[รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2
ดราก้อนบอลภาคล่าสุด รวมแฟนเซอร์วิสและแมตช์ในฝัน ฉบับจิ๋วแต่แจ๋ว!
![[รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2 1 [รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2](https://thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2025/11/00-dragon-ball-switch-2-review_m.jpg)
หมายเหตุ: เกมเวอร์ชันที่นำมารีวิวได้รับการเล่นผ่านเครื่อง Nintendo Switch 2 ประสบการณ์ที่ได้รับอาจต่างกันบนแต่ละแพลตฟอร์ม
ชาลา เฮ้ด ชาลา! หรือ ดันดัน โคโคโรฮิคาเรเตกุ เชื่อไหมครับว่าไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้าที่เกม Dragon Ball Sparking! ZERO จะเปิดตัว ผมยังไปร้องเพลงนี้ที่ร้านคาราโอเกะใกล้บ้านอยู่เลย ร้องด้วยคำถามในหัวที่ว่า… เอ ทำไมเกมนี้ไม่ลงให้กับ Nintendo Switch เสียทีนะ จนกระทั่งไม่กี่อึดใจเท่านั้นแหละครับ เราก็ได้ยินข่าวดีกันเลยว่าเกมเปิดตัวให้กับเครื่องเล่นไฮบริดจิ๋วแต่แจ๋วรุ่นนี้ และยังไม่ต้องรอนานเพราะเดือนพฤศจิกายนพวกเราก็จะได้เล่นกัน!
ในปีที่ผ่านมา Dragon Ball Sparking! ZERO ได้สร้างชื่อในฐานะเกมต่อสู้ยอดเยี่ยมที่ได้เสนอเข้าชิงรางวัลบนเวทีใหญ่ และยังเป็นเกมดราก้อนบอลที่ได้รับการสนับสนุนจากแฟนเกมอย่างท่วมท้น ทุกอย่างลงตัวด้วยกลิ่นอายแห่งความหลังที่เนรมิตขึ้นมาเป็นสังเวียนของแฟนการ์ตูนให้ได้เล่นกัน อัดแน่นด้วยคอนเทนต์และเกมเพลย์ ไปจนถึงฟีเจอร์ระดับเน็กซ์เจ็นที่จินตนาการแทบไม่ออกว่าจะลงมาให้เล่นบน Switch กันได้อย่างไร แต่เวอร์ชันใหม่นี้ก็ทำให้เรื่องเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งที่ ‘เป็นไปได้’ และวันนี้พวกเราก็ไม่พลาดจะนำรีวิวมาแบ่งปันให้ทุกคนได้รับความประทับใจกันอีกครั้ง
การนำเสนอ เนื้อเรื่อง และเกมเพลย์
Dragon Ball Sparking! ZERO ในเวอร์ชัน Nintendo Switch 1/2 ไม่ได้เป็นเกมเวอร์ชันใหม่หรือถูกพอร์ตมาแบบลดทอน แต่ทุกอย่างอยู่ในมาตรฐานเดียวกันกับเวอร์ชันก่อนหน้าที่ได้รับการวางจำหน่ายในปี 2024 ที่ผ่านมา ดังนั้นสิ่งที่เราจะได้เห็นกันก็คือเมนูหลักที่เรียบง่ายและโหมดการเล่นต่างๆ ที่พร้อมให้เราได้ท่องไปด้วยกัน ซึ่งสำหรับมือใหม่เองก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะว่าทันทีที่เราเปิดเข้าเกมปุ๊บ จะเริ่มต้น Tutorial ในส่วนของระบบการต่อสู้ให้ทันทีครับ โดยจะครอบคลุมระบบการควบคุมหลักๆ ตั้งแต่การเตะต่อย ใช้ท่าทาง หรือท่าพื้นฐานเช่นการเหินบินไปมา ภายหลังถ้าอยากฝึกก็มีเมนูแยกด้วย
เนื้อเรื่องในเกมภาคนี้ถูกแบ่งออกเป็นแปดตัวละครที่จะโฟกัสไปตามเส้นทางชีวิตของพวกเขา และมีการเลือกทางตัดสินใจประปราย ซึ่งจะทำให้เราได้เห็นความแตกต่างของมุมมองตัวละครที่มีต่อเส้นทางที่เลือกเดิน อย่างไรก็ตามไม่ได้ฉีกแนวไปขนาดนั้น พอให้เล่นกันได้เพลินๆ เห็น What-if มากกว่าเพราะถึงอย่างไรแล้ว เนื้อเรื่องอาจไม่ใช่ส่วนสำคัญนักเมื่อเราต้องการที่จะแลกหมัดและซัดกันตรงๆ ในโหมดแบทเทิล! (เอ้า อยู่ๆ ก็บ้าพลังเฉยเลย) โดยก็จะเป็นการสู้ศัตรูไปเรื่อยๆ จนถึงฉากจบนั่นเอง กระนั้นไม่ขอสปอยล์ว่าการตัดสินใจแต่ละอย่างมันจะส่งผลอย่างไรบ้างนะครับ!
