[รีวิว] Football Manager 26 ยกเครื่องใหม่ด้วย Unity

หลังจากที่ถูกพักการพัฒนาไปถึง 1 ปีเต็ม ในที่สุดทาง Sports Interactive ได้เปิดตัวเกมที่อยู่คู่มาอย่างยาวนาน Football Manager 26 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับความคาดหวังของแฟนเกมที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงและสมกับช่วงเวลาที่หายไป แต่คำถามสำคัญที่ทั้งผู้เล่นและทีมพัฒนาตั้งคำถามในช่วงหลังคือจะทำยังไงให้เกมนี้ดียิ่งขึ้นไปได้อีกขั้น

และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญคือการเปลี่ยนมาใช้งาน Unity ส่งผลให้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในแง่ของรายละเอียดภาพการเคลื่อนไหวที่ดีและหลากหลายยิ่งขึ้นเวลาที่อยู่ภายในการแข่ง ใครที่เคยตั้งแง่ว่าภาพไม่ค่อยมีอะไรในภาคก่อน ในครั้งนี้จะได้เห็นรายละเอียดที่ดีขึ้น การทำประตู การดีใจ หรือแม้กระทั่งการเลี้ยงบอล เราจะได้เห็นครบถ้วน

นอกจากนี้การที่ทำให้มีระบบที่เห็นรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น ยังทำให้เราได้เห็นการแปรผลตัวเลขค่าสถิติการมีส่วนร่วมกับเกมต่าง ๆ ให้ออกมาสะท้อนความเป็นจริงยิ่งกว่าเดิม ไม่ต้องยึดติดกับตัวเลขที่ภายในเกมแสดงอีกต่อไป เพราะเราสามารถเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่านักเตะคนไหนมีส่วนร่วมกับเกมบ้าง แม้ตัวเลขจะแสดงออกมาได้ดูกลาง ๆ ก็ตาม

แม้ว่าอาจยังไม่ได้เข้าใกล้กับคำว่าสมบูรณ์แบบอย่างที่หลายคนคาดหวังทั้งหมด แต่ในภาพรวมแล้วต้องบอกว่าภาคนี้เหมาะสมกับการรอคอยได้กับช่วงระยะเวลาที่หายไป และจะเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่จะตามมาในอนาคตอย่างแน่นอน

ยกเครื่องใหม่ด้วย Unity

ในภาพจำของใครหลาย ๆ คนที่เคยผ่าน Football Manager มาก่อน ต้องยอมรับว่ามันเป็นเกมที่เน้นในเรื่องของความอิสระในการเข้าถึงรายละเอียดการคุมทีมฟุตบอลที่หาตัวจับได้ยาก แต่สิ่งที่เป็นจุดด้อยและทำให้ไม่กลายเป็นเกมที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้คือภาพกราฟิกในระหว่างการแข่ง ซึ่งในช่วงแรกเป็นเพียงภาพ 2D ก่อนจะขยับมาเป็น 3D ในภายหลัง

แต่ในรอบนี้สิ่งที่ถูกเปลี่ยนแปลงจากการใช้งาน Unity ส่งผลให้จุดด้อยดังกล่าวจะถูกปิดไป ด้วยรายละเอียดภาพระหว่างการแข่ง ที่เริ่มตั้งแต่การเปิดสนาม การตั้งแถว และแม้กระทั่งแฟนบอลที่เข้าไปเชียร์ในสนาม ได้ถูกเพิ่มเข้ามาเทียบเท่าในแง่ของรายละเอียดกับเกมอื่น ๆ ที่เป็นแนวฟุตบอล

การเปลี่ยนภาพเป็นแบบใหม่แบบ 3D และการเลือกใช้งานมุมมองการรับชมที่มีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย ทำให้ผู้เล่นจะได้รับประสบการณ์คุมทีมที่ต่างไปจากเดิม ได้เห็นรายละเอียดของนักเตะแต่ละคนที่เราเลือกลงไปว่าทำได้อย่างที่กำหนดไว้หรือไม่ ช่วยในการตัดสินใจและสอดคล้องกับตัวเลขสถิติที่เกิดขึ้นได้ดียิ่งขึ้น

