[รีวิว] Octopath Traveler 0 ปฐมบทของสุดยอดตำนานเกมที่ในครั้งนี้เราคือผู้ร้อยเรียงเรื่องราว

Octopath Traveler 0 เกม JRPG แบบเทิร์นเบสภาคใหม่ล่าสุด ที่คราวนี้เราจะได้สวมบทเป็นตัวเอกที่สร้างขึ้นเองเป็นครั้งแรกในซีรีส์ พร้อมทั้งได้ออกเดินทางเพื่อฟื้นฟูบ้านเกิดที่ถูกทำลายไปอย่างย่อยยับ เกมเปิดโอกาสให้เราได้มีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครต่าง ๆ ในหลากหลายรูปแบบ ใช้ระบบต่อสู้ Break and Boost อันเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ในการพลิกสถานการณ์ในสนามรบ และออกเดินทางในเส้นทางที่เราเป็นคนเลือกเองทั้งหมด

และในวันนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปออกผจญภัย สร้างเรื่องราวของตนเอง และฟื้นฟูหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว และก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ผู้อ่านได้ติดตามกันครับ

อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 และหากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้าหลังจากที่รีวิวนี้ได้เผยแพร่ไปแล้ว ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้

ระบบสร้างตัวละครที่ทำให้ภาคนี้โดดเด่นกว่าที่เคย

หนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้ผู้เขียนประทับใจเป็นพิเศษ คือการเปิดเกมที่ “ต่างจากเดิมแบบพลิกโฉม” เมื่อเทียบกับสองภาคก่อนหน้า เพราะภาคนี้ผู้เล่นจะได้ สร้างตัวละครของตัวเองตั้งแต่ศูนย์ ตั้งแต่ทรงผม สีผม สีตา โครงหน้า ไปจนถึงการเลือกคลาสและความสามารถพื้นฐาน เป็นระบบที่เปิดอิสระให้ทุกคนได้ออกแบบ “ฮีโร่ในแบบของตัวเอง” อย่างแท้จริง และไม่ได้หยุดแค่นั้น เพราะเมื่อเล่นถึงช่วงหนึ่ง ผู้เล่นยังสามารถ เปลี่ยนคลาส ได้อีกด้วย ทำให้ตัวละครมีสกิลหลากหลายมากขึ้น สามารถผสมผสานความสามารถจากหลายสายจนเกิดเป็นสไตล์การเล่นเฉพาะตัวได้แบบเต็มที่ ส่งผลให้การเล่นตลอดทั้งเกมรู้สึกสดใหม่และน่าตื่นเต้นอยู่เสมอ

ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้โดดเด่นมากเพราะทั้ง 2 ภาคก่อนหน้านี้ผู้เล่นต้องเลือกรับบทเป็นตัวละครที่ถูกกำหนดมาแล้ว ทำให้เมื่อมีการสร้างตัวละครด้วยมือของตัวเองตั้งแต่พื้นฐาน ทำให้การเล่นเกมนี้อินมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงผูกพันกับการเดินทางในเกมมากขึ้น ทุกเหตุการณ์ ทุกทางเลือก และทุกชัยชนะ ล้วนทำให้รู้สึกเหมือนเป็น “การผจญภัยของเราเอง” ไม่ใช่การเฝ้าดูเรื่องราวของตัวละครที่มีอยู่ก่อนแล้ว ความรู้สึกมีส่วนร่วมที่สูงขึ้นแบบนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ภาคนี้โดดเด่นกว่าเดิม และมอบประสบการณ์ที่ทรงพลังและน่าจดจำให้กับผู้เล่นอย่างมาก

ระบบต่อสู้ที่มาพร้อมมิติกลยุทธ์ที่ล้ำลึกขึ้น

ระบบการต่อสู้ในภาคนี้อาจไม่ได้พลิกโฉมจากภาคก่อนมากนัก แต่ความ “คงเดิมที่ถูกขัดเกลามาอย่างดี” คือจุดที่ผู้เขียนหลงรักใน Octopath Traveler 0 แบบสุด ๆ โดยผู้เล่นคงทราบดีว่าระบบการต่อสู้ภายในเกมซีรี่ส์นี้เรียกได้ว่าเข้มข้นมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการกดสกิลที่จะต้องวางแผนตลอดเวลา การบริหารค่า BP เพื่อเร่งพลังโจมตีให้สูงสุด หรือการอ่านจุดอ่อนศัตรูเพื่อตอบโต้ให้เหนือกว่า ทุกองค์ประกอบถูกออกแบบมาอย่างลงตัวจนทำให้ฉากต่อสู้แต่ละครั้งเต็มไปด้วยแรงกระแทกทางอารมณ์แบบจัดเต็ม

