5 ประเด็นที่ทำให้ My Hotpot Story ถูกใจผู้เล่นชาวไทย

ต้องยอมรับว่าในตอนนี้หน้าจอโซเชียลมีเดียในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เขียนได้พบกับการแชร์ภาพหน้าจอจากเกม My Hotpot Story อยู่บ่อยครั้ง และแน่นอนว่าผู้เขียนก็ได้ลองดาวน์โหลดเกมนี้มาเล่นและพบว่าเกมนี้เป็นเกมที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย และในวันนี้ผู้เขียนได้รวบรวมเอา 5 ประเด็นที่ทำให้ My Hotpot Story ถูกใจผู้เล่นชาวไทยมาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ

อนึ่งข้อมูลนี้ผู้เขียนได้มาจากการพูดคุยกับผู้เล่นในกลุ่มชุมชนในโลกออนไลน์ , พูดคุยกับเพื่อนที่เล่นเกมนี้ รวมไปถึงความประทับใจส่วนตัวที่ได้เล่นเกมนี้ครับ

ภาษาไทยสุดฮา

ประเด็นแรกที่ผู้เขียนเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเห็นพ้องต้องกันอย่างแน่นอน เพราะว่าเราจะได้เห็นการแชร์การแปลภาษาไทยสุดฮาบนโลกโซเชียลจำนวนมาก ตัวอย่างเช่นการที่ NPC มานั่งกินหม้อไฟกับเพื่อนทั้งแก๊ง แต่บทพูดกลับปรากฏขึ้นมาว่า “เหงาจังเลยมากินคนเดียว” หรือตัวละคร NPC ตัวเดิม ๆ ที่มานั่งกินหม้อไฟในร้านเรา แต่ปรากฏข้อความว่า “มันแพงเหลือเกิน” เป็นต้น ซึ่งความขัดแย้งของการแสดงออก และประโยคสนทนาที่เกิดขึ้นก็สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้เล่นได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ระหว่างการเล่นเกมเราจะมีโอกาสได้เจอกับบทสนทนาที่เรียกว่าเป็นการเล่นมุกโบ๊ะบ๊ะกันแบบสุดฮา โดยมุกที่ผู้เขียนชอบมากก็คือ คุณปู่ที่แอบคุณย่ามากินหม้อไฟกับหลาน ระหว่างที่กินอยู่คุณปู่ก็แอบเม้าคุณย่าว่าจู้จี้จุกจิก ซึ่งระหว่างที่กำลังเม้า หลานก็ชะงักไปเสียดื้อ ๆ จนคุณย่าพูดแทรกขึ้นมาก็เรียกว่าสร้างอารมณ์ขันได้เป็นอย่างมาก

เกมเพลย์ที่เล่นง่าย

ระบบภายในเกมนี้เรียกว่าเล่นได้ง่ายมาก ๆ เพราะองค์ประกอบหลัก ๆ ที่ผู้เล่นจะต้องทำก็คือ การพัฒนาร้านหม้อไฟให้โด่งดัง ซึ่งเราสามารถอัปเกรดร้านได้ทั้งหมด 3 องค์ประกอบ ได้แก่ สิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งสามารถเพิ่มแต้มได้ผ่านการอัปเกรดเฟอร์นิเจอร์หรือเปิดห้องใหม่ , บริการ ที่เพิ่มแต้มได้ผ่านการจ้าง และอัปเกรดพนักงาน และแต้มสุดท้ายคืออาหารที่ทำได้ผ่านการคิดค้นอาหารใหม่ และอัปเกรดเมนูที่มี และด้วยองค์ประกอบของเกมที่เข้าใจง่ายนี้ทำให้ผู้เล่นทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงเกมได้ไม่ยากเย็นนัก ทำให้เกมนี้เจาะตลาดผู้เล่นได้เป็นวงกว้างนั่นเอง

