PS5SwitchTokyo Game Showข่าวคอนโซล / พีซีงานเกมบทสัมภาษณ์พีซีสกู๊ปพิเศษเกม

[สัมภาษณ์พิเศษ] โปรดิวเซอร์เกม Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven

ความเปลี่ยนแปลงจากยุค 16-bit สู่สามมิติเต็มตัวมีเบื้องหลังอย่างไรติดตามกันเลย

ปีนี้นับเป็นปีทองของสาย RPG เลยเพราะค่าย Square Enix ก็ได้ส่งผลงานเด็ดๆ ออกมาเสิร์ฟความสนุกต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือ Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven ที่ได้รับการรีเมคใหม่แบบสามมิติเต็มตัว พลิกโฉมเดิมๆ ให้มีความอลังการยิ่งขึ้น โดยล่าสุด ThisIsGame Thailand ก็ได้รับโอกาสจาก Square Enix และ Bandai Namco Entertainment Asia ในการเข้าสัมภาษณ์ คุณ Shinichi Tatsuke โปรดิวเซอร์ของเกมเพื่อนำเรื่องราวน่าสนใจมาแบ่งปันกันด้วย ว่าแล้วขอเชิญติดตามกันเลย

  • ว่าด้วยเกม Romancing SaGa 2 ก็ต้องพูดถึงความยากของเกมที่ท้าทายมากเลย จุดนี้อยากทราบว่าทีมงานทำการปรับสมดุลระหว่างเสน่ห์ต้นฉบับให้เหมาะสมกับผู้เล่นปัจจุบันอย่างไรบ้าง?

A: ใช่แล้วครับ ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีนะเพราะมันทำให้ผู้เล่นรู้สึกอยากเอาชนะ แต่ก็มีการให้ความสำคัญกับผู้เล่นใหม่ๆ เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นด้วยครับ ดังนั้นก็เลยมีการเพิ่ม QoL ขึ้นมาเช่นการแสดงผลจุดอ่อนของศัตรูที่ปกติมักจะไม่สามารถตรวจดูได้ง่ายๆ นอกจากนี้ท่า Glimmer ก็โชว์ให้เห็นได้ง่ายขึ้นแล้วด้วยจากเดิมที่ตอนเด็กๆ อาจจะต้องหยิบโน้ตมาจดหรือถามไถ่เพื่อนกัน ก็สามารถเข้าใจสะดวกกว่าเดิม เป็นมิตรกับผู้เล่น

ถัดมาในเรื่องของระบบการต่อสู้ พวกเราอยากให้มันมีความยากนะครับ แต่ก็มีผู้เล่นที่เป็นมือใหม่และไม่ถนัดอยู่บ้างก็จะต้องมีการปรับลดความยากในระดับเริ่มต้น อย่างไรเสียทีมงานก็เตรียมโหมดยากสำหรับใครที่ชอบสายโหดอยู่แล้วเหมือนกันครับ จุดนี้สังเกตได้จากโหมดยาก – ง่ายที่มีให้เลือกนั่นเองครับ

  • Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven นั้นสามารถนำเสนอการรักษาความเป็นต้นฉบับไว้ แต่เพิ่มความสดใหม่ได้อย่างไรครับ?

A: โดยเริ่มต้นเกมนี้ก็มีความเป็นเอกลักษณ์ในระบบ Inheritence ครับ เพราะปกติแล้วเกม RPG มักจะมีตัวละครหลักเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่สำหรับเกมนี้ผู้เล่นจะได้เจอกับตัวละครในหลากหลายยุคสมัยเพราะการที่อาณาจักรต้องต่อสู้กับวีรบุรุษทั้ง 7 นั้นไม่สามารถจบลงได้เพียงแค่ชั่วอายุคนคนเดียวเท่านั้นเนื่องจากพวกเหล่าร้ายนั้นมีความแข็งแกร่งมาก ตัวเอกของเราจึงจำเป็นต้องส่งไม้ต่อไปเรื่อยๆ จาก Leon สู่ Gerald สู่อีกหลายต่อหลายคนกระทั่งถึงจักรวรรดิคนสุดท้ายที่สามารถโค่นล้มวีรบุรุษอสูรเหล่านี้สำเร็จ หัวใจหลักเหล่านี้คือความดั้งเดิมที่รักษาไว้ได้

