5 สิ่งที่ควรมีในเกมสวมบทบาท RPG

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน เพื่อน ๆ เคยเล่นเกมที่เรียกว่าแนว RPG กันใช่ไหมครับ ซึ่งชื่อของมันก็จะย่อมาจาก Role-playing games แค่ชื่อก็บอกแล้วใช่ไหมครับว่า Role-playing แปลว่าสวมบทบาท เราจะได้รับบทเป็นตัวละครต่าง ๆ ในโลกของเกม และผจญภัยไปตามดินแดนต่าง ๆ ตามเนื้อเรื่องของเกม แต่ก็มีหลายเกมเลยที่เราเล่นแล้วรู้สึกว่าไม่ได้อินขนาดนั้น คำว่าโรลเพลย์มันมีความหมายในนามแค่ว่าเราเล่นเป็นตัวละครตัวนี้เฉย ๆ แต่เราไม่ได้มีความรู้สึกร่วมจนรู้สึกว่าตัวละครที่กำลังเล่นอยู่นี้คือตัวเราเอง มันส่งผลให้เล่นไปเล่นมาเราจะไม่รู้สึกอินเท่าที่ควรและอาจเลิกเล่นกลางคันได้ เพราะงั้นเรามาดูกันดีกว่าครับว่าเกมสวมบทบาทที่ดีควรมีอะไรอยู่ในเกมบ้าง ผู้เล่นถึงจะอินมากยิ่งขึ้น

1. เนื้อเรื่องที่เข้มข้นจนทำให้ผู้เล่นรู้สึกอินกับมัน

เนื้อเรื่องคือประเด็นใหญ่ที่สุดภายในเกมที่จะทำให้ผู้เล่นที่เล่นเกมอยู่รู้สึกอินหรือไม่ เพราะเนื้อเรื่องจะเป็น World Setting หลัก เราเป็นใคร อยู่ในเมืองอะไร ตอนนี้มีปัญหาอะไรกันอยู่ และ NPC ในเกมเลือกที่จะปฏิบัติอย่างไร ถ้าตัวเกมไม่ได้บอกหรือเล่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างมีชั้นเชิงล่ะก็ผู้เล่นก็อาจจะรู้สึกไม่อินกับเกม หรือเผลอ ๆ ถ้าเล่ายืดยาวเกินไปจนเกินงามก็อาจจะกลายเป็นการยัดเยียดและทำให้ผู้เล่นรู้สึกเบื่อกับมันได้ กลับกันถ้าเนื้อเรื่องในเกมมีความต่อเนื่อง เข้มข้น และน่าติดตาม อาจทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าฉันคือตัวละครตัวนี้ ฉันต้องไปช่วยแก้ปัญหาของเมืองนี้ให้เร็วที่สุด ไม่งั้นพวก NPC ในเมืองต้องเดือดร้อน เป็นต้น การบิ๊วอารมณ์ด้านเนื้อเรื่องนั้นส่งผลอย่างมากต่อการเล่นเกมของผู้เล่นครับ

2. ตัวละครที่มีมิติ มีความคิดเป็นของตัวเอง

นอกจากเนื้อเรื่องจะเข้มข้นแล้ว ตัวละครภายในเกมหรือเหล่า NPC ต่าง ๆ ก็ต้องมีมิติด้วย เพราะว่าเนื้อเรื่องจะเป็นเหมือนภาพรวมของ World Setting เกม แต่ในขณะเดียวกัน ตัวละครจะเป็นการเล่าเรื่องเชิงดีเทลมากกว่า ถ้าเราจะเข้าใจปัญหาของเนื้อเรื่องได้ลึกซึ้งขึ้น เกมที่ดีก็มักจะเล่าผ่านมุมมองของตัวละครที่ประสบปัญหาอยู่ ณ ตอนนั้น และถ้าตัวละครตัวนั้นเป็นเพื่อนของเรา หรือเป็นคนสำคัญภายในเกม มันก็จะยิ่งทำให้ผู้เล่นรู้สึกอินและเอาใจช่วยมากยิ่งขึ้น ถ้าเกิดว่ามีการเสียสละหรือมีตัวละครตัวไหนตาย ผู้เล่นอาจจะต้องเสียน้ำตาและอินมาก ๆ ถ้าเกมนั้นสร้างตัวละครมาดีจนผู้เล่นรู้สึกรักเขา ยิ่งพวกตัวที่มีตัวตนของตัวเองสูง อยากทำตามความคิดของตัวเอง แม้อุดมการณ์หลักจะเหมือนกัน แต่เหตุผลส่วนตัวล้วนแตกต่าง มันคือเสน่ห์ของเกมครับ

