เมื่อไม่นานมานี้ทาง This Is Game Thailand ได้รับโอกาสพิเศษจากทาง Bandai Namco Singapore ในการเข้าร่วมทดลองเล่นเกม Little Nightmares III ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจากการที่ผู้เขียนได้มีโอกาสทดลองเล่นเกมดังกล่าวในครั้งนี้ ก็ต้องบอกเลยว่า “เกมนี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก” และในวันนี้เราจะพาทุกคนมาพูดถึงความประทับใจจากการทดลองเล่น Little Nightmares III รอบ Hands-on กัน
5 ความประทับใจจากการทดลองเล่น Little Nightmares III รอบ Hands-on
1. กราฟิกที่ละเอียดและเล่นได้ลื่นไหลแบบสุด ๆ
ต้องยอมรับเลยว่าแม้เกมนี้จะผ่านมา 3 ภาคแล้ว แต่กราฟิกของเกมและดีไซน์ตัวละครดังกล่าวยังคงคุณภาพไว้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยในส่วนของกราฟิกนั้นก็ยังถือว่าคงคุณภาพไว้ได้แจ่มมาก ๆ ทั้งความคมชัดของภาพ รายละเอียดของสภาพแวดล้อม (เช่น หากเราเดินไปเหยียบซากหนู เราก็จะได้เห็นซากหนูยวบไปตามแรงเหยียบของผู้เล่น) รวมไปถึง FOV ของเกมที่โฟกัสหลักที่ตัวละคร ทำให้ฉากด้านหน้าหรือหลังนั้นเบลอกว่าปกติก็เป็นเอกลักษณ์ของเกมนี้เช่นกัน
ในขณะเดียวกัน ความลื่นไหลในการเล่นเกมนี้ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก ๆ โดยตลอดการทดลองการเล่นเกมนี้ผู้เขียนไม่พบกับปัญหากระตุก หรือเฟรมเรตตกแลยแม้แต่น้อย ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่เยี่ยมมาก ๆ เพราะในหลาย ๆ ครั้งการช่วงชิงจังหวะในการเอาตัวรอดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ นั่นแปลว่าหากตัวเกมมีอาการกระตุก หรือเฟรมเรตไม่นิ่งก็จะทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมนี้เสียไปทันที ซึ่งผู้เขียนการันตีว่า “ไม่เจอปัญหาดังกล่าวในการทดลองเล่นนี้” 100%
2. ดีไซน์ตัวละครบิดเบี้ยวที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
ที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ ดีไซน์ของตัวละครที่เราจะได้เจอภายในเกมนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พบเจอกับสิ่งมีชีวิตมากนัก แต่เพียงมอนสเตอร์ 2 ตัวที่ผู้เขียนได้พบเจอก็เรียกได้ว่าหลอนจิตมาก ๆ ซึ่งมอนสเตอร์หลอนจิต 2 ตัวที่ผู้เขียนได้เจอก็คือ Big Baby ที่แม้เห็นแต่แขนก็สะพรึงได้ รวมไปถึง Supervisor ที่ผู้เขียนสารภาพเลยว่าการออกแบบเป็นอะไรที่สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับจิตใจผู้เล่นได้เป็นอย่างดี โดยการออกแบบที่นำสิ่งใกล้ตัวมาบิดให้ดูประหลาดและมีความบิดเบี้ยวไปจากปกติ ซึ่งองค์ประกอบนี้เองทำให้เกมนี้ยังคงคุณภาพความหลอนไว้ได้เป็นอย่างดี