ด้วยองค์ประกอบที่เรานำเสนอข้างต้นก็มั่นใจได้ว่าแฟนเกมรุ่นเก๋าจะได้เห็นสิ่งที่อยากเห็นในรีเมคชุดนี้ และขณะเดียวกันเราก็ทำให้เกมมีความสดใหม่สำหรับผู้เล่นยุคปัจจุบันด้วยเนื่องจากเราก็ไม่ได้ต้องการให้มันเหมือนกับของเก่าเป๊ะๆ แต่เป็นการถ่ายทอดเกมสู่แพลตฟอร์มและผู้เล่นในแบบที่ทันสมัย ดังนั้นจึงจะมีการปรับมาตรฐานระบบการอัปเกรดตัวละคร การต่อสู้เป็นต้น ส่วนนี้ก็อยากให้ผู้เล่นเดิมได้ลองสัมผัสดูเพราะบางทีอาจได้รสชาติที่แตกต่างไปมากขึ้นครับ

Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven สัมภาษณ์
  • แต่ระบบ Inheritance นั้นก็ต้องยอมรับว่าหลายคนอาจรู้สึกว่ามันทะเยอทะยานมากจนถึงขั้นที่ว่ายากต่อการเข้าใจ อยากทราบว่าทีมงานทำอย่างไรบ้างที่จะให้ผู้เล่นรุ่นใหม่สามารถคอนเนกต์กับระบบนี้?

A: ตั้งแต่ภาคต้นฉบับนั้นเกมนี้มีการนำเสนอหลายองค์ประกอบมากครับ แต่พวกเราปิ๊งไอเดียว่าผู้เล่นไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องราวหรือระบบต่างๆ พร้อมกันทุกอย่างแบบภาคต้นฉบับ ดังนั้นทุกอย่างก็จะถูกสอนหรือโชว์ในเกมทีละน้อยให้ทุกคนเกิดความคุ้นชินอย่างช้าๆ เช่นสมาชิกปาร์ตี้ที่จะมีการเริ่มจาก 2 ไปจนถึง 5 ที่สามารถสับเปลี่ยนตัวละครต่างๆ ได้ตลอด และพวกเขาก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นในที่สุด

  • จากภาคต่างๆ ของ​ Romancing SaGa ทำไมทีมงานถึงเลือกนำเกมนี้มารีเมคครับ?

A: อย่างที่ผมมองว่า Inheritance เป็นระบบที่มีเอกลักษณ์มาก ซึ่งมันล้ำและผมก็รู้สึกว่าระบบดังกล่าวไม่ได้เป็นมาตรฐานของยุคเก่าเท่าไร และในตอนนี้มันก็เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะนำมันกลับมาปัดฝุ่นให้มีความสดใหม่มากยิ่งขึ้น แถมยังช่วยลดกำแพงสำหรับผู้เล่นด้วย ควบคู่ไปกับการปรับ QoL ให้เข้าถึงง่ายขึ้น และในแง่เนื้อเรื่องเองการที่เกมมีช่วงเวลายาวกินเวลาเป็นพันปีจนถึงฉากจบนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้ง่ายๆ ในเกมอื่นครับ

  • จากที่ได้ลองเล่นเดโมดูก็จะเห็นว่าเกมมีการนำจุดเติม BP หรือแต้มใช้ท่าพิเศษไว้หน้าห้องบอสด้วย ตรงนี้อยากทราบว่าเป็นเพราะอะไรครับ?

