5 จุดที่น่าประทับใจของเกม ONE PIECE ODYSSEY เวอร์ชั่น Demo
กราฟิกสวยงาม , เกมเพลย์ที่คลาสสิคแต่แตกต่าง และฉากต่อสู้ที่เซอร์วิสแฟน ๆ
ONE PIECE ODYSSEY เป็นเกม RPG จากเกม ONE PIECE ที่มีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยภายในเกมนี้ผู้เล่นจะได้พาเหล่าโจรสลัดหมวกฟางไปผจญภัยบนเกาะที่ไร้ทางหนี และชิงเอาสิ่งสำคัญที่ถูกแย่งไปกลับคืนมาให้ได้ สิ่งที่รออยู่ ณ ปลายทางของการผจญภัย คือศัตรูตัวใหม่ ธรรมชาติอันน่าตื่นตา และการจำลองโลก ONE PIECE ด้วยกราฟิกสุดอลังการ!
ล่าสุดผู้เขียนได้มีโอกาสทดลองเล่นเกม ONE PIECE ODYSSEY เวอร์ชั่น Demo และก็ไม่พลาดที่จะมานำเสนอให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ
อนึ่ง… บทความนี้เป็นการเขียนโดยอ้างอิงข้อมูลจากเกม ONE PIECE ODYSSEY เวอร์ชั่น Demo ระหว่างวันที่ 23-24 ธันวาคม 2565 หากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้
กราฟิกการ์ตูนเซลเฉด สวยงามตามมาตรฐานยุคใหม่
เป็นปกติไปแล้วกับการที่เกมจากการ์ตูนส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นมาใช้กราฟิกสไตล์การ์ตูนเซลเฉด ซึ่งแน่นอนว่า ONE PIECE ODYSSEY ก็ยังคงใช้กราฟิกสไตล์นี้ด้วยเช่นกัน ทำให้เกมนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่เราจะได้ออกผจญภัยไปกับเหล่า Luffy และกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางได้อย่างสวยงามบาดตา ด้วยภาพที่คมชัด มีลายเส้นขอบดำของตัวละครและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ทำให้ภาพดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
แต่เดี๋ยวก่อน หากใครคิดว่ากราฟิกสไตล์นี้อาจจะดูราบเรียบเกินไป ผู้เขียนก็อยากจะชวนมาให้ทุกคนได้เพ่งกันดี ๆ ครับ เพราะพื้นผิวของสิ่งต่าง ๆ ภายในเกมนี้ถูกทำออกมาได้มีรายละเอียดน่าสนใจเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่นแผลเป็นของ Luffy ก็ไม่ได้เป็นแค่ภาพกากบาทสีเนื้อมาไว้ที่อก แต่เราจะได้เห็นรายละเอียดของแผลที่ละเอียดขึ้น รวมไปถึงเสื้อผ้า หรืออุปกรณ์แต่งตัวอื่น ๆ ที่เราจะได้เห็นลายของเนื้อผ้าอีกด้วย รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมอย่างแสงแดด , พื้นผิวของคลื่นน้ำ , พื้นผิวของหินผาต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้ดีในฐานะกราฟิกการ์ตูน ซึ่งหากผู้เล่นเล่นในโหมดกราฟิก ก็จะทำให้เห็นลายของพื้นผิวคมชัดขึ้น แต่ถ้าหากผู้เล่นเล่นในโหมดประสิทธิภาพก็จะต้องแลกความคมชัดนี้ลงไปเล็กน้อย กับ 60 FPS ซึ่งผลที่ออกมาก็ไม่ได้แตกต่างกันมากจนเกินไปครับ
นอกจากนี้อนิเมชั่นของสิ่งต่าง ๆ ภายในเกมนี้ก็ทำออกมาได้ดูดี ไม่ขัดตา มีความลื่นไหลเป็นธรรมชาติอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นฉากสำรวจ รวมไปถึงฉากต่อสู้ที่มันส์สะใจแน่นอน เพราะอนิเมชั่นที่ลื่นไหลทำให้เราได้เห็นการโจมตีของตัวละครต่าง ๆ ได้แบบมันส์สะใจ และทวีคูณความสาแก่ใจให้มากยิ่งขึ้นด้วยเอฟเฟกต์ที่มาแบบจัดเต็ม ซึ่งผู้เขียนมองว่าเกมนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่ทำคุณภาพด้านกราฟิกออกมาได้ดีสวยงามตามมาตรฐานเกมยุคใหม่เลยครับ
การสำรวจฉากแบบเกม JRPG ที่คุ้นเคย ผสมผสานกับการมีปฏิสัมพันธ์กับฉาก
