[รีวิว] Nintendo Switch 2 อสูรกายร่างจิ๋ว อัปเกรดครั้งใหญ่ที่ทำดีขึ้น (เกือบ) ทุกด้าน

พูดถึง Nintendo Switch 2 แล้ว มั่นใจว่าทุกคนคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเครื่องเล่นเกมที่คนให้การรอคอยการเปิดตัวมากที่สุดเพราะเว้นช่วงการจำหน่ายกันนานมากๆ และมีข่าวลือเกี่ยวกับตัวเครื่องมาตลอดตั้งแต่สองถึงสามปีให้หลัง กระทั่งเดือนมกราคมได้มีภาพโฉมแรกออกมา และเปิดตัวอย่างรวดเร็วในเดือนเมษายน พร้อมจำหน่ายในเดือนมิถุนายนนี้ เว้าแปนๆ ก็คือเมื่อสัปดาห์ก่อนนี้เอง แต่มีหรือแฟนเกมของปู่นินอย่างผมที่ปลาบปลื้มมาตลอดทั้งชีวิตจะพลาด วันนี้เครื่องก็มาถึงมือผมเพื่อรีวิวให้เพื่อนๆ ฟังกันแล้ว น่าซื้อ น่าเล่นไหม ลองดูกัน

โฉมแรก ดีไซน์ และสัมผัสของเครื่อง

มาถึงปุ๊บก็ต้องแกะกล่องกันก่อนเลยครับ ตัวเครื่องที่ ThisIsGame Thailand นำมารีวิวเป็นรุ่นบันเดิ้ล Nintendo Switch 2 + Mario Kart World จากประเทศฮ่องกงนั่นเองครับ เอาจริงผู้เขียนก็ขอบินลัดฟ้ากันไปซื้อเลยทีเดียวเพราะว่าเห่อมาก (ฮา) โดยตัวกล่องที่สังเกตจากที่ร้านแล้วพบว่าขนาดเดียวกันกับรุ่นมาตรฐานครับ ซึ่งมีขนาดอยู่ที่ 22.5 เซนติเมตรและหนา 10.5 เซนติเมตร รวมน้ำหนักแพคเกจเกือบๆ กิโล หนักเหมือนกันครับ และตัวกล่องเองไม่ได้มีซีลบริเวณที่แกะกล่องมาให้นะครับ เมื่อสอบถามกับเพื่อนที่ประเทศออสเตรเลียพบว่ามีซีลให้ คาดว่าและแต่พื้นที่ให้บริการครับ

แกะกล่องออกมาปุ๊บ เราจะเจอกับตัวเครื่องส่วนของจอวางคว่ำเอาไว้บริเวณด้านซ้าย และด้านขวาก็จะเป็น Joy-Con 2 ทั้งสองชิ้นที่สามารถประกบด้วยรางเสียบแบบแม่เหล็กที่เราจะมาพูดคุยอีกครั้งในหมวดถัดๆ ไป และในชั้นที่สองจะเป็น Dock, สายชาร์จ USB-C และหัวปลั๊กชุดใหม่ ขณะที่สาย HDMI จะเป็นสายแบบ 2.1 ที่มีความสามารถในการแสดงผลระดับ 4K 60Hz พร้อม HDR โดยในทางเทคนิคสายชนิดนี้ให้ได้ถึง 120Hz แต่ขอย้ำว่าไม่สามารถทำได้กับเครื่องเล่นนี้ Switch 2 สามารถให้ภาพ 120Hz ได้บนตัวจอเมื่อเล่นโหมดพกพาอย่างเดียวครับ และตัวสายชาร์จอย่างที่บอกว่ามีหัวปลั๊กมาด้วย เป็นเพราะเครื่องใช้แรงประมวลผลมากขึ้นเพื่อให้ภาพที่มีความละเอียดสูง ดังนั้นหากใช้สาย AC Adapter ของเดิมจะทำได้แค่ชาร์จ เสียบขึ้นภาพไม่ได้ครับ

