[รีวิว] Pokémon Friends เกมโปเกมอนฝึกสมองที่เล่นได้ทุกวัน

หมายเหตุ: ตัวเกมเวอร์ชันที่นำมารีวิวคือรูปแบบมือถือและ Nintendo Switch โดยไม่ครอบคลุมเนื้อหา DLC แต่อย่างใด ประสบการณ์ที่ได้รับอาจมีความแตกต่างกัน

ในตอนนี้ที่ Pokémon ได้กลายเป็นแบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องบอกเลยว่าจะไปดัดแปลงเป็นรูปแบบไหนก็ได้รับความน่าสนใจทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเกมสปินออฟสไตล์ต่อสู้อย่าง Pokkén Tournament หรือจะเป็นเกมจำลองการถ่ายรูป New Pokémon Snap แต่สิ่งที่เราได้เห็นกันบ่อยมากๆ ก็คือแนวพัสเซิล ซึ่งล่าสุดก็ถึงคิวของ Pokémon Friends ที่เปิดตัวแบบเซอร์ไพรส์พร้อมให้บริการกันเลยในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ความแตกต่างของ Pokémon Friends กับเกมแนวปริศนาเกมอื่นที่เคยมีมาก่อนหน้านั้นเราจะสังเกตได้ชัดมากๆ จากลักษณะที่ไม่ได้เป็นแนว Live Service อีกต่อไป แต่จะเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของเรา ราวกับมันเป็นหนังสือลับสมองสมัยก่อนที่เคยเป็นที่นิยมในยุค 90 พร้อมนำเสนอใหม่เป็นเกมเล็กๆ เล่นง่าย อยู่ในมือของเราไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชัน Nintendo Switch หรือสมาร์ทโฟน วันนี้ ThisIsGame Thailand ก็ได้นำความประทับใจมาแบ่งปันในรีวิวนี้ด้วยครับ

หยิบมาเล่นได้ทุกวัน เพราะ Pokémon Friends มีอะไรใหม่ๆ ทุกวัน

เรื่องราวของเกมนั้นเป็นเหมือนกับชีวิตประจำวันของคนคนหนึ่งนั่นก็คือเราที่จะได้ย้ายมาอยู่ในเมืองสุดเงียบสงบแห่งหนึ่ง และเป็นเจ้าของเครื่องถักไหมพรมที่เปลี่ยนให้ม้วนก้อนได้กลายเป็นตุ๊กตาสำหรับสะสม ซึ่งในทุกๆ วันผู้เล่นจะได้รับพัสเซิลประจำวันชุดละสามเกม แต่ละเกมจะเป็นเกมสั้นๆ ตามธีมของโปเกมอนแต่ละตัวให้เราแก้ไขปริศนาภายในเวลาที่จำกัด เช่น Mr. Mime ที่มาพร้อมกับเกมทายรูปทรง, Piplup ที่ให้เราสไลด์เจ้าเพนกวิ้นไปหาทางออก หรือเกมลากเส้นของ Pikachu ที่ต้องโยงสายไฟจากจุดหนึ่งไปสู่เส้นชัยโดยที่ห้ามทับกัน

เกมเหล่านี้แน่นอนว่าเป็นเกมแบบฝึกสมองทั้งหมดและมีขั้นตอนการทำความเข้าใจที่ง่าย แต่ยิ่งเล่นนานเข้ามันจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหมือนกันครับ ซึ่งหลังจากเคลียร์พัสเซิลเสร็จแล้วก็จะได้ปั๊มสแตมป์ลงบนปฏิทินเพื่อที่จะได้บันทึกว่าเราได้ฝึกสมองเรียบร้อย หากเทียบให้เห็นภาพชัดๆ จะคล้ายกับแฟรนไชส์ Brain Age บนเครื่องเล่น Nintendo DS แต่อันนี้อยากติสักเล็กน้อยว่าดูจะสตรีมไลน์กันมากไปสักหน่อย ไม่ได้มีการวิเคราะห์ว่าสิ่งที่เราได้รับจากพัสเซิลนั้นช่วยฝึกความจำอะไรด้านไหนอย่างไร… เพราะมันไปให้ความสำคัญในส่วนอื่นแทน!

