
Sword of Justice ก็กลายเป็นอีกหนึ่งเกมแนว MMORPG ที่ในตอนนี้ได้รับความสนใจจากผู้เล่นทั่วโลก ด้วยระบบการต่อสู้ที่อิสระและการออกแบบคลาสตัวละครที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ล่าสุดมีการเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกของทั้ง 6 คลาสหลักภายในเกม ซึ่งแต่ละคลาสต่างมีบทบาทเฉพาะตัว จุดเด่น จุดอ่อน และสไตล์การเล่นที่ตอบโจทย์ผู้เล่นหลากหลายแนวทาง ตั้งแต่สายแทงก์แนวรับยันมือสังหารผู้เชี่ยวชาญการลอบโจมตี
บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับทั้ง 6 คลาสหลักของ Sword of Justice แบบละเอียด ไม่ว่าจะเป็น Ironclad, Sylph, Bloodstrom, Celestune, Nightwaker และ Numina พร้อมเจาะลึกจุดแข็ง จุดอ่อน รวมถึงคำแนะนำสำหรับผู้เล่นที่กำลังตัดสินใจเลือกคลาสที่ใช่สำหรับตัวเอง
รายละเอียดเชิงลึกของทั้ง 6 คลาสใน Sword of Justice
Ironclad – แทงก์เหล็กผู้ปกป้องแนวหน้า

บทบาท
Ironclad คือหัวใจหลักของทีมในฐานะ “แทงก์หลัก” ที่ออกแบบมาเพื่อรับความเสียหายจำนวนมหาศาลและคอยปกป้องเพื่อนร่วมทีม ถือเป็นแกนป้องกันที่ขาดไม่ได้ในทุกปาร์ตี้
จุดเด่น
คลาสนี้มีสองท่าทางหลัก ได้แก่ Break Stance ที่เน้นสร้างความเสียหาย และ Guard Stance ที่เพิ่มความทนทาน ผู้เล่นสามารถสลับท่าทางได้อย่างอิสระตามสถานการณ์ว่าจะบุกหรือรับ
ความยากในการเล่น
แม้กลไกการเล่นจะไม่ซับซ้อน แต่ต้องอาศัยความเข้าใจในกลไกของดันเจี้ยนเป็นอย่างดีเพื่อรับมือกับกลยุทธ์ต่าง ๆ
ประสิทธิภาพในดันเจี้ยน
Ironclad ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่งดันเจี้ยน” เพราะหลายกลไกระดับสูงสามารถรับมือได้เฉพาะเขาเท่านั้น ทำให้เป็นคลาสที่ผู้เล่นต้องการตัวมากที่สุดในแต่ละสัปดาห์
ประสิทธิภาพใน PvP
โดดเด่นในการป่วนแนวหลังของศัตรูด้วยสกิลควบคุม (CC) สามารถผลักดันแนวหน้าและเปิดทางให้เพื่อนทำคิล เหมาะทั้งในโหมด 3v3 และ 6v6
จุดอ่อน
มีความคล่องตัวต่ำ ทำให้ตามศัตรูได้ยาก อีกทั้งยังต้องเข้าใจระบบดันเจี้ยนเชิงลึกเพื่อเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบการยืนแนวหน้าและปกป้องเพื่อนร่วมทีม แม้จะมีจำนวนผู้เล่นไม่มาก แต่ถือเป็นคลาสที่ “หายากและเป็นที่ต้องการสูง” ในทุกปาร์ตี้
Sylph – ฮีลเลอร์ผู้ประคองชีวิตเพื่อนร่วมทีม