อย่างที่ทุกคนทราบดีกว่าเกมนี้จะใช้รูปแบบเกม JRPG ที่เราจะได้ออกเดินทางสำรวจฉาก และจะเข้าต่อสู้กับมอนสเตอร์ตามทาง ซึ่งเกมเพลย์หลัก ๆ ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งตามแผนที่เพื่อค้นหาเส้นทางในการดำเนินเนื้อเรื่องต่อ , การเก็บไอเทมตามทางต่าง ๆ ซึ่งเราจะได้เห็นฉากทุบไห ทุบหม้อสุดคลาสสิคเพื่อเก็บไอเทมที่ซ่อนอยู่ด้วย และเมื่อเจอกับศัตรู ผู้เล่นก็จะถูกนำเข้าสู่ฉากต่อสู้ โดยระบบนี้ถือได้ว่าเป็นความคลาสสิคที่มีจุดเด่นอยู่ที่ทำให้ผู้เล่นทุกคนเข้าถึงได้ง่ายมาก ๆ
อย่างไรก็ตาม เกมนี้ได้เพิ่มความหลากหลายของการสำรวจฉากเข้ามาด้วยการทำให้เรามีปฏิสัมพันธ์กับฉาก ไม่ว่าจะเป็นการปีนเถาวัลย์ แต่ที่น่าสนใจที่สุดก็คือเกมนี้เปิดให้เราเปลี่ยนมุมมองเป็นมุมมองแบบบุคคลที่ 1 จากนั้นเราก็จะเล็งไปยังจุดที่กำหนดไว้เพื่อให้ Luffy ใช้หมัดยางยืดโหนตัวข้ามไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ที่กำหนดได้ , ทำลายสิ่งกีดขวางตามทาง หรือแม้กระทั่งผู้เล่นสามารถเก็บของจากระยะไกลด้วยหมัดยางยืดของ Luffy ก็ได้ นอกจากนี้ ผู้เล่นยังสามารถสลับตัวละครออกมาเป็นตัวละครสำรวจฉากได้ด้วย ซึ่งถือว่าดีมาก ๆ โดยตัวละครแต่ละตัวก็จะมีตความสามารถที่ใช้ในการผ่านทางต่างกันไป ทำให้ตัวละครทุกตัวมีความสำคัญไม่แพ้กันเลย และจุดนี้เองที่ทำให้เห็นกว่า “กลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ต้องรวมกันเป็นทีมเท่านั้น!”
พื้นฐานระบบการต่อสู้แบบ Turn-Based ที่นำมาใช้ครบถ้วน แต่มีความแตกต่าง
ในส่วนของระบบการต่อสู้แบบ Turn-Based ของเกมนี้ก็เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งเกมเพลย์พื้นฐานของเกมประเภทดังกล่าวก็ถูกนำมาใช้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบแพ้-ชนะทางของประเภทตัวละคร , การโจมตี การใช้สกิล ไปจนถึงการใช้ไอเทม รวมไปถึงผู้เล่นสามารถสลับตัวละครในทีมหลัก และทีมสำรองได้ตลอดเวลาทำให้การเล่นเกมนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ ภายในเกมนี้ผู้เล่นจะเข้าต่อสู้กับศัตรู (ซึ่งผู้เขียนขออนุญาตเรียกว่า “รอบ”) ซึ่งในแต่ละรอบนั้นผู้เล่นจะสามารถเลือกลำดับตัวละครใดในการต่อสู้ก่อนก็ได้โดยตัวเกมไม่ได้กำหนดตายตัวว่า “ตัวละครใดจะต้องโจมตีก่อน” โดยตัวละครใดที่ออกแอ็กชั่นไปแล้วก็จะไม่สามารถทำอะไรได้อีกในรอบนั้น ๆ และเมื่อตัวละครโจมตีครบทุกตัวแล้วจึงจะจบรอบนั้น ๆ เมื่อขึ้นรอบใหม่ ตัวละครทุกตัวถึงจะกลับมาโจมตีได้อีก
อีกทั้งภายในเกมนี้ยังมีระบบ Dramatic Scene ซึ่งเปรียบเสมือนสถาณการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง ซึ่งสถาณการณ์พิเศษนี้จะเปรียบเสมือนภารกิจพิเศษที่ผู้เล่นควรจะทำให้สำเร็จ เพราะถ้าผู้เล่นทำสำเร็จก็จะได้รับบัฟพิเศษที่จะช่วยให้ตัวละครของเราแข็งแกร่งขึ้นด้วย
และเพื่อตอบรับความรวดเร็ว และความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันที่อาจจะไม่ชอบใช้เวลาในการต่อสู้นาน ๆ เกม ONE PIECE ODYSSEY ก็มาพร้อมระบบเร่งความเร็วในการต่อสู้ ทำให้ผู้เล่นประหยัดเวลาในการต่อสู้ไปพอสมควรเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีระบบออโต้ที่จะทำให้ตัวละครเหล่านั้นต่อสู้อัตโนมัติอีกด้วยโดยจุดนี้ผู้เขียนก็แอบประทับใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเวลาที่เผชิญหน้ากับมอนสเตอร์กีกี้รายทางก็จะช่วยประหยัดเวลาไปได้มากเลยล่ะครับ