ความ Cozy ที่ผสมผสานเข้ามาแบบเรียบง่าย… ไปหน่อย

ส่วนที่เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญก็คือเควสต์ของเกมนี้นั่นเองครับ โดยการที่เราได้รับก้อนไหมพรมมานั้นจะไม่ได้หมายความว่าไปถักเป็นตุ๊กตาแล้วก็จบ แต่ว่าไหมพรมแต่ละชนิดจะถักออกมาเป็นโปเกมอนไม่ซ้ำแบบขึ้นอยู่กับเรตและประเภท เช่นไหมพรมไฟฟ้าก็จะเป็น Pikachu ตามที่เรารู้กัน หรือไหมพรมสายน้ำก็อาจจะเป็นโปเกมอนสตาร์ทเตอร์ไทป์น้ำสักตัวหนึ่งก็ได้ครับ โปเกมอนเหล่านี้สามารถนำมาใช้ตกแต่งห้องส่วนตัวของเราไว้ชมภาพสวยๆ หรือจะไปใช้กับเควสต์ในเมืองก็ได้

ภายในเมนูชาวเมืองเราจะพบว่ามีเควสต์ที่เป็นการร้องขอโปเกมอนในโจทย์ต่างๆ เช่นช่วงแรกอาจจะเป็นเด็กหญิงคนหนึ่งที่ต้องการตุ๊กตาโปเกมอนแบบเดิมกับที่เคยทำหายไป เราก็ต้องมาเล่นพัสเซิลแล้วลุ้นกันว่าจะได้ไหมพรมประเภทไหนออกมา และตรงใจกับเธอไหม แล้วก็ลุ้นต่อว่าถักออกมาจะเป็นตัวอะไรกันแน่ ถ้าหากปิ๋วก็อดไป แต่ถ้าได้ก็จะมีแต้มเพิ่มเลเวลของเมือง และอาจได้ของขวัญเป็นเฟอร์นิเจอร์แต่งห้องเช่น วอลล์เปเปอร์ โซฟาหรือชั้นวางของเป็นต้น สังเกตได้ว่าให้อารมณ์เหมือนเกม Cozy เลย และที่สำคัญไม่มีไทม์เกตด้วย ฟาร์มไหมพรมได้เพลินๆ (ยกเว้นแต่ว่าจะเป็นเวอร์ชันมือถือที่จะกล่าวในบทถัดไป)

ครั้นที่เราจะบอกว่าเกมมันดูตื้นไปสักนิด แต่การตีความของคำว่า Pokémon Friends ในเกมนี้เห็นได้ชัดตรงนี้แหละ ว่ามันคือการที่เราจะผูกสัมพันธ์กับคนในเมืองด้วยการมอบตุ๊กตาให้กันและกัน แต่พัสเซิลมันดันเป็นจุดที่ควรจะให้ความสนใจมากกว่า ก็เลยอีกมุมหนึ่งเลยมองว่าโจทย์ของเกมนี้อาจจะดูงงๆ ใครที่คิดว่าจะเป็นเหมือน Brain Age ไว้ฝึกสมองรายวัน แน่นอนว่าคุณได้สิ่งนั้นไป แต่ความละเอียดเรื่องการวิเคราะห์แบบฝึกหัด การปรับพัสเซิลให้เข้ากับไหวพริบด้านต่างๆ ที่เราอยากขัดเกลา จุดนี้ขอบอกว่าไม่มีครับ มันคือเกม Cozy Puzzle พูดแบบนี้ดีกว่า

Pokémon Friends แตกต่างกันอย่างไรระหว่าง Nintendo Switch และมือถือ

จุดที่น่าสนใจก็คือเกมมีสองเวอร์ชันให้เลือกคือบน Nintendo Switch และมือถือทั้งบน iOS และ Android ข้อแรกก็คือ Nintendo Switch จะเป็นราคาเริ่มต้น $9.99 พร้อมกับพัสเซิลจำนวน 30 แบบ และตุ๊กตามากถึง 70 ตัวที่มีให้สุ่ม เช่นเดียวกับคุณสมบัติในการเล่นพัสเซิลย้อนหลังได้ด้วย บางคนที่อยากกลับไปเล่นเกม Pikachu แต่ว่าวันนั้นไม่มี ก็แค่เข้าเมนูปฏิทินแล้วเลื่อนหาดูตามวันที่ต้องการได้เลย และด้วยความที่ Switch เป็นเครื่องเกมคอนโซลดังนั้นจึงรองรับการต่อจอโทรทัศน์และใช้ปุ่มบังคับ ควบคู่ไปกับจอสัมผัส