สิ่งที่เพิ่มเข้ามาและทำให้ภาคนี้โดดเด่นยิ่งขึ้น คือระบบ Ultimate ของตัวละครหลัก ซึ่งจะมีเพียงตัวละครเอกของผู้เล่นเป็นผู้ใช้งาน ซึ่งระบบนี้ถือได้ว่าเป็นระบบที่สำคัญเป็นอย่างมาก โดยผู้เล่นต้องสะสมเกจให้เต็มก่อนจึงจะสามารถปลดปล่อยท่าไม้ตายนี้ออกมาได้ และต้องบอกเลยว่าทำออกมาได้ทรงพลังสุด ๆ หากใช้ดี ๆ สามารถพลิกสถานการณ์คับขันให้กลายเป็นชัยชนะได้อย่างน่าประทับใจ

ด้านการจัดทีมก็ได้รับการพัฒนาอย่างชัดเจนด้วยระบบการจัดตัวละครที่มากถึง 8 ตัวละคร โดยแบ่งเป็น 2 แถว หน้าหลัง แถวละ 4 ตัวละคร ซึ่งระบบนี้สร้างมิติใหม่ให้กับเกมเพลย์เป็นอย่างมาก โดยผู้เล่นสามารถสลับตัวละครระหว่างแถวหน้า (ที่ทำหน้าที่ต่อสู้จริง) และแถวหลัง (ที่ใช้พักเพื่อฟื้นฟู HP และ SP) ได้อย่างอิสระ ตัวละครบางตัวก็มีสกิลที่ซัพพอร์ตแถวหลังโดยเฉพาะ ทำให้การวางตำแหน่งแต่ละครั้งมีผลต่อผลลัพธ์ของการต่อสู้แบบสุด ๆ และด้วยรายละเอียดทั้งหมดนี้ ระบบการต่อสู้ในภาคนี้จึงลึกซึ้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เปิดโอกาสให้ผู้เล่นวางแผนทั้งการสลับตัวละคร การบริหารทรัพยากร และการเลือกจังหวะใช้ท่าไม้ตายได้อย่างอิสระ ทำให้เกมนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่ผู้เขียนยกนิ้วให้กับระบบการต่อสู้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจเลยครับ

เนื้อเรื่องที่เข้มข้น และคอนเทนต์ที่เยอะแบบจัดเต็ม

เนื้อเรื่องของเกมนี้เปิดตัวได้อย่างทรงพลังจนผู้เขียนต้องขอชมจากใจจริง ช่วงแรกผู้เล่นจะได้สัมผัสบรรยากาศสดใสเหมือนการผจญภัยครั้งใหม่กำลังจะเริ่มต้นอย่างงดงาม แต่เพียงไม่นาน เรื่องราวกลับพลิกสู่โศกนาฏกรรมแบบฉับพลันจนรู้สึก “ช็อก” แบบตั้งตัวไม่ทัน ความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ทำให้ผู้เล่นถูกดูดเข้าสู่โลกของเกมทันที และอยากติดตามต่อว่าเหตุการณ์ต่อไปจะพาเราไปสู่จุดไหน

หลังจากผ่านช่วงที่หนักหน่วง เกมก็เริ่มพาผู้เล่นเข้าสู่การฟื้นฟูหมู่บ้าน การสร้างความหวังครั้งใหม่ และการพบเจอผู้คนที่ค่อย ๆ เติมชีวิตชีวาให้กับการเดินทาง ทุกเควส ทั้งหลักและย่อย ถูกเขียนขึ้นอย่างตั้งใจจนรู้สึกได้ว่าไม่มีเหตุการณ์ใดถูกใส่มาแบบลวก ๆ แต่เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ช่วยให้โลกของเกมดูมีความหมายและมีชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ

สิ่งที่ทำให้การเล่าเรื่องสนุกขึ้นไปอีก คือความอิสระที่เกมมอบให้ผู้เล่นแบบที่ผู้เขียนรู้สึกไม่เคว้งคว้าง แต่ก็ไม่อึดอัด เพราะเกมนี้มีตัวเลือกเส้นทางหลักให้เลือก 3 เส้นทาง และจะมีเควสหลักคอยกำกับทิศทางไปเรื่อย ๆ แต่ผู้เล่นสามารถเลือกเปลี่ยนเส้นทางของเนื้อเรื่องได้ตามใจ ไม่จำเป็นต้องไล่เคลียร์เส้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งแบบเส้นตรง จะออกเดินเล่น สำรวจเมือง ช่วยชาวบ้าน หรือพักไปทำกิจกรรมสนุก ๆ ระหว่างทางก็ได้ทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเกมยังอัดแน่นด้วยเควสรอง เควสสร้างฐานของตัวละคร และกิจกรรมตามหาผู้ร่วมทีมที่ซ่อนตัวอยู่ตามฉากต่าง ๆ เพื่อชวนเข้าปาร์ตี้ เรียกได้ว่าเป็นคอนเทนต์ที่ “เยอะ แต่ให้อิสระเต็มที่” เลือกทำอะไรก่อนก็ได้ไม่ผิดกติกา เรียกได้ว่าเล่นได้เพลิดเพลินแต่ไม่หลงทางอย่างแน่นอน

การสำรวจโลกและมีปฏิสัมพันธ์กับโลก

เมื่อพูดถึงการสำรวจ แผนที่ของเกมก็เปิดกว้างแบบสุด ๆ ผู้เล่นสามารถเดินไปได้แทบทุกจุดตั้งแต่เริ่ม อาจมีบางแห่งที่ต้องปลดล็อคด้วยภารกิจ หรือบางโซนที่ศัตรูโหดเกินไปจนเดินสะดุดตายแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ความเสี่ยงเล็ก ๆ เหล่านี้กลับเพิ่ม “ความตื่นเต้น” ให้กับการเดินทาง และสร้างแรงผลักดันให้เราอยากพัฒนาตัวละครเพื่อกลับมาเอาชนะในภายหลัง เป็นการออกสำรวจที่เต็มไปด้วยเสรีภาพ ความท้าทาย และเสน่ห์เฉพาะตัวที่ยากจะลืมจริง ๆ

เกมนี้ไม่ได้มีดีแค่การเดินสำรวจ หรือการผจญภัยที่ดุเดือดเท่านั้น เพราะความมีชีวิตชีวาของโลกใบนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยระบบ Path Action ที่ทำให้การปฏิสัมพันธ์กับ NPC มีความหมายและสนุกขึ้นแบบเห็นได้ชัด โดยผู้เล่นสามารถเลือกวิธีเข้าหา NPC ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการท้าต่อสู้เพื่อชิงของรางวัล ลองซื้อของจากคนที่ไม่ใช่พ่อค้า การต่อราคาสินค้า จ้างมาเป็นผู้ช่วยผจญภัย หรือแม้แต่เรียนรู้สกิลใหม่ผ่านการดวลกับตัวละครสำคัญในพื้นที่ต่าง ๆ ยิ่ง NPC มีเลเวลสูงเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็ยิ่งมากขึ้น แต่ผลตอบแทน เช่นสกิลแรง ๆ หรือไอเทมล้ำค่าก็ยิ่งคุ้มค่า

ระบบสร้างเมืองที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและมีมิติ

อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ผู้เขียนประทับใจที่สุดภายในเกม Octopath Traveler 0 ก็คือระบบ “พัฒนาหมู่บ้าน” ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวใจของประสบการณ์การเล่นในเกมนี้ ตั้งแต่เริ่มเกม ผู้เล่นจะได้พบกับหมู่บ้านที่ถูกทำลายจนแทบไม่เหลือชิ้นดี และหน้าที่ของเราคือค่อย ๆ ฟื้นฟูพื้นที่แห่งนี้ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ความรู้สึกเมื่อเดินสำรวจหมู่บ้านในสภาพรกร้าง แล้วเห็นมันค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามความก้าวหน้าของเรา เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความผูกพันกับโลกในเกมอย่างมาก

