Switchคอนโซล / พีซีรีวิวรีวิว / พรีวิวเกม

[รีวิว] Super Mario Galaxy 1+2 มาริโอ้ผจญภัยสุดปลายกาแล็กซี

สุดยอดเกมแอ็กชันแพลตฟอร์เมอร์สามมิติที่ยอดเยี่ยมที่สุด สู่เวอร์ชันรีมาสเตอร์

เริ่มต้นการฉลอง 40 ปีแห่งแฟรนไชส์ Super Mario กันอย่างสวยงามเลยทีเดียวในงาน Nintendo Direct สำหรับเดือนกันยายนที่ผ่านมาที่มาพร้อมกับการประกาศโปรเจ็กต์มากมาย โดยหนึ่งในนั้นคือการนำ Super Mario Galaxy ทั้งสองภาคกลับมาอีกครั้งพร้อมปัดฝุ่นใหม่ด้วย และที่สำคัญยังวางจำหน่ายกันรวดเร็วทันใจในสองสัปดาห์เท่านั้น ซึ่งวันนี้พวกเรา ThisIsGame Thailand ก็ไม่พลาดขอมารีวิวกันสักหน่อย

สองการผจญภัยในแพ็คเดียว หรือจะแยกซื้อก็ได้

Super Mario Galaxy 1+2 เป็นบันเดิ้ลที่มาพร้อมสองเกมผจญภัยแนวแอ็กชันแพลตฟอร์เมอร์ชื่อดังจากยุค Wii ซึ่งมั่นใจว่าหลายคนก็อาจจะเคยเล่นกันมาแล้ว และผู้เล่นบางส่วนของ Switch ยังอาจเคยเป็นเจ้าของภาคแรกผ่านชุด 3D All-Stars เช่นกัน อย่างไรก็ตามมันมีความแตกต่างอยู่บ้างด้วย ซึ่งในส่วนต่อไปเราก็จะมาคุยเรื่องนี้กัน แต่ว่าตอนนี้ขอโฟกัสกับเรื่องการนำเสนอเกมก่อนดีกว่า!

เมื่อเราเสียบตลับเข้ามาเกมจะมีไอคอนโผล่ขึ้นมาสองเกมอัตโนมัติเลย นั่นหมายความว่าเราสามารถเลือกเข้าได้ตามสะดวก (หรือถ้าเป็นดิจิทัลจาก eShop ก็แยกโหลดได้) ซึ่งเรื่องราวการผจญภัยของทั้งสองภาคก็โทนเดิมเลยนั่นคือลุงหนวด Mario ได้รับคำเชิญให้ไปปราสาทเจ้าหญิงก่อนจะพบว่าระหว่างทางดันเกิดเหตุการณ์ที่ Bowser หรือเจ้าคุปป้าบุกมาลักพาตัว พร้อมแผนการสุดโฉดกว่าเดิมนั่นคือการยึดครองทั้งกาแล็กซี เดือดร้อนเราต้องร่วมมือกับ Rosalina ในการโค่นเจ้าเต่ามังกรนี้

[รีวิว] Super Mario Galaxy 1+2 มาริโอ้ผจญภัยสุดปลายกาแล็กซี

โครงสร้างของเกมทั้งสองภาคมีความแตกต่างกันชัดเจน โดยภาคแรก Mario จะเดินทางกับ Rosalina ด้วยสถานีอวกาศขนาดยักษ์ที่เหมือนกับ Hub World ซึ่งจะแบ่งออกไปตามอาคารที่มีกาแล็กซีต่างๆ ไม่เหมือนกัน และเราก็ต้องทำภารกิจในกาแล็กซีเพื่อเก็บพลังแห่งดาวไว้ขับเคลื่อนไปให้ถึงปราสาทกลของ Bowser ขณะที่ภาคสองจะมีความเป็นเส้นตรงมากขึ้น เราจะได้อยู่บนยาน Starship Mario ที่มีขนาดเล็กกว่ามากเหมือนดาวเล็กๆ และเมื่อเข้าไปที่ส่วนของพวงมาลัยก็จะสามารถเลือกรายชื่อฉากที่เราต้องการเข้าได้เลย

ผมอาจจะไบแอสเล็กน้อยแต่เพราะเกมภาคสองมีการรีมาสเตอร์ครั้งแรก (หากไม่รวม Virtual Console บน Wii U) ดังนั้นโอกาสที่เราจะหาเล่นภาคนี้เลยยากเย็นเหลือเกิน ซึ่งก็ต้องขอโฟกัสภาคนี้เป็นพิเศษหน่อย โดยเกมนี้มาพร้อมกับตัวละคร Yoshi ที่จะเพิ่มการควบคุมที่ซับซ้อนขึ้นนั่นคือการแลบลิ้นเก็บผลไม้และไอเทมต่างๆ หรือจะเป็นความสามารถจากเห็ดชนิดใหม่อย่าง Cloud Mario ที่เพิ่มความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของการแก้ปริศนาได้

