7 เกมที่เด็กไทยเคยโดดเรียนไปเล่นที่ร้าน
วัยโจ๋ ยุคร่างทอง ต้องเคยแอบข้ามรั้วโรงเรียนเพื่อไปเล่นเกมเหล่านี้

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน ย้อนกลับไปในยุครุ่งเรืองของร้านเกม Console หรือร้านอินเทอร์เน็ต เด็กไทยจำนวนไม่น้อยคงเคยมีประสบการณ์แอบข้ามรั้วโรงเรียน โดดเรียนหนีครู เพื่อไปนั่งจุ่มอยู่หน้าจอเล่นเกมกับเพื่อน ๆ แบบลืมเวลา เสียงคีย์บอร์ด เสียงเมาส์คลิก เสียงตะโกนเฮฮา มักจะดังกระหึ่มอยู่เสมอในร้านเกมช่วงเย็น วันสอบ หรือวันที่มีกิจกรรมโรงเรียน นี่ไม่ใช่แค่การเล่นเกมธรรมดา แต่มันคือความทรงจำวัยรุ่นที่เปี่ยมไปด้วยความสนุก ปนซนแบบบริสุทธิ์ใจ
บทความนี้จะพาย้อนกลับไปดู 7 เกมระดับตำนาน ที่เด็กไทยยุค 90 – 2000 ต้น ๆ ต้องเคยโดดเรียนเพื่อไปเล่นอย่างน้อยสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเกมเต้น เกมวางแผน เกมยิง หรือเกมฟุตบอล ล้วนเป็นชื่อที่ยังคงฝังแน่นอยู่ในใจของหลายคนแม้เวลาจะผ่านมานานแค่ไหนก็ตาม ไปชมกันครับ
1. Audition

Audition คือเกมแนว Rhythm หรือเกมเต้นออนไลน์ ที่โด่งดังสุดขีดในยุค 2000 ด้วยระบบการกดปุ่มตามจังหวะเพลง แล้วกด Spacebar ให้ตรงจังหวะ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกสนุกไปกับความเร็ว ความแม่นยำ และเพลงฮิตติดหูที่เปิดวนไม่หยุด เกมนี้ไม่ได้มีดีแค่เรื่องเต้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ “แต่งตัว” ให้ตัวละครของตัวเองหล่อสวยไม่แพ้ไอดอล ทั้งชุดแฟชั่น ทรงผม และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ อีกทั้งยังมีโหมด Couple ที่ทำให้หลายคนได้ “แฟนในเกม” เป็นครั้งแรก! เด็กไทยยุคนั้นจึงหลงรักเกมนี้ เพราะทั้งสนุก มันส์ ได้โชว์การเต้น และยังได้เข้าสังคมใหม่ ๆ ที่ร้านเกมกลายเป็นเหมือนฟลอร์เต้นจริง ๆ ไปเลยทีเดียว โดยเฉพาะเหล่าสาว ๆ จะชอบเกมนี้มากเลยล่ะ
2. Pangya

Pangya คือเกมแนวกีฬาแฟนตาซีประเภท กอล์ฟออนไลน์ ที่นำความจริงจังของกีฬากอล์ฟมาผสมผสานกับกราฟิกสไตล์อนิเมะสดใส ทำให้เกมดูน่ารัก เข้าถึงง่าย และไม่ซีเรียสเหมือนกอล์ฟจริง จุดเด่นของ Pangya อยู่ที่ระบบการตีที่ต้องอาศัยทั้งจังหวะ การคำนวณลม พื้นสนาม และเทคนิคการกด Power-Bar ที่แม่นยำ บวกกับเสียงเอฟเฟกต์ “ปังยา!” อันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เกมนี้ทั้งเพลินและท้าทายในเวลาเดียวกัน เด็กไทยยุคนั้นชอบเล่นเพราะมันทั้งน่ารัก สนุก ไม่รุนแรง เล่นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เพราะจะเล่นชิล ๆ ก็ได้ แต่จะเล่นเอาท้าทายก็ยากสุด ๆ แถมยังมีชุดแฟชั่นให้แต่งตัวตัวละครอีกเพียบ เป็นเกมที่พาเพื่อนรวมกลุ่มไปตี “กอล์ฟแฟนตาซี” ที่ร้านเกมกันจนลืมเวลาเลยทีเดียว
3. Ragnarok Online

Ragnarok Online หรือที่หลายคนเรียกสั้น ๆ ว่า “RO” คือเกมแนว MMORPG ที่ถือเป็นเกมออนไลน์ฟอร์มยักษ์เกมแรก ๆ ที่เข้ามาสร้างปรากฏการณ์ในไทย ตัวเกมมีจุดเด่นคือโลกแฟนตาซีสุดกว้างใหญ่ ระบบอาชีพที่หลากหลาย เควสต์ที่ชวนติดตาม และสังคมผู้เล่นที่แน่นแฟ้น เด็กไทยยุคนั้นหลงรัก RO เพราะมันเปิดโอกาสให้ได้ “ใช้ชีวิตอีกแบบ” ในโลกเสมือนจริง จะล่ามอน เก็บเลเวล ตีบอส ตั้งปาร์ตี้ หรือจีบสาวในเกมก็ทำได้ทั้งนั้น ความสนุกไม่ได้อยู่แค่เกมเพลย์ แต่อยู่ที่ระบบสังคม มิตรภาพ ความทรงจำ และการผจญภัยที่ไม่มีวันลืม จึงไม่แปลกใจเลยที่ใครหลายคนถึงกับ “โดดเรียน” เพื่อไปใช้ชีวิตในโลกของ RO อย่างเต็มที่
4. Red Alert 2 & Yuri’s Revenge

