[รีวิว] Sonic X Shadow Generations เจ้าเม่นสายฟ้ากับการผจญภัยสองโลก
การรีมาสเตอร์เกมเก่าภาคที่ดีที่สุด และคอนเทนต์ใหม่ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
หมายเหตุ: ตัวเกมที่ได้รับการรีวิวคือเวอร์ชัน Nintendo Switch ควบคู่กับ PlayStation 5 ประสบการณ์ของแพลตฟอร์มอื่นที่ได้รับอาจมีความแตกต่างกัน
จาก Green Hill Zone สู่โลกสามมิติที่เราได้เล่นกันในเกมภาคใหม่ ต้องบอกเลยว่า Sonic the Hedgehog นั้นเป็นเหมือนกับมาสคอตที่เห็นความเป็นไปของโลกแห่งวิดีโอเกมมานานหลายสิบปี แถมจนถึงตอนนี้เองก็ยังไม่เคยเป็นเรื่องที่ตกยุคด้วยการปรับตัวที่สม่ำเสมอ เช่นเดียวกับเกม Sonic Generations ภาคดังที่เหมือนกับจดหมายรักมอบให้กับผู้เล่นเพื่อขอบคุณการสนับสนุนและฟาดคะแนนรีวิวยอดเยี่ยมกันท่วมท้น
ฉันใดก็ดี ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าแม้จะเป็นเกมภาคที่มีความใหม่ แต่ในส่วนของฝั่งคอนโซลกลับหาเล่นได้ย๊ากยาก เพราะมีจำหน่ายเพียงแค่ Xbox เท่านั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา จนกระทั่งได้มีการเปิดเผยเวอร์ชันรีมาสเตอร์อย่าง Sonic X Shadow Generations ที่ไม่ได้มีแค่ภาคเดียวแต่นำเอาประสบการณ์ใหม่ในมุมของคู่ปรับเม่นดำมาร่วมแจมด้วย และวันนี้ ThisIsGame Thailand ก็ได้ไปสัมผัสมาแล้วเพื่อนำมาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้ติดตามความประทับใจกันกับรีวิวเกม ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นอย่ารอช้าเชิญติดตามข้างล่างนี้ดีกว่า
Sonic Generations ออเดิร์ฟที่ยังคงสนุกทุกครั้งที่กลับมา
หลายคนอาจจะไม่เคยเล่นภาคนี้มาก่อน ดังนั้นนี่ก็เลยเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ทำความรู้จักผ่านเกมที่เป็นหนึ่งในสุดยอดภาคที่ดีที่สุดนับคริสต์ทศวรรษ 2010 ที่รวบรวมเกมเพลย์ทั้งแบบคลาสสิกหรือการวิ่งตะลุยด่านด้านข้าง และรูปแบบสามมิติที่เป็นมาตรฐานสมัยใหม่ของเกม Sonic the Hedgehog แถมฉากเบื้องหลังที่เป็นด่านให้เราเล่นนั้นก็จะเป็นการรีเมคขึ้นมาใหม่จากด่านต่างๆ ในภาคก่อนหน้า ซึ่งภาคนี้เคยถูกพัฒนามาเพื่อฉลองโอกาสรอบรอบเกม 20 ปีนั่นเองครับ
เรื่องราวในเกมภาคนี้จะเป็นการฉลองวันเกิดของ Sonic ที่กำลังดำเนินงานไปอย่างสนุกสนานแต่กลับพบว่าปีศาจ Time Eater ได้มาทำลายงานพร้อมดึงเพื่อนๆ ไปสู่โลกมิติปริศนาไปจนหมด ส่วนตัว Sonic เองเมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตนอยู่ใน White Space เข้ามาเสียแล้ว และพื้นที่นี้จะเป็น Hub World เชื่อมโยงในด่านแต่ละสมัย พร้อมให้เราทำความรู้จักกับ Sonic ในยุคปัจจุบัน (เกมเพลย์สามมิติ) และ Classic Sonic (เกมเพลย์ตะลุยด่านด้านข้าง) นั่นเองครับ