ท่าทางการเคลื่อนไหวดูเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตามหากให้ว่ากันถึงความสมจริงของภาพนักเตะเป็นเรื่องที่เรายังไม่สามารถคาดหวังได้ว่าจะเทียบเท่ากับเกมฟุตบอลอื่น ๆ เนื่องจากต้องยอมรับให้ได้ก่อนว่าเกมอื่นจะเน้นให้เราเป็นผู้ที่ควบคุมนักเตะเป็นหลัก และมีส่วนของโหมดผู้จัดการทีมเป็นส่วนเสริม แต่สำหรับ Football Manager แตกต่างออกไป

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม UI ในส่วนของการแสดงสถานะนักเตะภายในทีมในโหมด 3D เข้าไปในตัวด้วย ทำให้เห็นข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ว่า นักเตะคนไหนเล่นดีหรือแย่ช่วยให้สามารถตอบสนองและจัดการได้จากที่เดียว

รายละเอียดอื่น ๆ ระหว่างการแข่งอย่างความเร็ว มุมมองภาพ หรือการใช้งานโหมดแบบ Dynamic สำหรับการแสดงผลไฮไลท์ยังมีมาให้ครบครัน

ปรับหน้าให้เข้าถึงได้จากที่เดียว

สิ่งหนึ่งที่เป็นทั้งข้อดีและข้อสังเกตสำหรับทีม Sports Interactive คือเรื่องของการปรับหน้าจอ UI ภายในเกม แม้จะเป็นผู้เล่นจะภาคก่อนแต่การต้องมาเล่นในภาคใหม่ทุก ๆ ครั้งไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย หากใครที่เคยเล่นในภาคก่อนปี 2015 จะพบว่ามันมีรายละเอียดในระดับหนึ่ง แต่หลังปี 2020 เป็นต้นมาทุกอย่างถูกเพิ่มและปรับไปพอสมควร

ในภาคล่าสุดก็เช่นกัน เราพอจะเข้าใจได้ว่าทางทีมงานต้องการยกเครื่องและปรับปรุงรายละเอียดภายในเกม แต่ดูเหมือนว่ามันจะมากไปจนทำให้ทุกอย่างที่อยู่ภายในหน้าจอ UI เยอะไปหมด และหากใครที่เป็นผู้เล่นใหม่สำหรับเกมซีรีย์นี้และคิดว่าตัวเองแน่จริง รับรองได้ว่าเพียงแค่หน้าจอแรกก็น่าจะเบลอไปชั่วครู่แน่นอน

หากให้คิดจากสิ่งที่ถูกนำเสนอออกมาเราพอจะเข้าใจได้ว่าทางทีมงานต้องการให้ผู้เล่นสามารถเห็นรายละเอียดของข้อมูลในส่วนต่าง ๆ ได้จากในหน้าเดียว ช่วยให้ลดการคลิกเข้าไปในเมนูต่าง ๆ อย่างเช่นในหน้า Squad ที่จะแสดงรายละเอียดดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ผู้เล่น แผน นักเตะที่ได้รับบาดเจ็บ ทีมเยาวชน และอื่น ๆ ในหน้าเดียว

หน้าจอแบบนี้หากมองให้เป็นเรื่องที่ดีคือสามารถเห็นรายละเอียดทุกอย่างได้ และลดการค้นหาเมนูทางเข้าไปในส่วนต่าง ๆ แต่ข้อเสียคือผู้เล่นต้องปรับตัวอีกครั้ง เหมือนกับว่าของเดิมที่เราคุ้นชินถูกย้ายไปที่อื่น ใครที่จำได้ว่าค่าตัวเลขต่าง ๆ ที่เคยอยู่ ณ จุดหนึ่งเป็นเวลา 5 ปี มาตอนนี้อาจจะหาไม่เจอเพราะถูกย้ายไปอยู่ในส่วนอื่นแทน

ซึ่งถ้าใครที่ต้องการที่จะเพิ่มเมนูที่ใช้งานเข้ามาในหน้าทางลัดที่เรียกว่า Portal ก็สามารถที่จะทำได้ แต่อย่าเพิ่มมากจนเกินไปเพราะท้ายที่สุดจะกลายเป็นหน้ารวมรายละเอียดที่ใช้งานจริงไม่ได้อีกที่แทน และจะกลายเป็นว่ากลับไปวนลูปหาเมนูที่ต้องการอีกครั้ง