ระบบแบ่งโซนในการต่อสู้ที่ทำให้เกมนี้มีความล้ำลึกมากยิ่งขึ้น
การแบ่งโซนต่อสู้เป็นอีกหนึ่งระบบที่ค่อนข้างน่าสนใจภายในเกมนี้ เพราะโดยปกติแล้ว การต่อสู้ของผู้เล่นจะถูกแบ่งออกเป็นเพียง 2 ฝั่งคือฝั่งผู้เล่น และฝั่งศัตรู แต่ภายใน ONE PIECE ODYSSEY นี้จะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป โดยเราจะได้เห็นกลุ่มตัวละครของเราถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยต่าง ๆ ในการเผชิญหน้ากับศัตรู นั่นแปลว่าในสนามรบหนึ่ง อาจจะถูกแบ่งออกเป็นอีก 4 สนามรบย่อยก็ได้ ซึ่งจุดนี้เองจะส่งผลต่อการต่อสู้อย่างชัดเจน
ตัวอย่างที่เราจะได้พบเจอภายในเกมเวอร์ชั่น Demo นี้ก็คือ การที่ผู้เล่นจะต้องเผชิญหน้ากับคิงคองยักษ์ และเหล่าสมุนวานรน้อย ซึ่งสนามรบในฉากนี้จะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ โดยมี Luffy ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรสลัดหมวกฟางกำลังยืนเผชิญหน้ากับบอสคิงคอง ในขณะที่สมาชิกกลุ่มจะเข้าต่อสู้กับลิงน้อย ซึ่งจุดนี้เองทำให้ผู้เล่นสามารถวางแผนในการต่อสู้ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยผู้เล่นอาจจะเลือกใช้สกิลที่โยนมอนสเตอร์ไปหาพื้นที่อื่น ๆ ของ Robin แล้วค่อยใช้หมัดปืนกลยางยืดของ Luffy กำจัดลิงที่ถูกโยนมาแบบทั้งหมดทีเดียวก็ได้ หรือแม้กระทั่งผู้เล่นอาจจะใช้ Usopp โจมตีบอสคิงคองโดยที่ไม่สนใจมอนสเตอร์ตัวน้อย ๆ ที่อยู่ตรงหน้าก็ทำได้เช่นกัน ทั้งหมดนี้อยู่ที่การตัดสินใจของผู้เล่น
ท่าโจมตีที่คุ้นตาที่เหล่าแฟน ๆ ONE PIECE จะต้องกรี๊ด
แน่นอนว่าเมื่อเป็นเกม ONE PIECE ที่ได้ อ.Oda มาช่วยกำกับดูแล มีหรือที่จะไม่นำเอกลักษณ์ของตัวละครแต่ละตัวออกมาให้เราได้ยลโฉม และใช้งานกันด้วย โดยภายในเกมนี้ผู้เล่นจะได้มีโอกาสเลือกใช้สกิลของตัวละครต่าง ๆ ที่มีอยู่จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ท่าดาบราโชมอน ของ Zoro , เดียโบล จัมป์ ของ Sanji , ธันเดอร์เทมโป ของ Nami , หมัดปืนกลยางยืดของ Luffy เป็นต้น
โดยแต่ละสกิลนั้นก็จะมาพร้อมฉากคัทซีนสุดอลังการที่เหล่าแฟน ๆ ที่ชื่นชอบความสะใจอย่างที่สุด เรียกได้ว่าจัดเต็มทั้งกราฟิกที่คมชัด การเคลื่อนไหวแบบอนิเมะที่คุ้นตา ไปจนถึงเอฟเฟกต์อลังการงานสร้างที่ผู้เขียนเองประทับใจแบบสุด ๆ
ONE PIECE ODYSSEY เป็นโปรเจกต์เกม RPG ที่เต็มไปด้วยองค์ประกอบการออกผจญภัยที่โดดเด่น ซึ่งเกมนี้ใช้เวลาพัฒนามานานหลายปี โดยผู้พัฒนายืนยันว่าแฟน ๆ จะได้สัมผัสโลกของ ONE PIECE อย่างแท้จริง โดยภายในเกมนี้ผู้เล่นจะได้พบกับตัวละครต่าง ๆ รวมไปถึงมอนสเตอร์ใหม่ ๆ ที่ออกแบบโดย Eiichiro Oda ผู้เขียน ONE PIECE อีกทั้งเกมดังกล่าวยังได้ Motoi Sakuraba นักประพันธ์เพลงชื่อดังที่เคยฝากผลงานไว้ในเกมมากมาย เช่น Dark Souls และเกมซีรีส์ Tales of มาสร้างสรรค์เพลงประกอบให้ด้วย
โดยเกมนี้มีกำหนดวางจำหน่ายสำหรับ PlayStation 5 , Xbox Series , PlayStation 4 ในวันที่ 12 มกราคม 2023 และ PC ผ่าน Steam ในวันที่ 13 มกราคม 2023
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://opflag.bn-ent.net/th/