟรมขึ้นมาหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่มีผลที่รู้สึกได้

tig-poco-f7-pro-review

นอกจากนี้ยังมีโหมดอย่าง Super Resolution ที่ช่วยเพิ่มความละเอียดภายในเกม และการปรับแต่งโทนภาพในการแสดงผล และการเปลี่ยนเสียงพูดได้จากเครื่องมือโดยตรง การใช้งานเพียงแค่ปัดที่ขอบด้านบนเครื่องเข้ามาก็พร้อมสำหรับการใช้งานและการตั้งค่าแล้ว โดยแบ่งโหมดการทำงาน 2 ส่วนคือ Balance และ Wild Boost

tig-poco-f7-pro-review

ที่ทำให้เครื่องรุ่นนี้เหมาะกับการเล่นเกมขึ้นไปอีกขั้นเพราะมาพร้อมกับระบบ LiquidCool 4.0 ที่ช่วยทำให้สามารถลดอุณหภูมิได้สูงสุด 3 องศาเซลเซียส และมีท่อสำหรับการระบายความร้อนถึง 2 ท่อด้วยกัน จากการทดสอบพบว่าไม่ค่อยพบอาการที่ตัวเครื่องร้อนจัดจนไม่สามารถถือเล่นได้ และการระบายความร้อนค่อนข้างทำได้เร็วในสภาพห้องอุณหภูมิปกติทั่วไป อย่างไรก็ตามหากเป็นสภาพอากาศเมืองไทยไม่ว่าจะออกแบบมาดีแค่ไหนก็ต้องใช้เวลากันสักพักหลังใช้งานหนัก ๆ เสร็จ

Software

POCO F7 Pro มาพร้อมกับการใช้งานระบบ Android 15 ที่ครอบด้วย Xiaomi HyperOS 2.0 ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับฟีเจอร์และการอัปเดตในอนาคตได้อีกยาวนาน

tig-poco-f7-pro-review

แน่นอนว่าข้อเสียของการเป็นสมาร์ทโฟนที่มาจากจีนจะมีการติดตั้งแอปพลิเคชันบางอย่างมาให้โดยที่ไม่จำเป็น และแม้ว่าจะกดไม่ติดตั้งใด ๆ เลยในช่วงการตั้งค่าเครื่องครั้งแรกแต่ก็มีหลงเหลือมาให้เราต้องได้ลบออกในภายหลัง

tig-poco-f7-pro-review

จุดเด่นที่ในยุคนี้ไม่พูดถึงไม่ได้คือเครื่องมือด้าน AI โดยที่ตัวเครื่องมาพร้อมกับ HyperAI ที่มีฟีเจอร์ต่าง ๆ AI Interpreter, AI Editor, AI Search, AI Speech Recognition และ AI Writing นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับ Google ในการนำ Gemini มาอยู่เบื้องหลังในการทำงานต่าง ๆ ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาน่าพึงพอใจ

tig-poco-f7-pro-review
tig-poco-f7-pro-review

ในส่วนของการอัปเกรดระบบใหม่คาดว่าจะได้รับอย่างน้อย 4 ระบบใหญ่ และความปลอดภัยอย่างน้อย 6 ปีก็น่าจะเป็นคำตอบของใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่ได้รับการรองรับในระยะยาวได้ไม่น้อย

Camera

นักรบย่อมมีบาดแผลและแผลของ POCO F7 Pro หรือเราอาจจะเรียกว่าเป็นจุดที่ไม่ได้เป็นจุดเด่นคือเรื่องของกล้อง ตัวเครื่องมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ ความละเอียด 50MP ใช้งานเซ็นเซอร์ Light Fusion 800 f/1.6 พร้อมกันสั่น OIS และเลนส์ Ultrawide 8MP f/2.2 และแผลที่เรากล่าวถึงก็คือการไม่มีเลนส์ Telephoto ส่งผลอย่างมากในการถ่ายภาพบางสถานการณ์ อย่างเช่นการซูมแบบออปติคอล