A: อ๊ะ! อย่างที่ว่ากันว่าเกมนี้มีความยาก หลายคนอาจสงสัยว่าพอใส่จุดเติม BP มันจะง่ายเกินไปหรือเปล่า ตรงนี้ผมคิดว่าโดยปกติแล้วในภาคต้นฉบับผู้เล่นอาจเลือกที่จะเก็บแต้ม BP เอาไว้โดยไม่กล้าใช้ระหว่างการเดินทางเพื่อที่จะได้ฟาดกับบอสแบบเต็มๆ ซึ่งในคราวนี้ผมคิดว่าคงจะสนุกกว่าถ้าหากทุกคนมีโอกาสได้ใช้ท่าไม้ตาย Unite Attack ระหว่างทางแบบไม่ต้องกังวลโดยที่สามารถมาหาบอสได้ในสถานะที่เตรียมพร้อม เพื่อความสนุกล้วนๆ ครับ

Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven สัมภาษณ์
  • อยากทราบว่าการเลือกตอบคำถามหรือทางเลือกการกระทำต่างๆ จะมีผลอย่างไรบ้าง และเกมจะมีระบบโรแมนซ์หรือไม่?

A: ไม่มีระบบจีบสาว / จีบหนุ่มครับ ส่วนเรื่อง Free-form Scenarios นั้นก็จะทำให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์ในการติดตามเรื่องราวที่แตกต่างกัน และยังครอบคลุมไปถึงลำดับการต่อสู้กับบอสที่เรียกได้ว่าเลือกได้อิสระมากๆ ว่าจะสู้กับใครก่อน ทั้งนี้ถึงอย่างไรฉากจบก็จะเหมือนกันนั่นคือเราสามารถโค่นล้มกลุ่มวีรบุรุษอสูรได้ทั้งหมดครับ

  • แน่นอนว่าการกระโดดมาจากกราฟิก 16-bit พิกเซลมาสู่งานภาพสามมิตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จุดนี้อยากทราบว่าทีมงานพบความยากลำบากอย่างไรบ้างในการถ่ายทอดเกมในรูปแบบที่ทันสมัยแบบหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้

A: อืม… ถ้าเกิดว่าเราใช้การเล่าเรื่องแบบเดียวกันกับเวอร์ชันต้นฉบับผมว่าก็น่าจะดูแปลกมากๆ เพราะในสมัยนั้นก็จะเป็นรูปแบบการคุยโดยตัวอักษรบนหน้าต่างแสดงผล ดังนั้นจึงต้องทำการกำกับและสร้างสรรค์ทุกอย่างให้ออกมาเป็น ‘รูปธรรม’ และมีความลื่นไหล เกิดเป็นบทสนทนา มีการแสดงของตัวละครต่างๆ มากขึ้น นอกจากนี้เรื่องของระบบแบทเทิลเองก็ต้องทำการปรับปรุงด้วยจากเดิมที่เกมภาคเก่าเป็นการป้อนคำสั่งแบบรอบๆ ทีละคน โดยที่สมาชิกในปาร์ตี้คนอื่นยืนนิ่งเฉยๆ คราวนี้เราก็เปลี่ยนใหม่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมกันมากขึ้น เห็นท่าแอ็กชันกันมากกว่าเดิม

Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven สัมภาษณ์
  • แล้วในส่วนระบบเกมเพลย์มีความแปลกใหม่อย่างไรบ้างครับ?

A: การต่อสู้จะเปลี่ยนแปลงไปแน่ๆ ครับ รวมไปถึงระบบอัปเกรดความสามารถด้วย เราพยายามทำให้ทุกคนได้ลองใช้ตัวละครที่หลากหลาย และมีการตอบแทนจากการเล่นที่สมเหตุสมผล อ้อ! และในฉากการต่อสู้กับบอสพวกเราได้เพิ่มการโจมตี ‘ตามร่างกาย’ หรือส่วนต่างๆ ซึ่งจะเพิ่มมิติและการวางกลยุทธ์มากขึ้นครับ

  • ทีมงานคิดว่าส่วนไหนที่ทำให้ Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven มีเสน่ห์กับผู้เล่นใหม่มากที่สุดครับ?

