ผู้พัฒนา Smite 2 อธิบายถึงสาเหตุที่ไม่นำเกมลง Switch
แม้ว่าภาคแรกจะมีให้เล่นบนแพลตฟอร์มดังกล่าวก็ตาม

สำหรับเหล่าแฟน ๆ เกม MOBA สุดมันส์อย่าง Smite คงพบกับข่าวที่อาจจะชวนสะเทือนใจเล็กน้อยไปแล้ว เพราะว่า Smite 2 เกมภาคต่อที่เพิ่งเปิดตัวอย่างอลังการนั้น จะไม่มีการลงให้แพลตฟอร์ม Nintendo Switch
Smite 2 เผยโฉมครั้งแรกพร้อมกับกราฟิกอลังการที่พัฒนาขึ้น โดยใช้ Unreal Engine 5 พร้อมยืนยันแพลตฟอร์มที่จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ได้แก่ PC, PS5, Xbox Series X/S รวมไปถึง Steam Deck อีกด้วย แต่ที่น่าแปลกใจคือ ไม่มีชื่อของ Nintendo Switch ซึ่งเคยมีภาคแรกออกวางจำหน่ายในคอนโซลนี้อยู่

Alex Cantatore ผู้ควบคุมดูแลการผลิตเกม Smite ให้สัมภาษณ์กับ TechRadar เผยสาเหตุของการตัดสินใจไม่นำเกมลงแพลตฟอร์ม Nintendo Switch ว่า “เพราะความกังวลเรื่องประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์” โดยเขาได้อธิบายเพิ่มเติมว่าทีมพัฒนาเกมรู้สึกกังวลถึงประสิทธิภาพของ Switch ในปัจจุบัน ทำให้ทีมพัฒนารู้สึกไม่แน่ใจว่าจะสามารถพัฒนาและมอบประสบการณ์การเล่นที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้เล่นบน Switch ได้
แม้จะอดเล่นภาคต่อบน Switch แต่ Cantatore ก็ทิ้งท้ายว่า ทีมพัฒนาก็ไม่ได้ปิดโอกาสทั้งหมด โดยทีมพัฒนาเปิดใจที่จะพิจารณานำ Smite 2 ไปลงยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ หากมี Nintendo Switch รุ่นใหม่ที่มีพลังแรงมากขึ้นออกมา พวกเขาจะกลับมาประเมินโอกาสอีกครั้ง แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าจะมีการพัฒนา Nintendo Switch รุ่นใหม่แต่อย่างใด
“เป้าหมายของ Smite คือการนำเกมไปลงทุกแพลตฟอร์มที่สามารถรันเกมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเราก็คาดหวังว่าจะทำแบบเดียวกันกับ Smite 2 ด้วย” Cantatore กล่าว “เพียงแต่ในตอนนี้ เราไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำให้เกมทำงานได้ดีบน Switch รุ่นนี้ได้”
สำหรับข่าวลือเรื่อง Nintendo Switch 2 นั้น มีออกมาอย่างหนาหู พร้อมรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งเกม ฟีเจอร์ และแม้กระทั่งราคา ข่าวลือเหล่านี้ว่อนอยู่ในเน็ตช่วงหนึ่ง บ้างก็ว่านักพัฒนาและสตูดิโอเกมบางแห่งได้รับชุดพัฒนาของระบบใหม่นี้ไปแล้วด้วย แต่ถึงอย่างนั้นทั้งหมดนี้ก็ยังคงเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้นเอง
SMITE 2 เป็นเกม 5v5 MOBA ขุมพลัง Unreal Engine 5 งานภาพสวยสมจริงพร้อมรูปแบบการเล่นคลาสสิค มุมกล้องบุคคลที่สามที่ทุกคนคุ้นเคย ผู้เล่นจะได้เลือกเป็นเทพเจ้าตามความเชื่อต่าง ๆ ทั้ง ซุส อนูบิส หรือโลกิ ที่มีสกิลไม่เหมือนกัน ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการต่อสู้เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม นอกจากนี้ยังรองรับการเล่นเกมในรูปแบบ Cross-platform ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นบนเครื่องเล่นหรืออุปกรณ์ไหนก็สามารถสนุกด้วยกันได้
ตัวเกมมีระบบช่วยเหลือในการเล่นเพื่อให้เกมเมอร์เข้าถึงเกมเพลย์ได้แบบง่าย ๆ ไม่ต้องลำบากในการจัดหาสกิลด้วย Auto-build และ Auto-level ทั้งนี้แม้จะเป็นเกมที่สามารถเล่นได้ง่าย แต่การฝึกฝนให้เชี่ยวชาญย่อมต้องใช้เวลา โดยผู้เล่นที่ชำนาญสามารถเลือกติดตั้งสกิลและไอเทมเฉพาะตัว ให้การวางแผนของเรามีมิติและเซอร์ไพรส์คู่แข่งได้ตลอดเวลา เพื่อน ๆ คนไหนที่ชื่นชอบเกมภาคต้นฉบับขอบอกเลยว่าไม่ควรพลาดเด็ดขาดครับ