![[รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2 2 [รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2](https://thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2025/11/00-dragon-ball-switch-2-review_3-1024x576.jpg)
![[รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2 3 [รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2](https://thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2025/11/00-dragon-ball-switch-2-review_2-1024x576.jpg)
แม้การควบคุมของตัวละครทั้งหมดจะเหมือนกัน เช่นการบินขึ้นฟ้า การเตะต่อย การหลบ หรือท่ากดที่เอาจริงๆ ก็กดรัวปุ่มได้ แต่ถึงอย่างไรพวกเขามีสไตล์การเล่นเป็นของตัวเอง ซึ่งไม่ได้ถือว่ายากเกินที่จะเรียนรู้นะครับ แม้มีตัวละครเกือบ 200 นักสู้ให้เลือกก็ตาม เพราะถึงอย่างไรเมื่อเราเล่นไปสักพักก็จะเข้ามือและหาตัวที่เป็นแกนหลักไว้สู้ได้เอง ที่เราก็จะเล่นวนๆ กันอยู๋แค่แก๊งนี้ โดยมีคำสั่งให้เลือกทั้งลุยเดี่ยว และระบบทีมห้าคนแท็กไปมาได้ กล่าวคือมันหลากหลายพอที่เราจะเห็นตัวโปรดของเขาจนเลือกดึงเข้ามาอยู่ในทีมได้ อ้อ! และรองรับทั้งออนไลน์กับออฟไลน์เลยครับ การเล่นออนไลน์จะแสดงผล Player Card ที่เป็นเหมือนนามบัตรให้เราเช่นกัน (ตกแต่งได้)
เสน่ห์ของเกมต่อสู้ Dragon Ball Sparking! ในทุกภาคก็คือ สมรภูมิรบ หรือฉากต่อสู้ที่ในภาคนี้เมื่อเป็นการกลับมาในรอบหลายปี ทีมพัฒนาก็ใส่มาให้เลือกหลายฉากเลย โดยมีการดีไซน์ตามเนื้อเรื่องของการ์ตูนที่ดึงมาจาก Arc นี้ที Arc นั้นที และทุกฉากมีดีเทลซุกซ่อนไว้มากมาย ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ได้เป็นเชิงอินเทอแรกทีฟหรือตอบสนองกับเราได้มากนัก แต่จะเน้นเรื่องวัตถุที่แสดงผลภายในฉาก อาคารบ้านช่อง ที่สามารถทำลายได้ เพิ่มความรู้สึกเหมือนการอยู่ในสังเวียนของการ์ตูนจริงๆ และจุดที่อยากชมคือ Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Switch 2 ที่เราเล่นกันนี้ได้รับการอัปเดตใหม่โหมด Local Multiplayer ให้เลือกด่านอื่นนอกจาก Chamber ที่เป็นฉากโล่งๆ ได้แล้วววว~ ฟีลเลยแบบเหมือนเล่นตอน PS2 เลยครับ
![[รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2 4 [รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2](https://thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2025/11/00-dragon-ball-switch-2-review_4-1024x576.jpg)
เอาใจแฟนเกมด้วยคอนเทนต์ตัวละคร และ Custom Battle
อย่างที่บอกว่าตัวละครมีประมาณ 180 ตัวละครให้เลือกกัน ถือว่าเยอะที่สุดเท่าที่เคยมีมาในเกมซีรีส์นี้ และยิ่งถ้าเป็นรูปแบบ Deluxe หรือ Ultimate ก็จะมีตัวละครมากขึ้นไปอีกตามการสนับสนุนคอนเทนต์ในอนาคต พวกเขาเหล่านี้บางตัวละครอาจไม่ได้มีส่วนร่วมในแคมเปญหลักหรือ Episode Battles ทว่าทุกตัวถูกออกแบบมาให้อยู่ในโลกแห่งการต่อสู้นี้ได้แบบไม่เคอะเขิน ราวกับว่าเออมันคือเกมที่สร้างมาเพื่อพวกเขาจริงๆ ครับ! และยังไม่รวมเรื่องของไดอะล็อกคำพูดที่มีมิติมากๆ
ไดอะล็อกของตัวละครแต่ละคนไม่ได้เป็นแค่การพูดก่อนสู้หรือหลังสู้ธรรมดาๆ บางคนถ้ามีความสัมพันธ์ใดๆ จะเป็นมิตรหรือศัตรู ก็อาจจะพูดอะไรที่เป็นข้อความพิเศษออกมาด้วย และอยากชมที่ว่าตัวละครบางส่วนไม่เคยเลยครับที่จะโคจรมาพบกันและกัน แต่พวกเขาก็เล่นมุกหรือสาดอารมณ์ใส่กันได้ อันนี้ก็เป็นความครีเอตของคนเขียนบทที่เปิดโอกาสให้คำว่าดรีมแมตช์มันเกิดขึ้นมาจริงๆ นั่นเอง ใครอยากรู้ว่าตัวไหนจะบอกอะไรกันบ้าง พวกคุณมีเวลาอีกยาวๆ ในการลองผิดลองถูกกับการจับคู่มาปะทะกัน