tig-poco-f7-pro-review

ในส่วนของกล้องหน้ามีความละเอียด 20MP มาตรฐานอยู่ในระดับทั่วไปไม่ได้เป็นจุดเด่นที่ต้องกล่าวถึงนัก ในแง่ของคุณภาพการถ่ายภาพทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังอยู่ในระดับทั่วไป คุณภาพของภาพที่ได้ออกมาตามมาตรฐานที่สมาร์ทโฟนในช่วงระดับนี้และไม่ได้ชูจุดเด่นเรื่องการถ่ายภาพทำได้ จะไปเน้นเรื่องของการใช้งาน AI หลังจากถ่ายเสร็จแล้วเสียมากกว่า

tig-poco-f7-pro-review

การถ่ายวิดีโอทำได้ที่ความละเอียด 8K แต่ที่ดูจะมีประโยชน์จริงคือ 4K 60 FPS เสียมากกว่า มีโหมดการทำงานต่าง ๆ ให้เลือกได้และดูจะเป็นเรื่องที่ชูจุดเด่นได้มากกว่าการใช้งานถ่ายภาพนิ่งทั่วไป

Battery

สำหรับแบตเตอรี่ของ POCO F7 Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 6,000 mAh เพิ่มจากรุ่นก่อนหน้าเวลาที่สามารถใช้งานได้ตามที่มีการเคลมเอาไว้อยู่ที่ประมาณ 15 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามการใช้งานจริงจากการทดสอบ ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างทำให้แบตเตอรี่สามารถที่จะใช้งานได้หมดภายในวันเท่านั้น เรื่องนี้อาจประกอบไปด้วยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นความละเอียดจอ ชิปเซ็ต รวมถึงการจัดการทรัพยากรเบื้องหลัง

tig-poco-f7-pro-review

ในส่วนของความเร็วรองรับ HyperCharge 90W โดยถ้าหากใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่รองรับทั้งหมดสามารถชาร์จเต็มได้ในระยะเวลาประมาณ 40 นาทีจาก 0 เปอร์เซ็นต์ โดยต้องเปิดโหมด Top Speed ถึงจะเป็นการเปิดใช้งานโหมดชาร์จไวขั้นสุด

จุดสังเกตอีกเรื่องคือตัวเครื่องไม่รองรับการชาร์จไร้สายซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานแต่ละคนเลยว่ารับได้หรือไม่ โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนไม่ได้ใช้งานระบบชาร์จไร้สายใด ๆ อยู่แล้วจึงไม่ได้ให้ความสำคัญนัก อย่างไรก็ตามหากใครที่ใช้งานอยู่อาจต้องพิจารณาเป็นรุ่น F7 Ultra หรือรุ่นอื่นแทน

Conclusion

tig-poco-f7-pro-review

คำนิยามของ POCO F7 Pro คือนักฆ่าเรือธงในแง่ของสเปกอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยราคาที่ 14,490 บาท หากเทียบในสมาร์ทโฟนในช่วงราคาเดียวกันถือว่าคุ้มค่าในแง่ของสเปกที่ดูเฉพาะแค่ชิปเซ็ต RAM และที่เก็บข้อมูล อย่างไรก็ตามหากมองในแง่ของความเป็นสมาร์ทโฟนรอบด้านอาจยังไม่ขนาดนั้น เนื่องจากขาดบางอย่างไป ใครที่สนใจอาจจะหาเล่นเครื่องจริงยากสักหน่อยเนื่องจากขายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น

ข้อดี

  • วัสดุที่ใช้งานดูดีเกินกว่าราคา
  • สเปกที่หาตัวจับได้ยากในช่วงราคานี้
  • ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3 อดีตเรือธงที่ยังแรงในตอนนี้
  • RAM 12GB พร้อมที่เก็บข้อมูลแบบ UFS 4.1
  • จอภาพแบบ Flow AMOLED ให้ภาพคมชัดทุกรายละเอียด
  • Hyper AI ที่ใช้งานได้จริง
  • ฟีเจอร์ด้านการเล่นเกมที่อัดแน่นทั้ง Super Resolution และ Smart Frame Rate
  • รองรับการอัปเดตในระยะยาว

ข้อสังเกต

  • คุณภาพการถ่ายภาพที่อยู่ในระดับทั่วไป ไม่มีเลนส์ Telephoto
  • แบตเตอรี่ 6,000mAh แต่ไม่อึดอย่างที่คาด
  • ไม่รองรับระบบชาร์จไร้สาย

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button