พอพูดถึงจอสัมผัสก็เลยต้องพูดถึงเวอร์ชันมือถือ Pokémon Friends บน iOS และ Android จะมาพร้อมกับการบังคับแบบใช้นิ้วจิ้มหน้าจอเป็นหลัก เช่นเดียวกับโมชันคอนโทรลในบางเกม แต่ราคาค่าตัวเริ่มต้นจะเป็นแบบ Free-to-start เริ่มเล่นได้เลย ทั้งนี้จะมีข้อจำกัดอยู่ด้วย เช่นปริมาณพัสเซิลที่สามารถเล่นได้มีเพียงสามมินิเกมต่อวัน และเล่นซ้ำได้แค่มินิเกมชุดเดิมประจำวันนั้นๆ รวมไปถึงประเภทของไหมพรมและตุ๊กตาที่สุ่มได้ หากต้องการคุณสมบัติเพิ่มเติมเท่ากับเวอร์ชัน Switch จะต้องซื้อชุด​ Basic Pack ในราคา… $9.99 เท่ากัน!

มองแล้วก็คงพิจารณาได้ว่าเกมนี้ออกแบบมาให้เป็นเกมมือถือเป็นหลักเสียมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างของเกม และการออกแบบเมนู ซึ่งการเล่นเกมบน Switch นั้น จอสัมผัสของมันแน่นอนว่าใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้ดีขนาดเท่ากับจอของมือถือเพราะการตอบสนองต่างกันครับ และพอเราเล่นผ่านโทรทัศน์ด้วยปุ่มจาก Joy-Con ก็กลายเป็นว่า ไม่เร็วทันใจสักเท่าไร ส่วนนี้ส่งผลต่อคะแนนประเมินประจำวันที่ทำให้ได้ไหมพรมไม่ตรงตามความต้องการด้วย เสียดายมากๆ ครับ

กราฟิกและเพลงประกอบ

กราฟิกของเกมนั้นเป็นภาพสองมิติเวคเตอร์ลายเส้นน่ารักคล้ายๆ กับ Pokémon Café Remix เลย แต่ว่าออกแบบตัวละครให้อยู่ในสเกลเท่าคนจริงและผสมผสานกับกราฟิกสามมิติในบางมินิเกม เช่นเดียวกับโหมดแต่งห้อง ส่วนเพลงนั้นก็จะเป็นเพลงเนิบๆ เนือยๆ ไม่ได้เน้นให้เรารู้สึกตื่นเต้นอะไรนัก อย่างไรเสียโดยรวมในเมื่อเกมไม่ได้ใช้สเปคหนักมาก การให้ภาพบน Switch จึงเต็มความละเอียดที่ Full HD และเฟรมเรตก็ไม่แย่เลยครับ

บทสรุป

Pokémon Friends เป็นเกมน่ารักที่เล่นได้เรื่อยๆ เพลินๆ แต่ถ้าถามว่าคุ้มไหมกับการซื้อเวอร์ชันเต็มมาเล่น ความเห็นส่วนตัวคิดว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไรเพราะสำหรับเวอร์ชัน Free-to-start บนสมาร์ทโฟนก็เพียงพอต่อความต้องการในการ ‘ฝึกสมอง’ แล้ว ซึ่งในกรณีที่เราชื่นชอบแนวคิดของเกม อยากเก็บเฟอร์นิเจอร์ใหม่ๆ และตุ๊กตาใหม่ๆ จริงๆ ถึงตอนนั้นจะซื้อเวอร์ชัน Switch (หรือในอีกทางเลือกคือ Basic Pack บนมือถือ) ก็ไม่สาย และยังมี DLC เพิ่มเติมที่ปลดล็อกตุ๊กตาและไหมพรมใหม่ๆ เช่นโปเกมอน Mew, Jirachi และโปเกมอนตำนานจากภาค Scarlet & Violet ได้เช่นกันครับ

สำหรับใครที่สนใจ สามารถเลือกเล่นได้แล้ววันนี้โดยเป็นเกมรูปแบบดิจิทัลดาวน์โหลดเท่านั้น ทั้งบน Nintendo Switch และมือถือเลย ซึ่งในสโตร์ไทย หากต้องการซื้อ Base Game หรือตัวเกมมาตรฐานก็สนนราคาเริ่มต้นที่ 399 บาท และมี DLC Puzzle On! เพิ่มชุดละ 519 บาท ทั้งนี้จะมีบันเดิ้ลราคาพิเศษที่ถูกกว่าเดิมคือชุดรวม DLC Puzzle On! จำนวนสองชุด 999 บาท และ Combo Bundle รวมเกมเต็ม 1,190 บาทครับ