A: ระบบ Inheritance ครับ (ยิ้ม) และระบบ Glimmer ที่ทำให้ทุกคนสามารถสนุกและเข้าใจง่ายมากขึ้น ผู้เล่นสามารถใช้ท่าโจมตีใหม่ๆ ได้ระหว่างต่อสู้เลยโดยไม่ต้องใช้เวลาในการอัปเกรดมากมาย มีหลายอย่างเลยครับที่เป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ของเกม Romancing SaGa 2 นี้เท่านั้นครับ

  • ก่อนจากกันขอให้ฝากข้อความกับแฟนเกมฝั่งเอเชียสักเล็กน้อยครับ

A: สำหรับใครที่เคยเล่นเกม SaGa มาก่อนผมมั่นใจว่าทุกคนจะต้องรู้สึก Nostalgia ขึ้นมากับเกมรีเมคนี้เพราะมีอะไรที่เพิ่มเข้ามา ส่วนผู้เล่นใหม่ที่ไม่เคยเล่นหรืออาจไม่รู้จักมาก่อน ผมคิดว่านี่จะเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างคาดไม่ถึงเลยครับ และแม้จะเป็นภาคที่มีตัวเลขกำกับ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะติดตามเนื้อเรื่องไม่ทันเพราะจะเป็นเนื้อหาที่แยกออกมาให้เข้าใจได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีเดโมให้ดาวน์โหลดกันแล้วด้วย ดังนั้นขอให้สนุกกันด้วยนะครับ

Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven สัมภาษณ์

เกี่ยวกับ Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven

เกมภาครีเมคของผลงาน SaGa 2 ที่เคยวางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อปี 1993 โดยมาพร้อมกราฟิกแบบสามมิติและเสียงพากย์ทั้งภาษาอังกฤษ – ญี่ปุ่น รวมไปถึงเพลงประกอบที่เรียบเรียงใหม่โดยเฉพาะ เรื่องราวเกี่ยวข้องกับเหล่า 7 นักรบในตำนานที่ได้ชื่อเป็นผู้ไถ่แห่งอาณาจักร แต่กลับถูกส่งตัวไปยังโลกต่างมิติโดยกลุ่มบุคคลลึกลับที่ชักใยเบื้องหลังโลกยุคปัจจุบัน กระทั่งหลายพันปีต่อมา พวกเขากลับกลายเป็นผู้นำกองทัพปีศาจในที่สุด และในฐานะผู้ครองเมืองทำให้เราต้องต่อกรกับอดีตวีรบุรุษลงให้ได้

เกมมาพร้อมกับเรื่องราวที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการเลือกตอบคำถามหรือการกระทำของผู้เล่น ทำให้ประสบการณ์การเล่นนั้นมีความแตกต่างกันในทุกรอบ อีกทั้งการเลือกต่อสู้กับกลุ่ม 7 นักรบในลำดับต่างๆ ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉากจบด้วย โดยผู้เล่นจะมีพรรคพวกที่สามารถเลือกเป็นองครักษ์หรือคู่หูได้มากมาย พร้อมคลาสกว่า 30 คลาส ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสั่งจองล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้ พร้อมจำหน่ายในวันที่ 24 ตุลาคม บน PlayStation 5, Nintendo Switch และ PC

GantaroZX

นักเขียนข่าววิดีโอเกม ผนวกสังคม วัฒนธรรม ศิลปะ เพศ แบบคนไทยคนแรกของแทร่ ผู้ใหญ่บ้านแห่ง Animal Crossing | กินเก่ง | ปากร้ายแต่ใจดี น่ารักอ่อนหวานคิขุ
Back to top button