![[รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2 5 [รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2](https://thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2025/11/00-dragon-ball-switch-2-review_7-1024x576.jpg)
![[รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2 6 [รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2](https://thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2025/11/00-dragon-ball-switch-2-review_54-1024x576.jpg)
จุดที่ได้รับคำชมมากๆ สำหรับเกมภาค Sparking! ZERO เห็นทีต้องเป็น Custom Battle ที่มอบเครื่องมือให้เราในการออกแบบสถานการณ์การต่อสู้ต่างๆ ภายในเกม โดยเลือกได้ทั้งตัวละครที่เล่นในซีนนั้นๆ สมรภูมิฉากหลัง และการทำคัตซีนกับเขียนบท ซึ่งระบบการเลือกในเมนูนั้นอาจจะดูซับซ้อนและมีจุดยุบยิบไปสักนิด แต่ถ้าเกิดว่าชินแล้วจะพบว่ามันมีรายละเอียดมากมายให้เราได้ทำ แม้คำสั่งบางอย่างเช่นคำพูดที่เลือกให้ตัวละครกล่าวจะมีน้อยไปบ้าง ทว่าก็มั่นใจว่าความสร้างสรรค์ของทุกคนจะเปล่งประกายออกมาแน่นอน
Custom Battle เหล่านี้สามารถนำอัปโหลดขึ้นสู่เซิร์ฟเวอร์เพื่อนำไปแบ่งปันให้เพื่อนและผู้เล่นรอบโลกได้เล่นกันอย่างอิสระ ดังนั้นเราจึงมีเนื้อเรื่องใหม่ๆ ให้เล่นตลอด แต่ขอติสักเล็กน้อยว่าฐานข้อมูลของเกมนี้น่าเสียดายตรงที่ไม่ได้แชร์กันระหว่างแพลตฟอร์ม ผู้เล่นเวอร์ชัน Switch เลยไม่สามารถดาวน์โหลดพวกเนื้อเรื่องจากเครื่องเล่นรุ่นอื่นได้ครับ และคงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าจะมีเนื้อหาดัดแปลงที่ถูกใจ เพราะเกมเวอร์ชันนี้ก็เพิ่งเปิดตัวนั่นแหละนะ
![[รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2 7 [รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2](https://thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2025/11/00-dragon-ball-switch-2-review_6-1024x576.jpg)
ที่ขาดไม่ได้คือการให้ความสำคัญกับรายละเอียดเกม เช่นคำสั่งการปลดล็อกสกินที่อิงมาจากการเก็บลูกแก้วมังกรเพื่อซัมมอนมังกรขึ้นมาแล้วเลือกไอเทมที่ต้องการ หรือจะเป็นเมนูประวัติตัวละครที่ไม่ได้ให้เราอ่านข้อความเป็นพรืด ทว่าทุกคนจะมีอีกหนึ่งตัวละครที่จะมาเล่าให้ฟังว่า คนๆ นั้น ในมุมมองของคนใกล้ชิดนั้นเป็นอย่างไรบ้าง สร้างสรรค์ดีใช่เล่นครับ และถ้าสังเกตดีๆ แล้ว ระหว่างต่อสู้เอง ขนาดเป็นเครื่องเล่นรุ่น Switch ก็พบว่ามีระบบแสดงผลพวกบาดแผลตามตัวด้วยนะ
Dragon Ball Sparking! ZERO บน Switch 2 มาพร้อมฟีเจอร์เด็ดที่ให้เราสวมบทบาท
มาในส่วนของไฮไลต์ของเกมเวอร์ชัน Nintendo Switch 1/2 ครับ นั่นคือโมชันคอนโทรลที่จะระเบิดความหลังให้เต็มสตรีมกันเลย (ฮา) ใครเคยฝันเป็นนักรบไซย่าเนี่ย คุณมาถูกที่แล้ว ระบบนี้เป็นฟังก์ชันแบบเอ็กคลูซีฟโดยเฉพาะด้วยการออกแบบ Joy-con ของเครื่องที่ให้เราสามารถแยกมือถือจอย พร้อมจำลองมูฟเซ็ตต่างๆ อย่างการปล่อยคาเมฮาเมฮา ไปจนถึงบอลเกงกิ ซึ่งถามว่ามีประโยชน์หรือเพิ่มความสามารถไหม ตอบได้ว่า ไม่ แต่มันส์ไหม… มันส์พะยะค่ะ!
อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้หาประโยชน์อะไรได้นะครับสำหรับรูปแบบการควบคุมโมชัน แต่การที่ Bandai Namco และ Spike Chunsoft เลือกใส่มันเข้ามา ก็ยิ่งช่วยตอกย้ำความเป็นเกมเวอร์ชัน Nintendo Switch ให้ชัดยิ่งขึ้น เพราะธรรมชาติของเครื่องนี้มันก็มีความปาร์ตี้ ความแบ่งปันอ่ะครับ การที่เราได้มาทำอะไรแบบนี้กับเพื่อนหรือครอบครัวนั้น มันก็เป็นความรู้สึกฮาๆ ที่ได้มีโมเมนต์ร่วมกัน และความเจ๋งคือ หากเราไม่ได้ปรารถนาอยากทำท่าบอลเกงกิกัน อย่างน้อยเราก็แบ่งจอยเล่นได้ เพราะเกมรองรับการควบคุมแบบ Single Joy-con หรือจอยเล็กเดี่ยวๆ ได้ด้วยนะ อย่างจึ้ง!
![[รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2 8 [รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2](https://thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2025/11/00-dragon-ball-switch-2-review_1-1024x576.jpg)
ส่วนใครไม่ได้สันทัดการควบคุมผ่านโมชันก็ไม่เป็นไรนะครับ เกมมีแบบแผนการปรับผังปุ่มให้เลือกอีกสองสไตล์คือ แนวคลาสสิก ที่เป็นการอ้างอิงจากปุ่มของ Budokai Tenkaichi (Sparking!) ภาคก่อนหน้า หรือเป็นแบบโมเดิร์นที่จัดเรียงผังปุ่มใหม่ให้ใช้งานง่ายขึ้นและเป็นมาตรฐานแบบเกมต่อสู้ในยุคปัจจุบันครบครัน
กราฟิกและเพลงประกอบ
เมื่อพูดถึงการนำเกมมาลงให้ Nintendo Switch ทั้งรุ่นแรกและรุ่นสอง หลายคนอาจนึกถึงการคอมโพรไมซ์เพื่อให้เกมได้รับการถ่ายทอดออกมาอย่างราบรื่นที่สุดบนอุปกรณ์ที่ถ้าเทียบด้านสเปคแล้วก็อาจจะไม่ถึงขั้นที่ทัดเทียมกับ PlayStation 5 และ Xbox Series X|S ที่เป็นมาตรฐานเน็กซ์เจ็นในตอนนี้ สำหรับ Switch 2 พบว่ากราฟิกโดยรวมพวกเรื่องเอฟเฟกต์เซลเฉดที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคนี้ มาให้เราแบบครบถ้วนเลยนะครับ ต้นไม้ใบหญ้าตามพื้นก็มีให้เห็น ไม่ได้ถูกตัดออกอย่างที่กังวลไป
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการเล่นแบบ Docked หรือแบบพกพาผ่านหน้าจอ สังเกตว่าการรันภาพความละเอียดจะไม่ได้ไปถึง 1080p อย่างที่คาดหวังกัน ขณะที่เฟรมเรตเองจะล็อกเอาไว้ที่ 30FPS โดยในโมเมนต์ที่มีความตูมตาม ส่วนตัวไม่พบว่ากระตุกแต่อย่างใด จุดนี้รู้สึกเสียดายนิดๆ ครับที่น่าจะปลดให้วิ่งไปถึงสัก 40FPS นวลๆ ตาด้วยธรรมชาติของเกมต่อสู้ที่เน้นความไว ทั้งนี้มองอีกมุมครับ เมื่อเวลาที่เราเล่นเกมผ่านจอพกพาที่มีขนาดเล็กกว่า ระยะการมองกับสรีระที่เราถือจอยเกมที่ประกบเข้าจอ จะพอช่วยให้เรามองเห็นความลื่นไหลได้ดีขึ้นครับ และเมื่อเป็นภาพเซลเฉด การเคลื่อนที่ระดับ 25FPS-30FPS เลย ‘ไม่ได้เป็นปัญหา’ ใหญ่