ระบบการฟื้นฟูนี้ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมเสริมให้ทำเล่น ๆ แต่เปิดโอกาสให้ผู้เล่น “ออกแบบหมู่บ้านของตัวเอง” ได้อย่างเต็มที่ โดยผู้เล่นสามารถวางสิ่งปลุกสร้างต่าง ๆ ในหมู่บ้านได้เต็มที่ โดยผู้เล่นจะต้องทำเควสและภารกิจต่าง ๆ ของหมู่บ้านที่ค่อย ๆ เพิ่มเข้ามาตามลำดับ และเมื่อผู้เล่นทำภารกิจเหล่านี้สำเร็จ ก็จะปลดล็อคสิ่งปลูกสร้างใหม่ สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้หมู่บ้านเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เห็นหมู่บ้านของเราเติบโตอีกครั้งในแบบของเราเอง

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวละครที่สามารถเชิญมาอยู่ในหมู่บ้านก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่มองข้ามไม่ได้ ผู้คนเหล่านั้นก็มีความสามารถที่แตกต่างกันไป บางคนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรวบรวมวัสดุ บางคนช่วยให้พื้นที่บางส่วนใช้งานได้ดีขึ้น แต่ละตัวละครมีข้อจำกัดและจุดเด่นเฉพาะตัว ทำให้ผู้เล่นต้องคิดวางแผนเรื่องการจัดสรรทรัพยากรมนุษย์อย่างเหมาะสม ระบบนี้จึงไม่ได้มีดีแค่สร้างเมืองให้สวยงาม แต่ยังเพิ่มชั้นเชิงในการบริหารจัดการและทำให้การเล่นสนุกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สรุปรีวิว

ก็ชัดเจนว่า Octopath Traveler 0 เกมภาคนี้โดดเด่นกว่าเดิมแบบชัดเจนด้วยระบบสร้างตัวละครที่ให้อิสระเต็มที่ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกมีส่วนร่วมกับการผจญภัยอย่างแท้จริง ผสานกับระบบการต่อสู้ที่คงเอกลักษณ์ไว้แต่เพิ่มความลึกเชิงกลยุทธ์ ทั้งการจัดทีม 8 ตัวละคร การสลับตำแหน่ง และท่า Ultimate ที่ทรงพลัง เนื้อเรื่องที่เข้มข้นสุด ๆ พร้อมคอนเทนต์จำนวนมากที่เล่นได้แบบอิสระโดยไม่หลงทาง โลกเปิดกว้างให้สำรวจได้แทบทุกมุมและมีปฏิสัมพันธ์กับ NPC อย่างมีความหมายผ่าน Path Action ส่วนระบบพัฒนาหมู่บ้านก็สร้างความผูกพันและความภาคภูมิใจเมื่อเห็นหมู่บ้านเติบโตตามการตัดสินใจของผู้เล่น ทำให้ภาคนี้เป็นประสบการณ์ที่ครบทั้งความลึก ความสนุก และความประทับใจในระยะยาว

ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 9.5 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็เป็นได้ครับ

จุดเด่น

• ระบบสร้างตัวละครอิสระ มีผลต่อการผจญภัยทั้งเกม
• ระบบการต่อสู้ที่ลุ่มลึกด้วยการจัดทีม 8 ตัวละครและมีท่า Ultimate เพิ่มมิติกลยุทธ์อย่างมาก  
• เนื้อเรื่องเข้มข้น น่าติดตามอย่างยิ่ง
• คอนเทนต์เยอะ มีอิสระแบบเต็มที่ แต่ไม่ทำให้ผู้เล่นหลงทาง
• ระบบ Path Action ทำให้โลกมีชีวิต และการเล่นมีความหมาย
• ระบบพัฒนาหมู่บ้านสร้างความผูกพันสุด ๆ

ข้อสังเกต

• ระบบการต่อสู้แกนหลักยังคล้ายภาคก่อน อาจไม่รู้สึก “สดใหม่” สำหรับบางคน
• ตัวละครเอกยังเป็นใบ้อยู่
• ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับค่อนข้างยาก (แม้ว่าจะง่ายกว่าภาคก่อน ๆ แล้วก็ตาม) อาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับบางคนได้

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Bandai Namco Entertainment ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อเกมได้ที่ : [คลิก]

ภาพ Screeshots เพิ่มเติม

ผู้อ่านคนใดต้องการติดตามรีวิว / พรีวิวเกมอื่น ๆ ของ This Is Game Thailand ก็สามารถมาได้ที่นี่ครับ >>>คลิก<<<