การบังคับตัวละครของสองเวอร์ชันจะมีความต่างกันชัดเจน โดย Classic Sonic จะเป็นตัวละครสำหรับฉากการเล่นใน Act 1 ที่เป็นการนำด่านนั้นมาดัดแปลงเป็นสองมิติพร้อมจำลองเกมเพลย์เดิมที่เจ้าเม่นของเราอาจไม่ได้วิ่งเร็วมากเท่าไรนัก ทว่าจะได้อารมณ์การสำรวจเส้นทางที่อิสระ เช่นด้านบนหรือด้านล่าง แต่ในฝั่ง Modern Sonic ยุคปัจจุบัน จะอ้างอิงกับเกมยุค Unleashed เป็นต้นมาที่เป็นการวิ่งตรงไปข้างหน้าสู่จุดหมายแบบสามมิติ มีการบูสต์ที่โคตรเร็ว และการวิ่งสไลด์ รวมไปถึงเส้นทางที่ซิกแซกไปมา
ส่วนตัวแล้วเกมภาคนี้แม้จะมีอายุมากกว่า 10 ปีแล้วนับจากการวางจำหน่าย เมคานิก รูปแบบการเล่นหลายอย่างก็อาจจะเก่าเกินไปเช่นการเคลียร์ด่านทีละช่วงยุค (แบ่งเป็นยุค Mega Drive, Dreamcast คู่กับ PS2 และจบที่ PS3) ทว่าก็ไม่ได้รู้สึกน่าเบื่อเท่าไรนัก และในภาครีมาสเตอร์ก็ไม่ได้เป็นเพียงการปรับความละเอียดให้สูงขึ้นและเพิ่มเฟรมเรต แต่ยังมีองค์ประกอบใหม่เข้ามาในส่วนของ Drop Dash ความสามารถในการพุ่งตัวลงแนวดิ่งของ Sonic และมี Chao ให้ตามหาตามฉากด้วย
โลกอีกใบในเบื้องหลังของ Shadow Generations
เกริ่นมาเสียนานกับเกมหลัก ในที่สุดก็มาถึงเกมรองที่เอาเข้าจริงหลายคนก็คงตัดสินใจเลือกซื้อชุดเกม Sonic X Shadow Generations ด้วยเนื้อหาส่วนของเจ้าเม่นสีดำนี่นั่นแหละ โดยต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าความจริงแล้วจะพูดว่าเกมรองก็ไม่ถูกเพราะสเกล ความยาวเนื้อเรื่องของ Shadow Generations ก็เหมือนจะเทียบรัศมีของ Sonic Generations ได้เลย และเราสัมผัสได้ถึงความเล่นใหญ่ที่ SEGA ใส่เข้ามาเอาใจผู้เล่นที่ชื่นชอบเจ้านี่แบบจัดเต็มมาก โดยเฉพาะคัตซีนกับการนำเสนอที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ใครกลัวตามเนื้อเรื่องไม่ทันยิ่งไม่ต้องกังวลเพราะมีคัตซีนให้ชมทำความรู้จักคร่าวๆ
Shadow Generations นับเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นคาบเกี่ยวกันกับ Sonic Generations แต่นี่ไม่ใช่การบอกเล่าเรื่องราวคนละไทม์ไลน์ เพราะดันเป็นเรื่องราวในอีกมุมที่บอกเล่าการเดินทางของ Shadow ในขณะที่ Sonic เองก็กำลังวุ่นกับ Time Eater ทั้งนี้ทั้งนั้น Shadow ก็พบว่าตัวเองกำลังถูกเล่นงานโดยทั้ง