มาถึงการใช้งานตัวหน้าจอกันบ้าง ขาดไม่ได้จริงๆ เพราะเพื่อนๆ หลายคนน่าจะเป็นสายไฮบริด พาเครื่องเล่นคู่ใจของเราเดินทางไปนอกบ้านอยู่แล้ว โดยจอมาพร้อมกับขนาด 7.9 ขอบบางมากๆ ครับ เทียบกับของเดิมที่ระดับ 6 นิ้วก็เห็นชัดแจ๋วกว่าเดิม และแม้จะเป็นจอ LCD แต่ความสดสู้ OLED ได้แบบน่าชื่นชม นอกจากนี้จอยังให้ภาพที่ 1080p และมี HDR10 กับ VRR ด้วยครับ เมื่อเสียบจอยเข้าแล้ว จะหนักประมาณ 550 กรัม ถือได้สบายๆ เลยครับ ขณะเดียวกัน Dock ที่ใช้เสียบก็จะพบว่ามี LAN มาให้ และมี USB-A อยู่ด้านหน้าสองพอร์ตครับ นอกจากนี้ยังมีตัวระบายอากาศด้วย เลยคิดว่า Nintendo ให้ความสำคัญกับการเล่นแบบต่อเข้าโทรทัศน์มากๆ ในครั้งนี้ และอาจอธิบายได้ว่าทำไมเกมฟอร์มยักษ์ถึงทยอยลงแบบรัวๆ

สเปค Nintendo Switch 2 ที่ยังเป็นปริศนา แต่ว่ายกนิ้วโป้งให้เลย

สเปคของเครื่องนั้นไม่ได้มีการให้รายละเอียดที่ชัดเจนมาแต่จะขอบอกเล่าจากการใช้งานโดยรวมก่อนว่าค่อนข้างบึกบึนเลยครับ ซึ่งเบื้องต้นเป็นซีพียูแบบ ARM เฉพาะตัวจาก NVIDIA และมีความสามารถในการให้ Ray-tracing ไปจนถึง DLSS ในหลายๆ เกม เช่น Cyberpunk 2077 และ Street Fighter 6 (DEMO) คาดว่าด้วย RAM ที่มากขึ้น ทำให้ประสบการณ์เกมหลายเกมนั้นเมื่อเทียบกันแล้วกับเครื่องเล่น Xbox Series S จะพบว่าสามารถทำได้ใกล้เคียง แม้เป็นการเล่นด้วยโหมดพกพาที่ใช้พลังงานน้อยกว่า

ขณะเดียวกันหน่วยความจำได้เพิ่มขนาดขึ้นมาเป็น 256GB และสามารถใช้งานจริงได้ที่ 233GB ซึ่งอาจจะดูน้อยไปกว่าคอนโซลรุ่นอื่นในตลาดที่ระดับ 512GB ขึ้นไป แต่หลายเกมยังคงมีความต้องการอยู่ที่ตั้งแต่ 20GB – 60GB ยังพอลงเกมได้ในระดับที่เหลือใช้ ส่วนเทคโนโลยีนั้นไม่ได้มีการเปิดเผยนอกจากว่าเป็นรูปแบบ Flash Storage เช่นเดิม แต่มีความเร็วในการอ่านที่สูงขึ้นมากๆ แม้กระทั่ง eShop ที่เราเคยหงุดหงิดกับการกระตุก ก็เลื่อนได้สบายๆ ส่วนการรองรับการเชื่อมต่อนั้นเป็น WiFi 6 เรียบร้อยแล้วครับ

เมื่อสเปคมากขึ้น การประมวลผลจึงดีขึ้นไปตามๆ กัน หลายเกมเก่าจากระบบ Backward Compatibility นั้นได้รับอานิสงส์มาตามๆ กัน ทั้ง Smash Bros. Ultimate ที่โหลดหน้าจอเร็วขึ้น หรือในกรณีของเกมที่ไม่ได้ล็อคเฟรมเรต อย่างเช่น Bayonetta 2 – 3 ก็วิ่งที่ 60FPS ได้แล้ว ส่วนเกม Batman Arkham Knight ที่ล็อคเฟรม ก็จะเป็น 30FPS แบบไม่ตกอีกต่อไป นอกจากนี้เกม Borderlands 3 Ultimate Edition อยู่ในรายชื่อไม่รองรับการใช้งาน พบว่าสามารถเล่นได้ด้วย และมันก็ไม่ล็อคเฟรมเหมือนกัน เลยกลายเป็นว่า 60FPS เต็มตัวเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้เรื่องกราฟิกไม่มีการปรับให้ดีขึ้นแต่อย่างใด ยกเว้นในกรณีเกมที่มีแพตช์พิเศษ เช่น New Super Mario Bros. U เป็นต้น ดังนั้นเกม Persona 5 Royal นั้นก็ภาพแตกยับเหมือนเดิม แค่วิ่งที่ 30FPS เป๊ะนิ่งๆ