ที่น่าสนใจก็คือการออกแบบนี้ไม่ใช่แค่การออกแบบส่ง ๆ เท่านั้น แต่มอนสเตอร์แต่ละตัวก็จะมีอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของมันด้วย เช่น Big Baby ที่ในการทดลองเล่นนี้ผู้เขียนจะได้พบแต่แขน แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือแขนของมันมีแรงมากพอที่จะทำลายกำแพงได้ ทำให้เรารู้สึกว่าตัวละครของเราอ่อนแอบอบบางราวกับแมลงตัวน้อยจริง ๆ ในขณะที่ Supervisor ที่มีแขนมากมายนั้น แต่ละแขนไม่ได้ถูกนำมาติดไว้เฉย ๆ แต่ทางผู้พัฒนาเกมก็ได้ใส่อนิเมชั่นให้มอนสเตอร์นี้สามารถใช้แขนทุกแขนในอนิเมชั่น เช่นการเปิดตู้เอกสาร และค้นหาเอกสารในตู้ด้วยแขนทั้งหมดที่มี ซึ่งจุดเหล่านี้แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็เป็นการเติมเต็มและแสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของผู้พัฒนาเกมได้เป็นอย่างดี
3. บรรยากาศของเกมที่กดดันผู้เล่นได้ดีไม่แพ้ภาคก่อน ๆ
นอกเหนือจากกราฟิกแล้ว บรรยากาศของเกมโดยรอบก็ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ เพราะเราเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ ที่ต้องเอาตัวรอดจาก Nowhere ที่สิ่งรอบตัวเรามีขนาดใหญ่กว่าเราแทบทั้งสิ้น (ขนาดของตัวเราเล็กพอ ๆ กับหนูท่อตัวหนึ่ง) ฉะนั้นการออกผจญภัยในโลกที่เราไม่มีทางสู้ได้เป็นอะไรที่กดดันมาก ๆ เพราะหากเราโดนพบ หรือพลาดท่าก็หมายถึงจะต้องเริ่มใหม่ (ในจุด Check Point ) ทันที
ตลอดการออกเดินทางเราจะได้มุดช่องเล็ก ๆ อยู่ในห้องแคบ ๆ รวมไปถึงได้เห็นสิ่งที่ไม่น่าพึงประสงค์มากมาย ทั้งซากศพหนูตาย ซากขยะ รวมไปถึงสิ่งปฏิกูลน่าขยะแขยง รวมไปถึงเกมนี้ไม่ได้ใช้ดนตรีประกอบมากเท่าไหร่นัก ทำให้การเดินทางเงียบ ๆ ที่มีแค่เสียงการเคลื่อนไหวของสิ่งรอบตัวก็กดดันได้มาก ยิ่งประกอบกับสิ่งมีชีวิตประหลาดต่าง ๆ หรือจังหวะ Jump Scared ที่ทางผู้พัฒนาใส่เข้ามาก็ยิ่งทำให้เกมนี้กดดันมากขึ้นไม่น้อยเช่นกัน
4. ระบบไขปริศนาที่เป็นเอกลักษณ์ที่ต้องใช้ไหวพริบ การทดลอง และความสามารถของตัวละคร
Low และ Alone เป็นตัวละครที่มาพร้อมกับไอเทมคู่ใจคนละแบบกัน ทำให้ทั้งคู่มีบทบาทหน้าที่ในการไขปริศนาแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย Low จะมาพร้อมกับธนูทำให้แน่นอนว่าการไขปริศนาของ Low จะมุ่งเน้นไปที่พื้นที่ที่เราไม่สามารถเดินไปได้ หรือจำเป็นที่จะต้องยิงเป้าจากระยะไกล ในขณะที่ Alone นั้นจะมาพร้อมกับประแจคู่กาย ทำให้การไขปริศนาของ Alone จะมุ่งเน้นไปที่การทำลาย หรือหมุนสิ่งของบางอย่างที่อยู่ใกล้ตัว ซึ่งการที่ตัวละครทั้ง 2 มาพร้อมกับไอเทมประจำตัวที่ต่างกัน ก็จะมอบประสบการณ์การเล่นที่แตกต่างกันออกไป โดยตลอดการทดลองเล่นตัวเกมก็ได้โยนความสนุกในการไขปริศนาออกมาให้ผู้เขียนได้เจอแบบไม่มียั้งซึ่งจะวัดไหวพริบ ทดลอง และการวางแผนการทำงานร่วมกันของ 2 ตัวละครนี้เป็นอย่างดี เพราะเกมนี้ไม่มีคำบอกใบ้ในการไขปริศนาแต่อย่างใด!