บทบาท
Sylph คือคลาส “ฮีลเลอร์เพียงหนึ่งเดียว” ในเกม ทำหน้าที่ฟื้นฟูพลังชีวิตและเสริมบัฟให้เพื่อนร่วมทีม ถือเป็นกำลังสำคัญทั้งใน PvE และ PvP
จุดเด่น
มีสองท่าทางหลักคือ Tianwen Stance (เน้นสร้างความเสียหายและควบคุมศัตรู) และ Suxin Stance (เพิ่มพลังการฮีลอย่างมาก)
ความยากในการเล่น
ไม่ซับซ้อน เหมาะกับผู้เล่นใหม่ โดยเฉพาะในช่วงต้นเกม แต่ในระดับสูงจะต้องใช้จังหวะฮีลและลดดาเมจให้แม่นยำ
ประสิทธิภาพในดันเจี้ยน
จำเป็นอย่างยิ่งในทุกดันเจี้ยนระดับสูง เนื่องจากเป็นคลาสเดียวที่สามารถรักษาได้ หากพลาดการฮีลเพียงครั้งเดียวอาจส่งผลต่อทั้งทีม
ประสิทธิภาพใน PvP
เป็นคลาสที่ขาดไม่ได้ใน 3v3 เพราะถ้าทีมเสีย Sylph ก่อนจะถือว่าแพ้เกือบแน่นอน อย่างไรก็ตาม ในการต่อสู้แบบทีมใหญ่ Sylph ต้องเลือกจังหวะฮีลและยืนตำแหน่งให้ดี
จุดอ่อน
แม้จะสลับไป Tianwen Stance เพื่อโจมตีได้ แต่ไม่เหมาะกับ PvP มากนัก หากชอบการโจมตี Sylph อาจไม่ตอบโจทย์
สรุป
คลาสเริ่มต้นที่เล่นง่ายแต่ยากจะชำนาญ หากต้องการดันดาเมจพร้อมฮีล ต้องยอมลดพลังการรักษาลง เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ใจเย็นและชอบคอยประคองทีมให้รอดจนจบการต่อสู้
Bloodstrom – นักรบม้าศึกสายออฟแทงก์

บทบาท
Bloodstrom เป็นนักรบระยะประชิดที่ผสมผสานระหว่างแทงก์และดาเมจ มีความทนทานสูงและสามารถรับบทแท็งก์สำรองได้เมื่อจำเป็น
จุดเด่น
มีระบบ “ต่อสู้บนหลังม้า” ที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมท่าไม้ตายสุดเท่ที่สร้างความประทับใจในการต่อสู้
ความยากในการเล่น
เล่นไม่ยากใน PvE แต่ใน PvP ต้องใช้จังหวะและการตัดสินใจที่เฉียบคม
ประสิทธิภาพในดันเจี้ยน
โดดเด่นในช่วงต้นเกม โดยเฉพาะดันเจี้ยน Sundance City ที่บอสแพ้ไฟ ทำให้ Bloodstrom ทำดาเมจได้ดีมาก
ประสิทธิภาพใน PvP
ในเวอร์ชั่นล่าสุดของเซิร์ฟเวอร์จีน Bloodstrom ถือว่าแข็งแกร่งมาก สามารถทั้งรับดาเมจและสังหารศัตรูได้ในเวลาเดียวกัน
จุดอ่อน
ต้องการทักษะเชิงกลสูงและการตอบสนองรวดเร็ว เหมาะกับผู้เล่นที่ชอบการเล่นหลากหลายและพร้อมปรับตัวตามสถานการณ์
สรุป
เป็นคลาสที่ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง หากคุณชอบแนว “นักรบสารพัดประโยชน์” ที่ยืนระยะได้นาน Bloodstrom คือคำตอบ
Celestune – จอมเวทย์ผู้ควบคุมธาตุแห่งธรรมชาติ

บทบาท
Celestune คือจอมเวทย์สายโจมตีระยะไกล ที่ใช้พลังแห่งไฟ น้ำแข็ง และลมในการสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างและควบคุมศัตรู
จุดเด่น
สกิลไฟเน้นดาเมจ, สกิลน้ำแข็งเน้นควบคุม และสกิลลมช่วยเพิ่มความคล่องตัว
ความยากในการเล่น
ระดับปานกลาง ต้องเลือกใช้สกิลให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละการต่อสู้
ประสิทธิภาพในดันเจี้ยน
ทำดาเมจได้ดี แต่ต้องพึ่งพาท่าไม้ตายเนื่องจากคูลดาวน์ของสกิลค่อนข้างยาว
ประสิทธิภาพใน PvP
มีพลังโจมตีสูงแต่เปราะบาง มักถูกลอบโจมตีก่อนในสนามรบ
จุดอ่อน
ความอยู่รอดต่ำ ถูกสังหารง่ายโดยคลาสระยะประชิดอย่าง Nightwaker
สรุป
เหมาะกับผู้เล่นที่ชอบการร่ายเวทย์จากระยะไกล สร้างความเสียหายสูงแต่ต้องเล่นด้วยความระมัดระวัง
Nightwaker – มือสังหารเงาแห่งรัตติกาล