Red Alert 2 & Yuri’s Revenge คือเกมแนว วางแผนการรบแบบเรียลไทม์ (RTS) ที่มีธีมสงครามโลกสุดมันส์ระหว่างฝ่ายพันธมิตร สหภาพโซเวียต และยูริ จุดเด่นของเกมนี้คือความหลากหลายของยูนิต ระบบการสร้างฐาน การวางกลยุทธ์ และการบุกโจมตีที่ต้องคิดเร็ว ทำเร็ว และตัดสินใจเฉียบขาด ทำให้เกมนี้กลายเป็นสนามประลองมันสมองของเด็กไทยในยุคนั้น เด็ก ๆ มักจับกลุ่มกันที่ร้านเกม เปิด LAN เล่นกันแบบแบ่งทีม 2v2 หรือ 3v3 หรืออาจจะมากกว่านั้นแบบตีกันมั่วไปหมด บางคนถึงขั้นโดดเรียนเพื่อมาวางแผน “ตีฐาน” กันอย่างจริงจังครับ
5. Counter Strike

Counter Strike หรือที่เด็กไทยชอบเรียกสั้น ๆ ว่า “เคาท์เตอร์” คือเกมแนว FPS ที่ให้ผู้เล่นแบ่งทีมเป็นสองฝ่าย ได้แก่ หน่วยปราบปรามผู้ก่อการร้าย (CT) และผู้ก่อการร้าย (T) โดยมีภารกิจหลักคือวางระเบิด ช่วยตัวประกัน หรือกำจัดอีกฝ่ายให้หมด จุดเด่นของเกมนี้คือความตื่นเต้นแบบเรียลไทม์ ต้องอาศัยความแม่นยำ ความเร็ว การฟังเสียงฝีเท้า และการวางแผนร่วมกันกับเพื่อนในทีม เด็กไทยยุคนั้นหลงรักเกมนี้เพราะมันสนุก มันส์ และได้เล่นกับเพื่อนในร้านเกมแบบลุ้นทุกวินาที บางกลุ่มถึงขั้น “โดดเรียนเป็นทีม” เพื่อมาจัดแข่ง 5v5 กันในด่านสุดฮิตอย่าง cs_untitled หรือ cs_assault ทำให้ Counter Strike กลายเป็นตำนานของเกมยิงระดับชาติในยุคร้านเกมรุ่งเรืองเลยทีเดียว
6. DotA

DotA คือเกมแนว MOBA ที่เป็นม็อดจากเกม Warcraft III โดยให้ผู้เล่นแบ่งทีม 5 ต่อ 5 แต่ละคนจะควบคุมฮีโร่หนึ่งตัว เพื่อปะทะกับอีกฝ่ายและทำลายฐานของศัตรูให้ได้ ความสนุกของ DotA อยู่ที่ความหลากหลายของฮีโร่ สกิลเพลย์เฉพาะตัว การใช้ไอเทม และการร่วมมือกันในทีมที่ต้องทั้งวางแผนและปรับตัวตามสถานการณ์แบบวินาทีต่อวินาที เด็กไทยยุคนั้นนิยมเล่นกันเป็นกลุ่ม เพราะเกมนี้มีทั้งความมัน ความฮา และความหัวร้อนในเวลาเดียวกัน บางครั้งทะเลาะกันจนเพื่อนเลิกคบก็มี หรือบางครั้งก็สนิทกันจนกลายเป็นเพื่อนตายก็มีเช่นกัน ทำให้ DotA เป็นอีกหนึ่งเกมที่ทำให้ใครหลายคนเลือก “โดดเรียน” เพื่อมาปะทะฝีมือที่ร้านเกมแบบไม่มีใครยอมใคร
7. Winning Eleven

Winning Eleven คือเกมแนวกีฬา ฟุตบอล ที่กลายเป็นตำนานของร้านเกมในไทยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเวอร์ชันเครื่อง PlayStation 1-2 ที่เด็กผู้ชายยุคนั้นแทบทุกคนต้องเคยจับจอยกด จุดเด่นของเกมนี้คือการควบคุมนักเตะแบบสมจริง การผ่านบอล ยิงประตู ตัดเกม หรือแม้แต่การตั้งแท็กติกแบบทีมชาติจริง ๆ แถมยังมีโหมด Master League ให้เล่นยาว ๆ สร้างทีมในฝันได้อีกด้วย เด็กไทยยุคนั้นหลงรักเกมนี้เพราะพื้นฐานเด็กไทยชอบเตะฟุตบอลอยู่แล้ว เกมเล่นง่าย แข่งกันได้แบบ 1v1 สร้างบรรยากาศร้านเกมให้กลายเป็นสนามบอลจำลองที่เต็มไปด้วยเสียงโห่ เสียงเชียร์บอล หลายคนถึงกับ “โดดเรียน” มาตัดสินแชมป์ด้วยการแข่ง Winning ที่ร้านเกม ฝีมือใครไม่ถึงมีโดนล้อ! จึงไม่แปลกที่ Winning Eleven จะถูกยกให้เป็นเกมอันดับหนึ่งในใจของเด็กไทยยุคทองแห่งร้านเกมอย่างแท้จริงครับ
เกมทั้ง 7 เกมนี้ ไม่ได้เป็นแค่ความบันเทิงในยุคหนึ่ง แต่ยังเป็น “ความทรงจำร่วม” ของเด็กไทยยุคร้านเกมที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ความมัน และมิตรภาพ แม้วันนี้หลายเกมจะเลือนหายไป หรือเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปไกลแค่ไหน แต่ชื่อของ Audition, RO, Pangya, DotA, Winning และเกมอื่น ๆ ก็ยังคงฝังอยู่ในใจของใครหลายคนในฐานะ “เกมที่เคยโดดเรียนไปเล่น” และไม่มีวันลืมตลอดชีวิต