[รีวิว] Super Mario Galaxy 1+2 มาริโอ้ผจญภัยสุดปลายกาแล็กซี
[รีวิว] Super Mario Galaxy 1+2 มาริโอ้ผจญภัยสุดปลายกาแล็กซี

การควบคุม และฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้ Super Mario Galaxy 1+2 ทันสมัยขึ้น

การควบคุมของเกมนี้จะแบ่งเป็นส่วนของตัวมาริโอ้ และอีกส่วนคือเคอร์เซอร์ที่เราสามารถยิง Star Bits หรือชิ้นส่วนดวงดาวใส่ศัตรู หรือเพื่อแก้พัสเซิลบางส่วน เช่นเดียวกับการเขย่ารีโมตไว้ใช้ท่าโจมตีแบบสปินแอทเทค จากเดิมเราจะต้องใช้ Wiimote และ Nunchuck บน Wii ใช่ไหมครับ การกลับมาของเกมรอบใหม่นี้ได้ปรับมาตรฐานและความสะดวกให้ผู้เล่น โดยอาศัยระบบไจโรของ Joy-con (หรือ Pro Controller) แทน ก็เล่นไป เขย่าจอยไปได้เลย และการเล็งเคอร์เซอร์ก็เพียงก็ปุ่ม R เพื่อเรียกสัญลักษณ์ออกมาเท่านั้น

ผู้เล่นอาจมีความจำเป็นที่จะต้องทำความคุ้นชินกันเล็กน้อยครับเพราะลักษณะการถือจอยเกมจะต่างจาก Wiimote ที่เชื่อมสายกับ Nunchuck ในภาคต้นฉบับ แต่ถ้าเกิดว่าถนัดมือแล้วก็เล่นได้เพลินๆ ทั้งนี้สำหรับผมเองรู้สึกรำคาญที่จะต้องกดปุ่มเรียกออกมาบ่อยๆ และเอาเข้าจริงมือเราเวลาจับจอยแบบ Pro Controller มันจะไม่ได้นิ่งขนาดนั้น เลยเห็นสัญลักษณ์รูปดาวเหวี่ยงไปมาตลอด และข้อเสียอีกอันคือเวลาเล่นในโหมดพกพา การสปินแอทแทคจะกลายเป็นการเขย่าเครื่องทั้งเครื่องไปเลยครับ บ่องตงว่ามันหนัก!

[รีวิว] Super Mario Galaxy 1+2 มาริโอ้ผจญภัยสุดปลายกาแล็กซี

อีกหนึ่งส่วนที่เพิ่มเข้ามาเพื่อเป็นมาตรฐานใหม่คือเรื่องการเข้าถึง ผู้เล่นสามารถใช้งาน Assist Mode ได้ด้วย โดยเป็นรูปแบบการเล่นที่เพิ่มเข้ามาเป็นพิเศษสำหรับสองภาครีมาสเตอร์นี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้เราเล่นได้ราบรื่นขึ้นมาก เพราะสามารถฮีลอัตโนมัติได้ (แค่อันนี้ก็โกงมากแล้ว!) และยังไม่ต้องกังวลเรื่องกระโดดพลาดจนตกไปนอกฉากแล้วถูกดูดเข้าหลุมดำเหมือนกัน เหมาะกับการเล่นครั้งแรกสำหรับมือใหม่ดีครับ

ท้ายที่สุดก็จะเป็นโหมดการควบคุมแบบเมาส์ที่ผู้เล่นที่สองสามารถใช้ Joy-Con 2 หันข้างเพื่อเลื่อนเคอร์เซอร์ในการช่วยเหลือระหว่างเล่นโหมด Co-star อันนี้หลายคนมองว่าเสียดายที่ต้องบังคับเวลาเล่น Co-op เท่านั้น ทั้งนี้ผมว่ามันดูมีประโยชน์จริง แต่ถ้าเล่นคนเดียวแล้วมือข้างนึงต้องหันจอยสับลง มันเป็นท่าทางที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร เพราะปุ่มบังคับอื่นๆ เช่นกระโดดก็จะอยู่ฝั่งขวาที่ต้องสับจอยลงอยู่แล้วนั่นเอง โดยเฉพาะเมื่อมี Yoshi ที่เราต้องใช้เคอร์เซอร์เล็ง

[รีวิว] Super Mario Galaxy 1+2 มาริโอ้ผจญภัยสุดปลายกาแล็กซี

ภาคแรกแตกต่างจากชุด 3D All-Stars ไหม?

