10 ฟังก์ชันใหม่และความพิเศษของ Nintendo Switch 2 ที่ไม่ควรพลาด
แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างไรบ้างมาดูกันดีกว่า

อีกแค่เพียงประมาณสองเดือนเท่านั้นเราก็จะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของ Nintendo Switch 2 กันแล้ว และต้องบอกเลยว่าด้วยสเปคที่ดีขึ้นและการทิ้งช่วงที่ห่างกันมานานเกือบสิบปีก็คงทำให้เกมเมอร์ที่ติดตามมาเป็นเวลานานต้องตื่นเต้น อย่างไรก็ตามหลายคนอาจจะยังตัดสินใจไม่ได้ว่ามีความแตกต่างมากน้อยเพียงใดกับเครื่องเล่นรุ่นหลักที่จำหน่ายในปัจจุบัน วันนี้พวกเราก็จะมานำเสนอให้ติดตามกันครับ ว่าแล้วอย่ารอช้าเชิญพบกับคุณสมบัติใหม่ๆ ได้เลย
- เครื่องใหม่ย่อมมากับสเปคใหม่ที่แรงขึ้นกว่าเดิม

แน่นอนว่าถึง Nintendo จะไม่ระบุเรื่องของชิปเซ็ต แต่จากเบาะแสต่างๆ รวมไปถึงคำให้การของ NVIDIA เองที่ระบุว่าการประมวลผลของ Nintendo Switch 2 นั้นจะมีพลังมากกว่ารุ่นที่แล้วถึง 10 เท่า ช่วยให้ทุกเกมที่สเปคห่างไกลเกิน มีความเป็นไปได้มากขึ้น ทั้ง Final Fantasy VII: Remake และ Cyberpunk 2077 ที่อ้างอิงจากประสบการณ์ระดับ PS5 ยัดลงสู่เครื่องเล่นไฮบริดจิ๋วให้เราพกพาความสนุกบิ๊กสเกลไปไหนก็ได้แบบสบายๆ เลยครับ และที่ขาดไม่ได้ก็คือเกมเอ็กคลูซีฟของปู่นินนั่นเอง
- หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น

ใครรู้สึกว่าจอของ Nintendo Switch รุ่นเดิมนั้นตัวเล็กเกินไป หรือว่ามีขอบหนาๆ ให้รำคาญใจแล้วล่ะก็เตรียมเฮเลยเพราะ Nintendo Switch 2 ได้ปรับขนาดหน้าจอใหม่สูงถึง 7.9 นิ้ว เห็นชัดจุใจด้วยความละเอียด 1080p และการรองรับ HDR10 กับเฟรมเรตสูงสุด 120FPS ขนาดที่ว่า OLED ที่ว่าแจ๋ว เจอรุ่นนี้ไปก็ต้องร้อง! ไม่ว่าจะเป็นเกมไหนก็บอกลาปัญหาเรื่องตัวหนังสือเล็กเกินไปได้แบบไม่ต้องนึกถึง
- Game Chat วิดีโอคอล – วอยซ์แชท ทำได้แล้วนะ

ด้วยสเปคที่แรงมากขึ้นกว่าเดิมทำให้เครื่องสามารถแบ่งงานมาทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมกลางระหว่างเพื่อนและผู้เล่นด้วยระบบ Game Chat ที่ใช้งานง่ายๆ เพียงกดปุ่ม C ที่เพิ่มเข้ามาใน Joy-Con 2 ทำให้เราสามารถพูดคุยผ่านระบบวอยซ์แชท หรือจะวิดีโอคอลเมื่อเสียบกล้องเว็บแคมก็ได้ และเท่านั้นไม่พอก็ยังมีการไลฟ์สตรีมให้คนในปาร์ตี้ได้ดูไปพร้อมกันอีก! หากสามารถทำการไลฟ์สตรีมบนแพลตฟอร์มอื่นเพิ่มเติมในอนาคตได้น่าจะยิ่งปังนะเนี่ย
- Dock แท่นวางแบบใหม่ รองรับ HDMI คุณภาพสูงสำหรับประสบการณ์เน็กซ์เจ็น
Dock หรือแท่นวางของเครื่องเล่นรุ่นใหม่นั้นแม้ผิวเผินจะดูคล้ายกันกับของเดิม แต่ก็มาพร้อมกับความสามารถใหม่ๆ ด้วยครับ เช่นการรองรับการแสดงผลบนหน้าจอโทรทัศน์ระดับ 4K แล้วผ่านสาย HDMI ที่รองรับ (หรือ 2K/120FPS) และยังเพิ่มสาย LAN เข้ามาอยู่ในแท่นวางเพื่อให้ประสบการณ์การเล่นเกมออนไลน์ของเราราบรื่นมากกว่าที่เคย พร้อมลุยกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเกมแนวชูตติ้งหรือเกมแคชวลสนุกๆ ที่จะเล่นง่ายไม่มีสะดุด
- ขาตั้งและพอร์ตที่ใช้งานอย่างสะดวก

