
วงการเกมมือถือญี่ปุ่นอาจไม่ได้สดใสเหมือนเมื่อหลายปีก่อนอีกต่อไป เมื่อข้อมูลล่าสุดจากนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านเกมกาชาเผยว่า “กว่า 70% ของเกม Live-Service ในญี่ปุ่นปิดให้บริการก่อนจะอยู่ครบ 3 ปี” ตัวเลขนี้สะท้อนสถานการณ์ที่หลายคนสงสัยมานานว่าตลาดเกมแนวนี้กำลังอิ่มตัว เติบโตยากขึ้น และแข่งขันสูงเกินกว่าที่ผู้พัฒนาจะยืนระยะได้ โดยเฉพาะในช่วงปี 2020 เป็นต้นมา
ตลาดเกม Live-Service ญี่ปุ่นทรุดหนัก
Ayashii Rinjin นักเขียนและนักวิเคราะห์เกมสาย Live-Service ได้เปิดเผยผลวิจัยจากฐานข้อมูลส่วนตัวซึ่งรวบรวมเกมแนวนี้เกือบ 2,200 เกม พบว่า
- กว่า 70% ของเกมปิดบริการก่อนอายุ 3 ปี
- ส่วนใหญ่ “ปิดตัวในปีที่ 2” มากกว่าช่วงเวลาอื่น
- จำนวนเกมที่อยู่ได้เกิน 6–7 ปี “มีน้อยกว่า” จำนวนเกมที่ปิดบริการภายใน 6 เดือนแรกอีกด้วย
ข้อมูลดังกล่าวช่วยยืนยันสิ่งที่วงการเกมกำลังพูดถึงมาตลอดหลายปี นั่นคือ ตลาดเกมกาชาในญี่ปุ่นกำลังเผชิญภาวะอิ่มตัว ผู้เล่นกระจายออกไปหลายเกม ขณะที่ต้นทุนพัฒนาสูงขึ้น แถมยังขาดแคลนบุคลากร ทำให้การพัฒนาและดูแลเกมระยะยาวเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเดิม จนวงในหลายคนถึงกับเรียกสถานการณ์นี้ว่า “ระยะไททานิกล่ม” ของตลาดเกม Live-Service ญี่ปุ่น
ตัวอย่างเกมจริงที่สะท้อนวิกฤตให้เราได้เห็นก็มีมากมายทั้ง Tribe Nine จากทีมผู้สร้าง Danganronpa เตรียมปิดตัวในเวลาไม่ถึง 1 ปีหลังเปิดให้เล่น หรือแม้กระทั่ง TOKYO BEAST เกม NFT ที่ล้มเหลวเพราะโมเดลหารายได้แบบ Predatory อยู่ได้เพียง 2 เดือนก่อนประกาศ EOS โดยหลายเกมเจอปัญหาเรื่องงบประมาณไม่พอ ไปจนถึงการบริหารที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งสถานการณ์นี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า การเปิดเกม Live-Service คือการเดิมพันแบบ “ได้คือได้เยอะ แต่อาจเจ๊งเร็วมาก”
แม้จะมีเกมดังจำนวนหนึ่งอยู่มาได้นาน เช่น Fate/Grand Order ที่ยังคงแข็งแรงเกือบครบ 10 ปี แต่เกมส่วนใหญ่กลับไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะการดูแลเกม Live-Service ต้องอัปเดตเนื้อหาใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาผู้เล่น ซึ่งทำให้ภาระงานของทีมพัฒนาเพิ่มขึ้นทุกปี, ซอร์สโค้ดสะสมความซับซ้อนจนยากจะแก้ไข รวมไปถึงค่าพัฒนาและค่าดูแลระบบสูงขึ้นต่อเนื่อง
ตัวอย่างเช่น Dragon Quest of the Stars ของ Square Enix ซึ่งอยู่มา 10 ปีแต่ต้องประกาศปิดเพราะ “ปัญหาทางเทคนิคสะสมจนแก้ไม่ไหว” นักพัฒนาญี่ปุ่นอย่าง Eihigh ยังระบุว่า “หลัง 10 ปี โค้ดเกมมีหนี้เทคนิคมากเกินกว่าจะแก้ไขได้แล้ว”
ข้อมูลจากงานวิจัยครั้งนี้เป็นสัญญาณชัดเจนว่าตลาดเกม Live-Service ในญี่ปุ่นกำลังถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เกมส่วนใหญ่ไม่สามารถยืนระยะได้เกิน 3 ปี ขณะที่การแข่งขันจากจีนทำให้ผู้พัฒนาญี่ปุ่นต้องเผชิญความกดดันหนักกว่าเดิม และถึงแม้จะมีความพยายามเปลี่ยนโมเดลและลดการพึ่งพาระบบกาชา แต่ก็ต้องรอเวลาเพื่อพิสูจน์ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยให้ตลาดกลับมามีเสถียรภาพได้จริงหรือไม่ นี่จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ผู้เล่นและผู้พัฒนาทั่วโลกกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด ผู้อ่านล่ะครับคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับประเด็นนี้? อย่าลืมมาพูดคุยกันในเว็บไซต์ This is Game Thailand กันนะครับ