ขอกลับมาที่เรื่องบริเวณรอบตัวเครื่องอีกครั้ง ลืมบอกไปว่าวัสดุของ Nintendo Switch 2 นั้นเป็นพลาสติกเช่นเดิมแต่ให้ความรู้สึกเหมือนอลูมินัมเพราะเวลาจับก็เย็นๆ พอสมควรเลย และบริเวณหน้าจอได้เคลือบวัสดุกันรอยมาให้ดูเงามีความพรีเมียมมาก ความน่าสนใจคือ เครื่องยังเปลี่ยนขาตั้งใหม่เป็นแบบกว้างคล้าย OLED แต่เป็นก้านที่โปร่งตรงกลางเลยอาจจะดูไม่ค่อยแข็งแรงนัก ทั้งนี้มันยืดหยุ่น วางได้แทบแบนราบ และอีกจุดที่อยากชมก็คือพอร์ต USB-C มีทั้งบนและล่างให้ใช้งาน เสียบชาร์จเล่นจากด้านบนได้ และสามารถใช้เสียบอุปกรณ์อื่นๆ เช่นกล้องเว็บแคมเวลาต่อ Dock ได้ด้วย

Joy-Con 2 ทั้งใหม่ และเล่นใหญ่กว่า

Joy-Con 2 ที่เป็นรุ่นใหม่นั้นมีเพียงสีเดียวในขณะนี้คือสีดำเพราะกับอนาล็อกที่มีลวดลายสีแดง – น้ำเงินด้านใน วัสดุเป็นแบบเดียวกับด้านหลังของเครื่องคือคล้ายพลาสติกผสมอลูมินัมเท่ๆ พื้นผิวเองจะเป็นแบบด้านๆ สไตล์แมตต์ และจุดสำคัญคือรางเสียบเป็นเทคโนโลยีแม่เหล็กแทนแล้ว ความรู้สึกเมื่อเสียบจอยเข้าข้างเครื่องขอบอกว่าแน่นสุดๆ และไม่ต้องกลัวว่าจะร่วงจากมือเนื่องจากว่าเรายังจำเป็นต้องกดปุ่มเพื่อปลดจอยให้แกะออกก่อนได้ครับ และเมื่อจอใหญ่ขึ้น Joy-Con 2 ก็ต้องใหญ่ขึ้นเป็นธรรมดา จับถนัดมือกว่าเดิม

ผังปุ่มนั้นยังคงเป็นแบบเดิมทั้งด้านซ้ายและขวา ไม่ได้มีการใส่ d-pad ทรงบวกแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเพราะว่าคุณสมบัติสำคัญในการแบ่งจอยเล่นยังคงเป็นหัวใจของ Nintendo Switch 2 โดยตัวปุ่มทั้งสองฝั่งใหญ่ขึ้นทั้งหมด แต่ไม่ได้ใหญ่ขนาดสังเกตได้ขนาดนั้นครับ มีตรงอนาล็อกที่จะรู้สึกได้ว่าเข้ามือมากขึ้น และนูนขึ้นมากว่าเดิม ทั้งนี้มันก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่เทียบกับอนาล็อกของจอยเกมใหญ่ๆ อย่าง DualSense ของ PS5 หรือจอยเกม Xbox ได้นะครับ ใครที่อยากเล่นเกมฮาร์ดคอร์ อาจต้องมองป้ายถัดไปเป็น Pro Controller แทนครับ