Time Eater และ Black Doom เลย เขาจะต้องเดินทางข้ามเรื่องราวในอดีต และถูกดูดมาสู่ White Space ที่เป็น Hub World แต่ถ่ายทอดมาจากประสบการณ์ข้ามเวลาของตัวเองที่ออกแบบมาเป็นแนวสามมิติ! จุดนี้ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ และมันเข้ากับตัวของ Shadow ด้วยเพราะเขาก็เดบิวต์มาจากเกมยุคสามมิติอยู่แล้ว
ในส่วนของไลน์อัปฉากที่เราจะได้เล่นก็จะเป็นการยกมาจากเกมภาคที่ Shadow ได้ไปปรากฏตัวมาแล้วเสียส่วนใหญ่ และในเมื่อเขาเดบิวต์ในเกมสามมิติ ดังนั้นก็จะไม่มีร่าง Classic Shadow แต่อย่างใด ซึ่ง Act 1 ก็คล้ายกับ Sonic คือแนวสามมิติวิ่งตรงเข้าสู่เส้นชัยด้านหน้า หากแต่ว่า Act 2 นั้นจะถ่ายทอดในแบบ 2.5D แทน ถ้าใครนึกภาพไม่ออกก็คือเป็นแนวตะลุยดด่านด้านข้างคล้ายเกมภาค Generations บน 3DS หรือภาค Rivals ครับ คือมีมุมเฉียงๆ บ้าง แต่ยังบูสต์ได้เหมือนเดิม (เหมือน Rush) ความน่าสนใจก็คือถ้าสังเกตแล้ว Act 1 หรือด่านสามมิตินั้นมีความยาวมากกว่า Sonic ด้วย
จัดเต็มทุกความมันส์กับ Doom Power และ Chaos Control
Shadow ไม่เพียงแค่เป็น The Ultimate Lifeform (สุดยอดสิ่งมีชีวิตขั้นเทพ!) เท่านั้น แต่เขายังใช้พลังพิเศษได้อย่าง Chaos Control ที่เป็นการหยุดเวลา เช่นเดียวกับ Doom Power พลังจาก Black Doom ที่จะปลดล็อกตามเนื้อเรื่อง ส่วนเหล่านี้ทำให้ประสบการณ์การเล่นมีความเป็นแอ็กชันมากกว่า Sonic เพราะเราจะต้องอาศัยการบู๊แหลก ซึ่งจะไม่ได้เป็นเหมือนกับเกมภาคสปินออฟของพี่แกในยุค 2000s ด้วย แต่เป็นการใช้ทักษะการต่อสู้เตะต่อย และการกดปุ่ม QTE ที่จะขึ้นมาเป็นระยะ
Doom Power ที่ได้รับนั้นจะเป็นส่วนสำคัญในการเคลียร์อุปสรรค เช่นการข้ามแม่น้ำด้วย Doom Surf ที่จะเรียกมวลคลื่นสีดำมาพาเราข้ามฝั่ง หรือ Doom Wings ที่ช่วยให้เราบินได้เป็นเวลาจำกัด ทั้งหมดนี้คือพลังที่เหมือนกับว่าตัวร้ายเองมอบให้กับ Shadow ด้วยวัตถุประสงค์ไม่น่าไว้ใจ จุดนี้ให้ไปลุ้นเอง แต่อีกหนึ่งสิ่งที่รู้สึกชอบผมคิดว่าเป็น Chaos Control หรือพลังการหยุดเวลาของ Shadow มากกว่า เพราะตอนปล่อยพลังเนี่ยมันเห็นได้ชัดมากๆ ว่าเราจำเป็นต้องใช้ เช่นหยุดมิสไซล์เพื่อวิ่งข้ามแบบเท่ๆ เป็นต้น แม้ช่วงหลังความสามารถบางอย่างมันจะดูน่ารำคาญในการใช้ กระนั้นถ้าอาศัยความเท่ก็พอมองข้ามได้