บทบาท
Nightwaker คือมือสังหารสายลอบโจมตี ที่สามารถกำจัดศัตรูได้ในพริบตาด้วยความเร็วและพลังโจมตีอันรุนแรง
จุดเด่น
มีระบบลอบเร้นและการเคลื่อนไหวว่องไว เน้นการโจมตีเป้าหมายเดี่ยวอย่างแม่นยำ
ความยากในการเล่น
สูงมาก ต้องใช้จังหวะเข้า-ออกที่ถูกต้องและอ่านสถานการณ์ได้ดี
ประสิทธิภาพในดันเจี้ยน
แม้จะเปราะบาง แต่หากเล่นอย่างมีชั้นเชิงจะสร้างดาเมจมหาศาลให้ทีมได้
ประสิทธิภาพใน PvP
แข็งแกร่งที่สุดในการลอบสังหารเป้าหมายเดี่ยว แต่ต้องเล่นอย่างระมัดระวังเพราะหากพลาดเพียงครั้งเดียวอาจโดนสวนตายทันที
สรุป
เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชอบความท้าทายและการต่อสู้แบบ “เสี่ยงสูงแต่คุ้มค่า”
Numina – นักสู้ผู้ควบคุมพลังแห่งวิญญาณ

บทบาท
Numina คือคลาสลูกผสมที่ผสานพลังแทงก์และดาเมจเข้าด้วยกัน โดยมีระบบเกราะป้องกันที่ต้องคอยฟื้นฟูอยู่เสมอ
จุดเด่น
สามารถอัญเชิญวิญญาณผู้ช่วยสามตน ได้แก่ Ghost Kite, Dreamless และ Asura มาช่วยต่อสู้ได้ทีละตน และสามารถแปลงศัตรูที่สังหารแล้วเป็นวิญญาณร่วมรบได้อีกด้วย
ความยากในการเล่น
ระดับปานกลาง เล่นง่ายในเชิงคอมโบและมีเกราะช่วยให้เอาชีวิตรอดได้ยามเกิดความผิดพลาด
ประสิทธิภาพใน PvE/PvP
ใน PvE ทำดาเมจได้ดี ส่วนใน PvP หลังได้รับการปรับสมดุลล่าสุด Numina กลายเป็นดาวเด่นในโหมด 3v3 ด้วยพลังป้องกันสูงและวงจรการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
จุดอ่อน
หากเกราะแตกจะเสียเปรียบทันที และระยะการโจมตีสั้นทำให้ตามศัตรูได้ยาก
สรุป
เป็นคลาสที่สมดุลและเล่นได้หลากหลาย เหมาะกับผู้เล่นที่ชอบทั้งรุกและรับในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังมีดีไซน์ตัวละครที่งดงามที่สุดในเกม
Sword of Justice คือผลงานเกม MMORPG ฟอร์มยักษ์จากค่าย NetEase ที่ดัดแปลงจากนิยายกำลังภายในชื่อดัง “สี่ยอดมือปราบ” ของนักเขียนชื่อดัง “เวินรุ่ยอัน” หนึ่งในสี่ปรมาจารย์วรรณกรรมกำลังภายในจีน เกมนี้นำเสนอโลกยุทธภพที่ผสมผสานความงดงามแบบตะวันออกเข้ากับเทคโนโลยีกราฟิกสมัยใหม่อย่างลงตัว จนเกิดเป็นโลกเปิดที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา รายละเอียดของฉาก สิ่งแวดล้อม และตัวละครถูกออกแบบอย่างประณีต เพื่อให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกในนิยายจริง ๆ
ตัวเกมมอบอิสระสูงในการเล่น ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นสายต่อสู้ สายสำรวจ หรือสายชิลที่ชอบทำกิจกรรมในเมือง ทุกคนสามารถสร้างเส้นทางของตนเองได้ โดยไม่มีข้อจำกัดของสายอาชีพ และไม่ต้องพึ่งพาการเติมเงิน ตัวเกมยังมีระบบ “หลายเส้นทางสู่จุดหมายเดียวกัน” ที่ให้ผู้เล่นพัฒนาได้อย่างเท่าเทียมตามสไตล์การเล่นของตนเอง