![[รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2 9 [รีวิว] Dragon Ball Sparking! ZERO เวอร์ชัน Nintendo Switch 2](https://thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2025/11/00-dragon-ball-switch-2-review_9-1024x576.jpg)
เรื่องของดนตรีนั้นถือว่าทำได้ดีเลยครับถือว่าเร้าใจดีมากๆ และความโดดเด่นจริงจะอยู่ที่เสียงเอฟเฟกต์ ความโครมครามมะรุมมะตุ้ม การออกหมัดต่างๆ มีความรู้สึกเฟี้ยวฟ้าวเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาก แต่ที่ทำให้ประสบการณ์ยอดเยี่ยมขึ้นก็คือการจัดใหญ่ด้วยกองทัพนักพากย์ที่ร่วมให้เสียงตัวละครกว่า 180 นักสู้ มันเหมือนดูอนิเมะสมัยก่อนเลย ถ้าเซอร์วิสของเกมคือ Custom Battle สิ่งที่ทำให้สมบูรณ์ก็คือไดนามิก หรืออารมณ์ที่สื่อมาจากตัวละครหนึ่งถึงคู่ต่อสู้เนี่ยแหละ
บทสรุป
หากเราจะบอกว่า Dragon Ball Sparking! ZERO บน Nintendo Switch 2 นั้นจะถือว่าเป็นร่างสุดยอดของเกมนี้ก็อาจจะเวอร์เกินไป แต่ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามา ในขณะที่เกมเองก็ยังคงมีคอนเทนต์จัดเต็มเทียบเท่ากับเครื่องเล่นอื่นที่วางจำหน่ายก่อนหน้า ก็เรียกได้ว่าเป็นเวอร์ชันที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ มีเพียงจุดที่ทำให้รู้สึกว่าอยากให้ทำได้มากกว่านี้คือการรีดการประมวลผลให้ดันบาร์ทะลุ 30FPS ให้ได้ครับ
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจ Dragon Ball Sparking! ZERO สามารถหาซื้อได้แล้วบน Nintendo Switch ทั้งรุ่นแรกและรุ่นสอง ซึ่งรุ่นแรกสามารถอัปเกรดความสามารถให้เทียบเท่ากับรุ่นสองได้ผ่านแพตช์พิเศษฟรี และยังมีเวอร์ชันคอนโซลอื่นทั้งบน PlayStation 5, Xbox Series X|S และ PC รวมไปถึงการรองรับคำบรรยายภาษาไทยครบครัน ท้ายที่สุดก็ขอขอบคุณ Bandai Namco Entertainment Asia อีกครั้งสำหรับตัวเกมที่ได้รับมารีวิววันนี้ ส่วนโอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาแบ่งปันบ้างนั้นอย่าลืมติดตามที่นี่เช่นเคย



![[รีวิว] Monster Hunter Stories 2: Wings of Ruin แหวกแนว เข้าถึงง่ายมาพร้อมระบบหัวใจของซีรีส์ 13 [รีวิว] Monster Hunter Stories 2: Wings of Ruin แหวกแนว เข้าถึงง่ายมาพร้อมระบบหัวใจของซีรีส์](https://thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2021/07/Monster-Hunter-Stories-2-main-390x220.jpeg)


![[รีวิว] Kirby Air Riders ภาคใหม่ของเกมเคอร์บี้ ขี่ดาว ฝ่าสายลม 16 [รีวิว] Kirby Air Riders ภาคใหม่ของเกมเคอร์บี้ ขี่ดาว ฝ่าสายลม](https://thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2025/11/00-kirby-air-riders-review_fb-286x150.jpg)