เป็นที่ทราบกันดีว่า Super Mario Galaxy ได้วางจำหน่ายบน Nintendo Switch ครั้งแรกในปี 2019 พร้อมกับชุด 3D All-Stars ที่เป็นบันเดิ้ลพิเศษฉลอง 35 ปี ก่อนที่จะยุติการขายไปในช่วงไม่กี่เดือนต่อมา โดยในภาคก่อนหน้าหลายคนอาจจะสงสัยว่าแบบนี้กราฟิกจะเหมือนกันหรือเปล่า ซึ่งก็ขอบอกเลยว่าเป็นคนละตัวกัน

ในชุดใหม่นี้มีการรีมาสเตอร์แบบจริงจังมากกว่าด้วยรายละเอียดพื้นผิวที่ดีขึ้น และฟอนต์ใหม่ รวมไปถึงเนื้อเรื่องตอนใหม่ในฟีเจอร์ของหนังสือนิทาน Rosalina ด้วย แต่ไม่ถือว่าต่างกันเยอะ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าเราสามารถเลือกซื้อเพียงแค่ภาค Galaxy 2 แยกได้เกมเดียวเช่นกัน เพราะเกมเพลย์นั้นเหมือนเป๊ะ คอนโทรลไจโรก็แบบเดิมเลย หรือถ้าไม่ได้ติดใจว่าต้องใช้ Assist Mode ผมคิดว่าเราซื้อแค่ภาคสองแยกก็ได้ แต่แน่นอนว่าความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือตัว 3D All-Stars จะไม่มี 4K ให้

[รีวิว] Super Mario Galaxy 1+2 มาริโอ้ผจญภัยสุดปลายกาแล็กซี

กราฟิกและเพลงประกอบ

ในส่วนของกราฟิกนั้น ทั้งสองเกมสามารถให้ภาพได้ที่ระดับความละเอียดสูง 1080p สำหรับเครื่องเล่น Nintendo Switch รุ่นแรก และ 4K ผ่าน Nintendo Switch 2 ซึ่งเป็นแพตช์อัปเดตฟรีที่สามารถดาวน์โหลดได้ทันที (หากรุ่นสองไม่โหลดจะรันภาพความละเอียดมาตรฐาน) โดยในส่วนของเฟรมเรตจะเป็น 60FPS เนียนตา โดยทั้งสองภาคต้นฉบับสามารถทำได้ที่ระดับนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อได้ภาพคมๆ มันก็ฟินกว่าเดิมเยอะ ทั้งนี้อย่างที่กล่าวข้างต้นว่าเท็กซ์เจอร์ไม่ได้รีเวิร์กมากนัก ทว่าก็อยู่ในเกณฑ์ดี

ว่าด้วยเพลงประกอบ ทั้ง Super Mario Galaxy 1 และ 2 เปิดตัวด้วยเพลงประกอบรูปแบบออร์เคสตราที่เป็นเอกลักษณ์ของการเล่นใหญ่ ให้อารมณ์ของการผจญภัยในดินแดนเหนือจินตนาการ อย่างไรก็ตามเพลงไม่ได้รีมาสเตอร์ใหม่ให้คมชัดตาม อาจจะไม่สามารถคาดหวังได้ถึงเสียงเพลงประกอบแบบใสกิ๊งตามเทคโนโลยีสมัยใหม่ และไม่ได้มีการเรียบเรียงเวอร์ชันใหม่แต่อย่างใดครับ

[รีวิว] Super Mario Galaxy 1+2 มาริโอ้ผจญภัยสุดปลายกาแล็กซี

บทสรุป

แม้จะมีความน่าอึดอัดในเรื่องการควบคุม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่ผู้เล่นจะได้สัมผัส Super Mario Galaxy ทั้งสองภาคในปัจจุบันด้วยกราฟิกที่คมกริบกว่าเดิม ซึ่งทำให้งานภาพที่ถือว่าดีมากๆ ในตอนนั้นคมชัดมากขึ้น และยังเสริมด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกด้วย แต่สำหรับใครที่เคยเล่นภาคแรกในชุด 3D All-Stars ผมคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อภาคแรกใหม่หากไม่ได้ต้องการภาพ 4K (บน Switch 2) และเทกซ์เจอร์ที่รีเวิร์กจริงๆ

สำหรับใครที่สนใจ Super Mario Galaxy 1+2 สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ทั้งรูปแบบกล่องและรูปแบบดิจิทัลดาวน์โหลด โดยเวอร์ชันดาวน์โหลดทาง eShop จะสามารถซื้อแยกชุดกันได้เพื่อเซฟเงินสำหรับใครที่ต้องการเพียงภาคใดภาคหนึ่งเท่านั้น และ Nintendo Switch 2 จะได้รับแพตช์อัปเกรดความละเอียดฟรีด้วย สำหรับโอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาแบ่งปันอีก ว่าแล้วอย่าลืมติดตามที่นี่เช่นเคยเพื่อไม่ให้พลาดความเคลื่อนไหวในวงการเกมใหม่ๆ ก่อนใครครับผม

GantaroZX

ใครใครเขาก็รู้ ว่าหนูอ่ะเปิดเผย หนูสั้นของหนูอย่างเงี้ย หนูเน้นเซ็กซี่เฉยๆ
Back to top button