Doom Power ไม่ได้เป็นพลังที่มีการจำกัดการใช้งาน (ยกเว้นพวกการยิงกระสุนดำ) ดังนั้นเมื่อถึงสถานการณ์ในการวิ่งไปไหนๆ ก็จะได้ใช้เอง แต่สำหรับ Chaos Control นั้นจะต้องเก็บเกจ ดังนั้นจะใช้พร่ำเพรื่ออาจไม่เหมาะนัก ซึ่งเราจะเห็นว่ามันทำให้เกมเพลย์ของ Shadow ดูมีมิติมากๆ ทั้งใน Act 1 และ Act 2 และยิ่งอนิเมชันการวิ่งของพี่แกแบบรองเท้าสเก็ตช์ก็ยิ่งดูเท่ไปอีก และฉากในเกมมีความ Cinematic เห็นอารมณ์เห็นการพูดคุยมากขึ้นด้วย
ปูทางสู่ยุคใหม่อีกครั้ง ด้วยองค์ประกอบที่แฟนเกมโซนิคถวิลหา
หลายคนอาจจะคิดว่าถึงอย่างไรนี่มันก็ยังคงเป็นแค่เกมโซนิคใส่สกินตัวละครใหม่สีดำแค่นั้น แต่ที่สำหรับผมมองว่ามันคือการนำ Sonic Frontiers ที่เคยปูทางสู่เกมเพลย์ยุคใหม่ เข้ามาดัดแปลงให้ย่อยง่าย สนุกรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งอย่างที่เห็นกันว่าฉาก White Space ของ Shadow Generations จะเป็นแบบสามมิติ แต่มันไม่ได้เป็นหน้าที่แค่ Hub ไว้วิ่งไปฉากต่างๆ เพราะการบอกเล่าเนื้อเรื่องผ่านสถานที่ที่ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถผู้พัฒนา จุดนี้เขาก็ทำได้ดีมากๆ และปมหลายอย่างของ Shadow ได้ถูกคลายในที่ว่างแห่งกาลเวลาแห่งนี้
นอกจากนั้นแล้ว Hub World ของ Shadow ก็ไม่ใช่ที่ปลอดภัย แต่เป็นเหมือนฉากขนาดใหญ่ มีกับดัก มีศัตรู มีความลับอะไรให้ค้นหากันแบบเต็มๆ และผมยังคิดว่า Hub ของเกมนี้ยังมีขนาดที่เหมาะสม ไม่กว้างมากเกินไปขนาดภาค Frontiers ที่ทำให้การวิ่งไปมาของ Sonic ในภาคนั้นมันดูช้าผิดสังเกต (แม้ผมจะเคยบอกว่าชอบความเร็วประมาณนั้น) บางทีนี่อาจเป็นสูตรสำเร็จใหม่ที่ SEGA จะนำมาปรับใช้กับเกมแฟรนไชส์นี้ในอนาคตก็เป็นได้
กราฟิกและดนตรี
จากการทดสอบบน Nintendo Switch พบว่าเกมส่วนของ Sonic รันที่ 1080p/30FPS ไม่มีอาการดรอป และในส่วนของ Shadow เองก็จะเป็นระดับเดียวกัน โดยไม่มีโหมดปรับการแสดงผล ขณะเดียวกัน PlayStation 5 สามารถปรับรูปแบบเน้นกราฟิกและเน้นเฟรมเรตได้ ซึ่งการปรับเน้นเฟรมเรตมีระยะมุ่งเป้าที่ 60FPS พบอาการตกน้อยมาก โดยรวมราบรื่นดี แต่ขอชมว่าเวอร์ชัน Switch นั้นภาพคมกริบแบบที่ดีกว่า Sonic Superstars และ Sonic Forces เสียอีกครับ ในขณะเดียวกันเพลงประกอบก็ยอดเยี่ยมมากๆ อยู๋ดีด้วยเพลงร็อคสไตล์ Jun Senoue ในภาค Sonic ส่วน Shadow เราก็ได้ฟังเพลง Radical Highway แบบรีมิกซ์กันอีกครั้ง ตุ้บๆ เหมือนเดิม
การแปลภาษาไทย