ขาตั้งของเครื่องเล่นได้ถูกออกแบบใหม่เพื่อให้การใช้งาน Tabletop Mode หรือในแบบตั้งโต๊ะนั้นใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น เราสามารถวางให้อยู่ในระนาบใกล้เคียงกับพื้น หรือจะตั้งให้เหมาะกับสายตาก็ทำได้ นอกจากนี้ตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนติดมาให้เลยเพื่อใช้กับ Game Chat และยังมีพอร์ต USB-C เพิ่มด้านบนสำหรับการใช้งานชาร์จไปเล่นไป ไปจนถึงการต่อพ่วงอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ อาทิกล้องเป็นต้นครับ
- Joy-Con ระบบแม่เหล็ก และยังใช้โหมดเมาส์ได้

Joy-Con หรือคอนโทรลเลอร์สำหรับเครื่องเล่น Nintendo Switch 2 ได้ทำการเปลี่ยนรูปทรงใหม่ให้กระชับมือยิ่งขึ้นและมีการเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยีแม่เหล็กที่แน่นหนา รวมไปถึงการเพิ่มปุ่ม C เพื่อเข้าใช้ระบบแชทที่เราได้เห็นกันไป แต่นอกจากนั้นแล้วเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่มมาก็คือการทำหน้าที่โหมดเมาส์ที่เราสามารถคว่ำคอนโทรลเลอร์แนวขวางแล้วเล่นกับเกมที่รองรับอย่าง Civilization VII และ Metroid Prime 4: Beyond ได้นั่นเองครับ เห็นแบบนี้คงจะมีเกมที่ใช้ฟังก์ชันได้อย่างเต็มที่มากขึ้นแน่ๆ และความพิเศษยิ่งกว่านั้นคือใครไม่สะดวกใช้จอยใหม่ อยากเล่นจอยเดิมก็ยังใช้ได้ เพียงแค่ต้องเล่นผ่านรูปแบบไร้สายแค่นั้นเอง~
- ขนาดเนื้อที่เริ่มต้นที่ 256GB มากที่สุดที่เคยมีมาในค่าย และเร็วเฟี้ยวฟ้าว
นอกจากสเปคที่สูงขึ้นแล้ว สิ่งที่อัปเกรดขึ้นมาก็คือเรื่องของหน่วยความจำจากระดับ 32GB กระโดดดึ๋งมาเป็น 256GB หรือประมาณ 8 เท่าจากเดิม แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือหน่วยความจำ Flash Memory รุ่นใหม่มีพลังในการอ่านสูงมากทีเดียว นั่นหมายความว่าในกรณีที่ต้องการเปลี่ยน MicroSD Card ก็จะต้องใช้รุ่นใหม่ที่เรียกว่า EXpress ที่มีสัญลักษณ์ EX บนตัวการ์ด ว่ากันว่าความเร็วการเขียนและอ่านนั้นสูงกว่าเดิม 4 – 5 เท่า เทียบได้กับ SSD เลยครับ
- GameShare รีโมตเพลย์ง่ายๆ เล่นได้ทุกเครื่อง