3. เกมเพลย์ที่ทำให้เราหวงแหนตัวละครที่เราเล่น

เวลาที่เราเล่นเกมสวมบทบาท สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกอินกับเกมเพลย์เลยก็คือการหวงตัวละครครับ ทั้งในแง่เนื้อเรื่องและเกมเพลย์ โดยเฉพาะความกลัวตายนี่แหละเป็นสิ่งที่จับต้องได้ง่ายที่สุด เวลาที่เราเล่นเกมตายเกิดง่าย ๆ เราก็จะไม่รู้สึกกลัวตายใช่ไหมล่ะครับ ถ้าสู้ไม่ไหวค่อยไปเก็บเลเวล ถ้าตายเดี๋ยวก็เกิดใหม่ จุดเซฟก็ไม่ได้ไกล เรามีความรู้สึกว่า “ถ้าตายก็เริ่มใหม่ได้” เพราะฉันนั้นบางครั้งเกมควรมีบทลงโทษต่อความผิดพลาดของผู้เล่นบ้าง เพื่อให้ผู้เล่นรู้สึกระแวดระวังตัวมากยิ่งขึ้น ไม่ได้เล่นส่ง ๆ และตั้งใจเล่นมากยิ่งขึ้น ถ้าเดินผิดจะโดนกับดักไหม ถ้าตอบคำถามผิดชีวิตจะเปลี่ยนไหม ถ้าพลาดขึ้นมาต้องกลับไปเล่นใหม่ ต้องอ่อนแอลง หรือมีปัญหาต่อไปในอนาคต สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้ผู้เล่นหวงแหนตัวละครมากขึ้นและอินกับการปกป้องตัวเองมากขึ้นครับ

4. ระบบเลือกตอบคำถามต้องมีทางแยกจริง ๆ

เกมสวมบทบาทนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเจอตัวเลือกตอบคำถามในการเล่นเนื้อเรื่อง ซึ่งเอาจริง ๆ เราก็รู้กันดีว่า ส่วนมากการตอบคำถามเหล่านี้ไม่ว่าเราจะเลือกตอบข้อไหนไป มันก็ไม่ส่งผลอะไรกับเนื้อเรื่องมากนัก ถึงแม้จะมีความแตกต่างด้าน Dialog บ้างก็จริง แต่สุดท้ายผลลัพธ์ในตอนจบก็มักจะวนกลับมาหาฉากจบเดียวกัน เหมือนกับมีมาให้ดูเหมือนจะมีทางเลือกแต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม แต่ประเด็นคือมันมีเกมที่ทำได้ดีอยู่หลายเกม ที่เลือกแล้วจะมีสิ่งที่เรียกว่า Karma System หรือผลของการกระทำเข้ามาเกี่ยวข้องกับการดำเนินเนื้อเรื่อง ถ้าเราตัดสินใจแบบไหนไปจะส่งผลให้เนื้อเรื่องหลังจากนี้ให้แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งเกมที่ทำแบบนั้นได้ก็มีพอสมควรครับและอารมณ์ของผู้เล่นจะตั้งใจอ่านเนื้อเรื่องกว่ามาก

5. มีสิ่งที่ควบคุมไม่ได้โผล่มาบ้างในเกมเพลย์

หลายคนอาจจะไม่ชอบความควบคุมไม่ได้ที่ผู้เล่นมักเรียกว่าระบบ RNG หรือ Random Number Generator เป็นระบบสุ่มความเสี่ยงที่จะโผล่มาให้ผู้เล่นไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ในเกมเพลย์ได้ คือปกติเวลาที่เราเล่นเกม มันก็จะมีส่วนที่รู้กับไม่รู้ใช่ไหมล่ะครับ ถ้าส่วนไหนเรารู้แล้วมันก็จะสร้างปัญหาให้เราไม่ได้เพราะเราจะสามารถป้องกันปัญหาได้ทัน แต่ถ้าเกิดสิ่งไหนไม่รู้มันก็จะต้องเรียนรู้ในครั้งแรก และครั้งถัดไปมันก็จะมาในรูปแบบเดิม ๆ แต่สำหรับ RNG นั้นไม่ใช่ เราไม่รู้เลยว่าความเสี่ยงจะมาตอนไหน มาเมื่อไหร่ และมายังไง มันทำให้เรากลัว ระวังตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งมันทำให้มีความเหมือนชีวิตจริงมากยิ่งขึ้นเพราะชีวิตจริงเราก็ต้องพบกับเรื่องไม่คาดคิดอยู่บ่อย ๆ เช่นกันครับ

ประมาณนี้ครับ กับ “5 สิ่งที่ควรมีในเกมสวมบทบาท RPG” เป็นยังไงกันบ้าง เพื่อน ๆ มีความคิดเห็นอย่างไรก็คอมเมนต์คุยกันได้นะครับ ส่วนตัวแล้วผมจะชื่นชอบเกมโรลเพลย์มาก ๆ แต่ว่ามีหลายเกมเลยที่ไม่สามารถทำให้เราอินได้ แต่หลายเกมที่ดีก็ทำให้เกิดความแตกต่างด้านความรู้สึกได้ แล้วเพื่อน ๆ คิดว่าเกมโรลเพลย์ที่ดีควรเป็นยังไง ลองคุยกันครับ 🙂