เกมภาคนี้มาพร้อมกับคำบรรยายภาษาไทยในส่วนของเมนูและไดอะล็อก ซึ่งสังเกตได้ว่าคุณภาพการแปลโดยรวมไม่มีข้อตกหล่นอะไรครับ ทั้งในตัวเมนูหรือบทพูดเองก็ตรงกับบริบทของเกม แต่จะไม่ตรงกับคำแปลภาษาอังกฤษตามบทพูดนะครับ อย่างไรเสียผมก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรนักและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณภาพของเกมอยู่แล้ว ดังนั้นการได้รับการสนับสนุนจากทีมพัฒนาสำหรับแฟนชาวไทยแบบนี้เป็นสิ่งที่เรายิ่งต้องขอบคุณเข้าไปอีก
บทสรุปสำหรับ Sonic X Shadow Generations
Sonic X Shadow Generations ในมุมมองผู้เล่นใหม่ย่อมเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะเข้าสู่โลกแห่งเจ้าเม่นสีน้ำเงินด้วยการรวบรวมฉากและการเดินทางตลอดหลายปีของเขามาถ่ายทอดเป็นเกมขนาดยาวที่ ณ เวลานั้นก็เป็นเกมที่มีคะแนนรีวิวสูงมาก แต่สำหรับ Shadow Generations นั้น แฟนโซนิคอย่างผมที่ชอบ Shadow อยู่แล้ว มันคือความรู้สึกอิ่มเอมมากๆ และนี่คือการบังคับตัวละคร Shadow แบบที่พวกเราจินตนาการไว้ว่าเขาควรเป็นแบบไหน ลืมไปให้หมดความเฟลความมีมในเกมภาค Shadow the Hedgehog เพราะภาคนี้นี่แหละที่จะพาเราไปรู้จักตัวตนของเขาแบบเต็มที่ (จนอยากให้มีเกมเต็มของตัวเองแบบแยกเลย)
อนึ่ง ขอยอมรับว่า Sonic Generations ที่เพิ่ม Chao ออกมาให้ตามหานั้น รู้สึกว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่จำเป็นอะไรนัก คือใส่มาก็ดีแต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกอยากตามมากขึ้นเท่าไร และ Drop Dash ในด่านของ Sonic เองก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องใช้เท่าไรเพราะด่านเดิมก็สามารถเคลียร์ได้ด้วยการเล่นแบบปกติ ซึ่งผมคิดว่าใส่มาพร้อม Shadow เองมันก็สามารถทำได้ก็เลยทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน… อะไรประมาณนั้นครับ โดยอีกจุดที่ไม่ค่อยชอบใจคือการดำเนินเนื้อเรื่องของ Shadow Generations ในส่วนบอส ก็ยังคงเหมือนกับของ Sonic ที่เหมือนอยู่ๆ ตัวละครก็กำลังสู้กันหรือปะทะกันอยู่แล้ว แต่ผู้เล่นไปเสียบตรงกลาง มันเลยดูงงๆ ไม่ปะติดปะต่อ
สำหรับใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์ความเร็วแสงของสองเม่นที่วิ่งไวที่สุดในโลกแบบนี้บ้างบอกเลยว่าไม่ต้องรอนานเพราะทุกคนที่สั่งจองเวอร์ชัน Digital Deluxe สามารถเข้าเล่นได้แล้วทั้งบน PlayStation 5, Xbox Series X|S, Nintendo Switch และ PC โดยกำหนดจำหน่ายเวอร์ชันมาตรฐานที่มาพร้อมเกมหลักจะอยู่ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ครับผม ส่วนโอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาแบ่งปันอย่าลืมติดตามที่นี่เช่นเคย