Nintendo Switch 2 ยังมีความสามารถเด็ดๆ อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ GameShare ที่ผู้เล่นจะสามารถให้เครื่องเล่นเกมเครื่องหลัก ทำการยิงสัญญาณรีโมตเพลย์ให้กับเครื่องใกล้เคียง รวมไปถึงเครื่องรุ่นแรก สามารถเล่นเกมหลายๆ เกมแบบเหมือนกับ Local Multiplayer ได้เต็มตัวเลย ไม่ว่าจะเป็น Super Mario 3D World และ 51 Clubhouse Games โดยเกมเหล่านี้จะโชว์ภาพขึ้นแบบเหมือนว่าเล่นจากเครื่องตัวเองด้วย ไม่ได้เป็นการสตรีมภาพธรรมดา และแม้บางเกมจะเป็นแบบเอ็กคลูซีฟเน็กซ์เจ็น ทว่าหากมีการรองรับก็ยิงภาพเข้าเครื่องเก่ากับเพื่อนใกล้เคียงได้ ส่วนใครที่ไม่สะดวกพบกัน ก็เล่นผ่านออนไลน์ด้วย GameChat ได้ด้วย
- คลังแสง GameCube เอาใจคอเรโทร

เมื่อพูดถึงสเปคที่เพิ่มขึ้นแล้วนั้น จะไม่พูดถึงเกมที่รองรับได้มากขึ้นได้อย่างไร เพราะผู้เล่นที่ทำการสมัครสิทธิ์สมาชิก Nintendo Switch Online + Expansion Pack จะมีสิทธิ์ในการเข้าถึงแอปพลิเคชันเกมเรโทรในสเกลที่ยิ่งใหญ่ขึ้นนั่นคือเกมจาก GameCube จากยุค 2000 ที่มีไลน์อัปทรงพลังรอให้เล่นมากมายทั้งเกม RPG เล่นคนเดียว หรือจะเล่นเกมแบบมัลติเพลเยอร์ก็มีครบ อาทิ Soul Calibur II ที่มี Link เป็นแขกรับเชิญ, F-Zero GX เกมรถแข่งความเร็วสูง และ The Legend of Zelda: Wind Waker อีกหนึ่งภาคที่ดีที่สุด
- เกมเก่าเล่นได้ลื่นๆ ด้วยอัปเกรด Nintendo Switch 2 Edition
ท้ายที่สุดสเปคของเครื่องได้ทำให้เกมหลายเกมสามารถปลดล็อกความสามารถในการแสดงผลที่ยอดเยี่ยมขึ้น โดยแบ่งออกเป็นสามแบบดังนี้คือ NSW2 Edition เป็นเกมรูปแบบเน็กซ์เจ็นที่รีมาสเตอร์ให้ดีขึ้น พร้อมเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ หรืออาจจะมีคอนเทนต์เพิ่ม, การอัปเกรดฟรีที่ทำให้เกมลื่นภาพสวยคม หรือจะเป็นการเล่นเกมย้อนหลังผ่านระบบ Backward Compatibility ที่จะใช้สเปคได้อย่างเต็มที่นั่นเองครับ
เกี่ยวกับ Nintendo Switch 2
เครื่องเล่นเกมคอนโซลรูปแบบไฮบริดที่จะสานต่อความสนุกจากเครื่องเล่นรุ่นแรกในรูปแบบเน็กซ์เจ็น พร้อมกับหน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว และการรองรับ HDR เช่นเดียวกับความละเอียด 1080P (หรือ 4K สำหรับการใช้งานบนโทรทัศน์) และเฟรมเรตระดับ 120FPS อีกทั้งยังมีความสามารถในการใช้ระบบ Voice Chat – Video Call ครบครัน รองรับความจุระดับ 256GB โดยมีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 5 มิถุนายน 2025 นี้ในต่างประเทศ และภายในเดือนกรกฎาคม – กันยายน สำหรับประเทศไทย ใครสนใจติดตามข่าวข้างล่างจาก ThisIsGame Thailand ได้เลยนะ