ปุ่มการแคปเจอร์ภาพ ปุ่มโฮมทุกอย่าง ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมและมีหน้าที่เหมือนเดิม แต่ความแปลกใหม่ก็คือ SL – SR หรือปุ่ม Shoulder Buttons เมื่อใช้โหมด Single Joy-con (แบบแบ่งจอย) จะกดได้ง่ายขึ้นแล้ว ที่สำคัญยังเพิ่มคุณสมบัติแบบเมาส์มาให้ใช้งานได้ด้วย ส่วนนี้เราสามารถลองได้จากหน้าเมนูโฮมเลย เมื่อเราคว่ำจอยโดยนำสันด้านเรียบลงไปบนพื้นใดๆ จะเข้าสู่โหมดเมาส์ทันที มีเคอร์เซอร์ขึ้นมาเลื่อนไปมาได้เหมือนเมาส์คอมพิวเตอร์ และใช้ปุ่ม L/R ในการคลิกครับ

ความพิเศษก็คือ Nintendo Switch 2 ไม่ได้บังคับให้เราใช้อุปกรณ์คอนโทรลเลอร์ของรุ่นใหม่อย่างเดียว ใครเคยมีจอยเกมรุ่นก่อนหน้า จะเป็น Joy-Con ที่ถอยมาพร้อมเครื่องเล่นโมเดลแรกหรือ OLED นำมาใช้ต่อได้เลยรวมไปถึง Pro Controller 1 ด้วย แต่ด้วยเทคโนโลยีรางเสียบที่ต่างกัน การชาร์จ Joy-Con รุ่นแรกจะต้องเสียบกับเครื่องรุ่นแรกนะครับ ทั้งนี้สามารถใช้งานเล่นได้ทั้งเกมเก่าและเกมใหม่เลย อยากปรบมือให้ว่าแม้กระทั่งอุปกรณ์จากเจ็ดแปดปีที่แล้ว ยังนำมาใช้เล่นเกมเน็กซ์เจ็นได้อยู่เลย แต่สิ่งที่พวกเขาจะไม่มีก็คือปุ่ม C… ที่จะพาเราไปสู่เมนู Game Chat!

แบ่งปันประสบการณ์ไปพร้อมกันกับ Game Chat และ GameShare

Game Chat เป็นแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาให้กับ Nintendo Switch 2 เป็นครั้งแรก โดยผู้เล่นจะสามารถใช้งานเพื่อพูดคุยผ่าน Video Call หรือ Voice Call ได้ในตัวเครื่อง และเครื่องยังมีไมโครโฟนสำหรับการ Call ด้วย ตัวไมโครโฟนสามารถตัดเสียงรบกวนได้ดีในระดับเยี่ยม และแม้ว่าจะวางเครื่องใน Dock เพื่อต่อข้อโทรทัศน์ ตัวไมโครโฟนก็เก็บเสียงเราจากระยะ 1 เมตรได้ค่อนข้างโอเคเลยครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นการเข้าใช้งานจำเป็นต้องผูกเบอร์โทรศัพท์เข้ากับบัญชี ซึ่งรองรับการใช้หมายเลขโทรทัศน์เคลื่อนที่ของประเทศไทยรหัส +66 ครับ เมื่อลงทะเบียนจะส่ง OTP มาให้เรา

การใช้ Game Chat มีหลายลักษณะ แต่มันไม่ได้มีแค่เพียงหน้าที่ไว้เป็นช่องทางสื่อสาร ทว่ายังเป็นเหมือนกับการแบ่งปันโมเมนต์ร่วมกัน ผู้เล่นสามารถเปิดกล้องวิดีโอเมื่อเสียบเว็บแคมแล้วคุยกันได้เหมือนกับเป็น Discord เลย และเราสามารถสตรีมภาพให้เพื่อนดูได้ด้วย เช่นเดียวกับการตัด Chroma Key ให้เราอยู่ในจอเกมนั้นแบบตอนไลฟ์สด แต่น่าเสียดายครับที่ไม่มีการไลฟ์สดสู่แพลตฟอร์มอื่นเช่น YouTube, Facebook, Twitch หรือการเชื่อมต่อ Discord จริงๆ แต่อย่างใดครับ

และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ผมชอบมากก็คือ GameShare โดยมีลักษณะคล้ายกับ DS Download Play ที่เราจะส่งเกมให้เพื่อนได้เล่นกันสูงสุดถึง 4 คน แต่สำหรับการทำงานบน Nintendo Switch 2 นั้น จะเป็นการสตรีมภาพให้กับเพื่อนแทน ทว่าขณะเดียวกันเมื่อสตรีมตัวเกมให้แล้ว คนที่รับแชร์จะได้หน้าจอของตัวเองเหมือนเล่นเกมในตลับตัวเองเลยครับ ซึ่งฟีเจอร์นี้มีสองลักษณะคือการแชร์แบบ Local เมื่อเห็นตัวกัน และแบบออนไลน์ที่จะควบกับฟังก์ชัน Game Chat และมีเกมรองรับจำนวนหนึ่ง จากการใช้งาน Super Mario 3D World + Bowser’s Fury ผ่านรูปแบบออนไลน์กับเพื่อนข้ามประเทศ พบว่าแม้ตัวแสดงสัญญาณจะอยู่ในระดับ 1/3 ขีด ก็ยังคงเล่นได้โดยไม่ดีเลย์จนเสียอารมณ์ และผู้รับก็เห็นภาพที่คมชัดดี

หมายเหตุ: Game Chat สามารถใช้งานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจนถึงต้นปี 2026 จากนั้นจำเป็นต้องเป็นสมาชิก Nintendo Switch Online เพื่อเข้าใช้งาน

แบตเตอรี่ของเครื่อง

แบตเตอรี่ของ Nintendo Switch 2 นั้นมาพร้อมกับ 5220mAh ที่สามารถใช้งานได้ที่ 2 – 6.5 ชั่วโมง จากการทดสอบเล่นเกม Fortnite และ Mario Kart World ด้วยความสว่างจอภาพระดับมาตรฐานและเปิดอินเทอร์เน็ต โดยไม่ประหยัดพลังงาน จะอยู่ที่ 2 ชั่วโมง ทั้งนี้แน่นอนว่าสองเกมนี้เป็นเกมที่ใช้ทรัพยากร จึงมีโอกาสทีเดียวครับที่แบตเตอรี่จะถูกกินไปมากกว่า โดย Nintendo ได้เพิ่มตัวเลือกใหม่เข้ามาด้วยนั่นคือระบบการชาร์จที่คล้ายกับเทคโนโลยี Adaptive Charging ที่ปรับการนำไฟเข้าตามความเหมาะสมเพื่อยืดอายุการใช้งาน

ปิดท้ายกับจอยมีการให้ข้อมูลเรียบร้อยว่าอยู่ที่ 500mAh หรือใช้งานได้ประมาณ 20 ชั่วโมง ผมคิดว่าไม่ได้แตกต่างอะไรกันมาก จุดนี้ขอยอมรับว่าส่วนตัวไม่ได้ใช้ Joy-Con 2 ในโหมดการเล่นเกมบนโทรทัศน์มากเท่าไรนักเนื่องจากมี Pro Controller รุ่นแรก แต่ถ้าใครถนัดใส่ Grip ก็อาจจะต้องคำนวณการทำเวลา แต่ในแง่การใช้งานจริง Joy-Con 2 จะได้รับการชาร์จจากการเล่นแบบพกพาอยู่แล้ว

จุดที่รู้สึกผิดหวัง

Nintendo Switch 2 อาจเป็นเครื่องเล่นเกมที่ยกระดับในหลายๆ สิ่ง หรือจะว่าเกือบทุกด้านเลยก็ได้ แต่สี่เท้ายังรู้พลาดนักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ดังนั้นผมก็หาจุดติมาบอกเพื่อนๆ จนได้ครับ ส่วนแรกคือ Dock ของเครื่องที่มีฝาหลังการเปิดแบบเลื่อนเสียบเข้าออกที่คิดว่าเมื่อใช้งานนานๆ ในอนาคตคงเลี่ยงที่จะสึกหรอจากการเสียดสีได้ยาก บางคนอาจจะถอดทิ้งไปเลยให้มันจบเรื่องจบราวไป ฉันใดก็ฉันนั้นความน่าผิดหวังของ Dock ไม่ได้มีแค่นี้เพราะเวลาเราเสียบเครื่องเข้าไปในแท่นวางแล้ว มันไม่แน่นเท่ากับเครื่องรุ่นแรกเลยครับ ครั้นจะกดลงไปแน่นๆ ก็ไม่ถูกเรื่องหรือเปล่านะ