นอกจากการใช้ความสามารถเฉพาะตัวของทั้ง 2 ตัวละครแล้ว สิ่งที่เราจะต้องได้เจออีกก็คือการพยายามหาทางแก้ไขปัญหาซึ่งจะอยู่ในรูปแบบของการทดลองเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องไปเรื่อย ๆ โดยนอกเหนือจากการ “ทำบางอย่างเพื่อให้ได้คำตอบ” บางครั้งการ “อยู่นิ่ง ๆ” ก็คือทางออกที่ดีที่สุด เพราะหลาย ๆ ครั้งปริศนาจะถูกคลายด้วยตัวมันเองเพียงแค่เราอยู่ในจุดที่เหมาะสม รวมไปถึงหลาย ๆ ครั้งเราจะต้องสังเกตสภาพแวดล้อมอยู่เสมอ เพราะหลาย ๆ ครั้งการไขปริศนานั้นง่ายมาก ๆ หากเราสังเกตสิ่งรอบตัวให้ดี เช่นมุมที่ควรจะหลบ หรือเส้นทางที่ควรจะไป เป็นต้น
5. ระบบ Co-op ที่ทำให้เกมนี้แตกต่าง
ต้องยอมรับเลยว่า Little Nightmares III มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่หลายคนเรียกร้องมาโดยตลอด นั่นก็คือโหมด Co-op ที่ผู้เล่นสามารถเล่น Co-op กันแบบออนไลน์ได้ด้วย! นั่นแปลว่าหลังจากนี้เรากับเพื่อนสามารถรับบทเป็น Low และ Alone ในการออกผจญภัยเอาชีวิตรอดออกจาก Nowhere ได้แบบไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนด้วยตัวคนเดียวอีกต่อไป ที่น่าสนใจก็คือเกมนี้รองรับการเล่น Co-op เป็นหลัก นั่นหมายความว่าต่อให้เราเลือกที่จะเล่นคนเดียว ตัวละครอีกตัวก็จะถูกควบคุมโดย AI ซึ่งประสบการณ์การเล่นเกมทั้งกับ AI และกับเพื่อนแบบออนไลน์ก็ให้ประสบการณ์การเล่นที่แตกต่างกันออกไป
โดยการเล่นเกมกับ AI จะเปรียบเสมือนมีตัวช่วยคอยบอกใบ้ว่าเราควรจะทำอย่างไรเพื่อไขปริศนา (แต่ก็ไม่ได้เยอะจนเกินไป) ในขณะที่หากเราเล่น Co-op กับเพื่อนส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นการพูดคุย ปรึกษา และหาทางออกร่วมกัน ซึ่งแน่นอนว่าหากเราเล่นกับเพื่อนเป็นครั้งแรก เราจะต้องตายซ้ำตายซากเพื่อหาทางออกให้ได้ โดยจุดนี้ก็ถือว่าเป็นสเน่ห์ของ Little Nightmares มาโดยตลอด ซึ่งการเล่น Co-op ออนไลน์กับผู้เล่นจริง ๆ ก็ให้ความสนุกที่แตกต่างไปจากการเล่น Co-op กับ AI อย่างสิ้นเชิง และนี่คือหนึ่งในฟีเจอร์สำคัญที่ทำให้ Little Nightmares III กลายเป็นอีกหนึ่งเกมน่าเล่นนั่นเอง
Little Nightmares III เป็นเกมผจญภัยสยองขวัญที่พาผู้เล่นไปสู่โลกอันแปลกประหลาดและน่ากลัว ในเกมนี้ ผู้เล่นจะได้ติดตามการเดินทางของ Low และ Alone ที่ติดอยู่ใน Spiral โลกแห่งความเพ้อฝันและอันตราย พวกเขาต้องทำงานร่วมกันเพื่อเอาชีวิตรอดและหลบหนีจากภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กว่าที่ซ่อนอยู่ในเงามืด นี่เป็นครั้งแรกในซีรีส์ที่ผู้เล่นสามารถเผชิญหน้ากับความกลัวในวัยเด็กของตนเองร่วมกับเพื่อนในโหมดออนไลน์แบบ Co-op หรือเล่นคนเดียวกับ AI ก็ได้เช่นกัน