ระบบ Idle ที่ปิดจอก็ยังหาเงินได้

องค์ประกอบต่อมาเป็นองค์ประกอบที่ถูกใจผู้เล่นที่ต้องทำงานเป็นอย่างมาก (แน่นอนว่าผู้เขียนเองก็ชอบเช่นกัน) เพราะการเล่นเกมนี้ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าหน้าจอตลอดทั้งวัน ผู้เล่นสามารถปิดหน้าจอไปทำงาน หรือไปนอนได้สบาย ๆ จากนั้นเมื่อเข้าเกมมา เงินที่ได้จากการขายหม้อไฟก็จะกองอยู่ที่แคชเชียร์ให้เราไปเก็บมาใช้งานได้ แถมผู้เล่นยังสามารถใช้เพชร (ที่หาได้ฟรี) เพื่อเพิ่มเงินที่ได้รับเป็น 2 เท่า!

ไม่เติมก็เล่นได้สบาย ๆ

ผู้เขียนยอมรับเลยว่านาน ๆ ทีผู้เล่นจะได้เห็นเกมที่ “ไม่ต้องเติมก็เล่นได้” จริง ๆ ครับ เพราะการเติมเงินภายในเกมนี้จะเป็นการทำให้เราหาเงินมาใช้งานได้เร็วขึ้น หรือเล่นกิจกรรมพิเศษได้ ซึ่งสกุลเงินพิเศษที่เราจะได้เห็นภายในเกมก็คือ เพชรเหลือง… แต่ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือเพชรเหลืองนี้ผู้เล่นสามารถหามาใช้งานได้ฟรี ๆ ผ่านการดูโฆษณาภายในเกม ซึ่งผู้เล่นจะได้รับเพชรจำนวน 10 เม็ดทุกครั้งที่ดูโฆษณาจบ โดยในตอนนี้ผู้เขียนขออนุญาตเขียนว่า “สามารถดูโฆษณาเพื่อรับเพชรได้ไม่จำกัดครั้ง” เพราะตลอดเวลาที่ผู้เขียนเล่นเกมนี้ยังกดดูโฆษณาได้เรื่อย ๆ ซึ่งจุดนี้คือจุดที่ผู้เขียนประทับใจมากที่สุดเลยครับ

เกมที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริงของผู้เล่น

องค์ประกอบสุดท้ายที่ผู้เขียนค่อนข้างสนใจอยู่ไม่น้อยก็คือ เกมนี้คือเราจะได้เปิดร้านหม้อไฟ หรือพวกเราหลายคนจะเรียกว่าร้านชาบู ซึ่งร้านนี้ก็เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวผู้เล่นทุกคนอยู่พอสมควร ทำให้การแชร์ข้อความหรือแชร์โมเมนต์สุดฮาที่เกี่ยวกับเกมนี้สามารถเข้าถึงผู้เล่นคนอื่น ๆ ได้ง่ายมาก ตัวอย่างโพสต์ที่ผู้เขียนได้พบเห็นบนโลกออนไลน์เช่น อายุน้อยร้อยล้าน ในที่สุดก็เป็นเจ้าของร้านชาบูจนได้ (ซึ่งก็เป็นการแชร์ภาพจากเกมนี้ไป) หรือประโยคสุดฮาอย่างพนักงานที่กำลังพูดว่า “เมื่อไหร่จะเลิกงานสักที” ซึ่งทำเอาผู้เล่นวัยทำงานหลายคนแชร์ภาพนี้และบอกว่า “นี่คือความรู้สึกของฉันวันนี้จริง ๆ”

ทั้งหมดนี้ก็คือ 5 ประเด็นที่ทำให้ My Hotpot Story ถูกใจผู้เล่นชาวไทย และถ้าหากผู้อ่านคนใดยังไม่ได้ลองเล่นเกมนี้ก็ยังไม่สายครับ มาดาวน์โหลดไปเล่นได้ที่ด้านล่างนี้เลยครับ