ส่วนต่อมาที่อยากบ่นก็คือเรื่องของแบตเตอรี่ที่พอเข้าใจได้ว่าการประมวลผลมันมากขึ้นเลยกลายเป็นว่าไหลกันระนาวเวลาเล่นเกมใหญ่ๆ เห็นแล้วก็ได้แต่ร้องเฮ้อ ยิ่งไปกว่านั้น ผมว่าแปลกจริงๆ ครับที่ตัวเครื่องในการเล่นโหมดพกพานั้นมีหน้าจอที่รองรับ 120Hz VRR แต่ฟังก์ชันทั้งสองอย่างนี้ไม่สามารถทำได้บนหน้าจอโทรทัศน์ แม้ว่าเทคโนโลยีโทรทัศน์ปัจจุบันมันจะสามารถทำได้ก็ตาม แต่ TV Mode ของ Nintendo Switch 2 ยังคงจำกัดเอาไว้ที่ 4K/60FPS เท่านั้นครับ

ถ้าเรื่องความหลากหลายของไลน์อัปเกมสามารถนำมาเป็นจุดผิดหวังได้ ผมก็คงต้องขอนำมาพูดตรงนี้ด้วยว่านอกจาก Mario Kart World แล้ว หากไม่รวมเกมที่พอร์ตมา คิดว่า Launch Title ที่เป็นเกมเพื่อ Nintendo Switch 2 ดูเงียบเหงาจนน่าใจหาย รุ่นแรกตอนปี 2017 รู้สึกว่าไม่มีเกมเล่นฉันใด รุ่นนี้ก็เป็นเช่นนั้น แต่ใครจะรู้นี่มันเพิ่งจะสองสัปดาห์แรกเองนะ อีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ Nintendo จะป้อนคอนเทนต์มาให้เราอย่างต่อเนื่อง ถึงเวลานั้นเครื่องเล่นนี้อาจเป็นอสูรกายแห่งวงการเกมพกพาก็เป็นได้ (เป็นสิ อย่าให้เสียแรงแม่ยก!)

บทสรุป

Nintendo Switch 2 มาพร้อมกับการอัปเกรดแทบทุกอณูที่เราจะคาดหวังได้ และในฐานะที่ผมเป็นเจ้าเครื่องเล่นเกม Switch 1 ตั้งแต่รุ่นกล่องขาวในปี 2017 การกระโดดมาเครื่องรุ่นใหม่มันให้ความรู้สึก​ Mindblowing มากๆ ผมเจอ eShop ที่เข้าใช้งานได้แบบน่าหงุดหงิดจนอยากปาจอยมาตั้งแต่ปีแรก แต่คราวนี้เมนูทุกอย่างมันลื่นไหลแบบน่าชื่นชม สเปคการเล่นเกมก็ไม่มีปัญหาเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นหากไม่ได้เป็นแฟนเกม Nintendo หรืออยากเล่น Mario Kart (ไปจนถึง GameCube) จริงจัง ผมว่าเราอาจจะต้องยั้งมือสักนิด สงวนทีท่าก่อนที่จะควักตังค์ก็ดีเหมือนกันครับ

อีกด้านหนึ่ง ตัวเครื่องจะวางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป พร้อมให้สั่งจองในวันที่ 21 มิถุนายนนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สำหรับโอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาแบ่งปัน รวมไปถึงมีข่าวสารอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับเครื่องเล่นเกม Nintendo Switch ใหม่ๆ อย่างไร ขอเชิญติดตามที่นี่เพื่อไม่ให้พลาดความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ในแวดวงวิดีโอเกมเช่นเคย

รวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมและอุปกรณ์เสริมที่สามารถใช้งานได้บน Nintendo Switch 2