ในช่วงแรกของการปรับตัวบางส่วนอาจมองว่ารายละเอียดที่ถูกเพิ่มเข้ามามันควรจะทำให้เข้าถึงเกมได้ง่ายขึ้น แต่ทำไมมันดันไม่ชวนให้อยากที่จะเล่นต่อ แต่เมื่อผ่านไปสักพักจะพบว่าสิ่งที่ถูกเปลี่ยนแปลงไป และรายละเอียดที่ถูกเพิ่มหรือย้ายใหม่ ช่วยทำให้เข้าถึงได้สะดวกกว่าเดิม และรายละเอียดเหล่านี้จะชวนให้ผู้เล่นได้อยู่กับเกมได้เหมือนเดิมสมฉายาเกมที่เล่นแล้วลืมวันเวลาได้เป็นอย่างดี

เต็มไปด้วยรายละเอียด

นอกเหนือจากเรื่องของการปรับเปลี่ยนหน้า UI ใหม่ สิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน Football Manager 26 และเป็นสิ่งที่อาจจะตัดสินใจได้เลยว่าผู้เล่นจะไปกันต่อหรือย้อนกลับไปภาคเก่าอีกครั้งนั่นคือเรื่องของรายละเอียดยิบย่อย ซึ่งเป็นส่วนที่ถูกเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลัง

หากใครที่เคยเล่นในภาคเก่าจะพบว่าภายในหนึ่งวันเราอาจจะสามารถจบฤดูกาลได้อย่างน้อย 1 ฤดูกาล พอมาในช่วงหลังโอกาสทำแบบนั้นเริ่มลดลงเรื่อย ๆ และกับภาคล่าสุด หากไม่ได้ไปตั้งค่าการมอบหมายงานให้กับทีมงานเป็นพิเศษ รับรองได้เลยว่าคุณจะไม่มีทางเล่นมันจบฤดูกาลได้ภายในวันเดียวอีกต่อไป

การกดปุ่ม Space Bar เพื่อไปต่อ ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถไปต่อได้อีกต่อไปเพราะยังไม่พ้นวันจะมีเหตุการณ์หรืองานต่าง ๆ ให้ผู้เล่นได้ตอบกลับเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการคุยกับผู้เล่น คุยกับทีมงาน คุยกับสื่อ หรือแม้กระทั่งการคุยกับผู้เล่นทีมอื่น ถูกเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ถ้าหากใครที่ชื่นชอบหรือหลงไปตอบเพื่อที่จะพูดคุยกันต่อรับรองได้ว่าจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องตอบสนองตามมาแบบไม่รู้จบ ซึ่งนั่นเป็นเหตุที่บอกว่าทำไมเกมในภาคนี้ดูจะทำให้การเล่นช้าลงไปและใช้เวลามากยิ่งขึ้น

และหากใครที่บอกว่าถ้าแบบนั้นก็โดยให้ทีมงานหลังบ้านเป็นคนดูแลแทนสิ ก็ต้องบอกว่ามันไม่ได้ง่ายเหมือนกับภาคก่อนที่โยนให้แล้วเรากด Space Bar ได้ยาว ๆ โดยไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ ในภาคนี้ต่อให้มอบหมายงานไปแล้วก็จะยังมีการแจ้งเตือนบางส่วนที่คอยมาขัดจังหวะการที่ควรจะต่อเนื่องให้หยุดอีกครั้ง

เหล่านี้จึงเป็นคำถามที่สำคัญว่าหรือว่า Sports Interactive ควรจะนำรายละเอียดบางอย่างออกไปหรือลดความสำคัญของสิ่งเหล่านี้ลง และเน้นไปที่ประสบการณ์ที่ผู้เล่นจะได้รับแทน

ยังคงความลืมวันและเวลา

Football Manager 26 เป็นการกลับมาที่แกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มประสบการณ์ในระหว่างการแข่งขัน ด้วยภาพ 3D ที่ทำออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ หน้าจอแสดงรายละเอียดที่ถูกปรับเปลี่ยนให้เข้าถึงได้จากที่เดียว และยังคงความเหนือกว่าเกมอื่นด้วยฐานข้อมูลที่ใหญ่ทำให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้จากเกมอื่น ถึงแม้จะมีบางอย่างที่ต้องปรับตัวกันแต่เป็นเรื่องปกติที่เราพบมาโดยตลอดในเกมซีรีย์นี้นั่นเอง รองรับการเล่นทั้งแพลตฟอร์ม Windows, PlayStation 5 และ Xbox

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ SEGA ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อเกมได้ที่ : [คลิก]