เกมผู้เล่นคนเดียวยอดนิยมบางเกม เช่น God of War, The Last of Us หรือ Mario มักจะมีตัวละครที่สองปรากฎตัวขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้เล่นระหว่างการผจญภัย ซึ่งผู้เล่นหลาย ๆ คนก็ได้มองว่าจะดีแค่ไหนหากผู้เล่นอีกคนสามารถควบคุมตัวละครที่ 2 มาร่วมผจญภัยกันได้ในแบบ Co-op และในวันนี้เราได้รวบรวม 10 เกม Single Player ที่ควรมีโหมด Co-op มาให้ทุกคนได้ติดตามกัน
1. Warhammer 40,000: Boltgun
Warhammer 40,000: Boltgun เป็นเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งแบบคลาสสิค ตั้งอยู่ในจักรวาล Warhammer 40,000 ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็น Malum Caedo ทหารผ่านศึก Sternguard ของ Ultramarines ต่อสู้เพื่อกวาดล้างความชั่วร้ายบนดาวเคราะห์ Graia เกมนี้ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์สำหรับกลไกการเล่นที่รวดเร็วและดุเดือด กราฟิกแบบพิกเซลย้อนยุค และเรื่องราวที่เข้มข้น อย่างไรก็ตาม บางคนแสดงความปรารถนาที่จะเพิ่มโหมด Co-op เพื่อที่จะได้อออกผจญภัยไปกับเพื่อนในสงครามที่โหดร้ายนี้
2. Snake Pass
Snake Pass เป็นเกมแพลตฟอร์มที่ท้าทายผู้เล่นให้คิดเหมือนงู ผู้เล่นควบคุม Noodle the Snake ซึ่งสามารถเคลื่อนที่ได้โดยการบีบรัดและเลื้อยเท่านั้น สิ่งนี้ต้องการให้ผู้เล่นใช้ไหวพริบและปฏิกิริยาตอบสนองเพื่อเอาชนะด่านที่ท้าทาย เกมนี้ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์สำหรับกลไกการเล่นที่สร้างสรรค์และสภาพแวดล้อมที่แปลกตา โดยมีผู้เล่นคาดหวังว่าหากเกมนี้จะมีโหมด Co-op ทำให้ผู้เล่นคนที่สองสามารถไขปริศนาในขณะที่พวกเขาช่วย Noodle ได้
3. Days Gone
Days Gone เป็นเกมซอมบี้ที่ยอดเยี่ยม โดยเกมนี้เป็นเกมเอาชีวิตรอดแบบ Open-world นี้มุ่งเน้นไปที่การสำรวจโลกที่พังทลายและเอาชีวิตรอดในโลกที่มีสัตว์ประหลาดที่ติดเชื้อและมนุษย์ที่โหดร้าย เกมดังกล่าวมีรูปแบบการเล่นที่หลากหลายและท้าทาย ผู้เล่นต้องปรับแต่งมอเตอร์ไซค์ของ Deacon St. John เพื่อสำรวจโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องใช้ทักษะการยิง การประดิษฐ์ และกลยุทธ์เพื่อเอาชีวิตรอดจากศัตรู ซึ่งแน่นอนว่าเกมนี้จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากโหมด Co-op เพราะผู้เล่นจะสามารถแบ่งปันประสบการณ์การสำรวจโลกที่พังทลายและต่อสู้กับศัตรูร่วมกัน ซึ่งจะทำให้เกมสนุกสนานและท้าทายยิ่งขึ้นไปอีก
4. The Messenger
The Messenger เป็นเกมแพลตฟอร์มสไตล์ย้อนยุคที่มีจิตวิญญาณของเกม Ninja Gaiden ดั้งเดิม นำเสนอการเดินทางของฮีโร่ที่มีความสามารถระหว่างอดีต 8 บิตและอนาคต 16 บิต ด้วยสไตล์ศิลปะอันงดงามในทั้งสองดีไซน์ ซึ่งตัวเกมมีกลไกแพลตฟอร์มที่สนุกอย่างไม่น่าเชื่อ การต่อสู้กับบอสนั้นท้าทายและน่าจดจำเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่จะทำให้เกมนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นคือโหมดผู้เล่นหลายคน ไม่ว่าจะเป็นโหมด Co-op หรือโหมดผู้เล่นหลายคนแบบ Turn-based ซึ่งทั้ง 2 โหมดจะมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สนุกสนานและท้าทายยิ่งขึ้น
5. Superhot
Superhot เป็นเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเวลาจะเคลื่อนไหวเฉพาะเมื่อผู้เล่นเคลื่อนไหวเท่านั้น สิ่งนี้สร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่ท้าทายและเชิงกลยุทธ์ โดยเกมนี้เป็นที่รู้จักในเรื่องเนื้อเรื่องชวนคิดและสไตล์ศิลปะที่ไม่เหมือนใคร การเพิ่มโหมด Co-op ให้กับ Superhot เป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับเกมเป็นอย่างมากเพราะผู้เล่นจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อเอาชนะด่านที่ท้าทายมากมายของเกม สิ่งนี้จะเพิ่มความท้าทายและความตื่นเต้นให้กับเกมได้เป็นอย่างดี
6. Outer Wilds
Outer Wilds เป็นเกมสำรวจอวกาศที่ไม่เหมือนใคร ผู้เล่นจะได้สำรวจระบบสุริยะอันกว้างใหญ่เพื่อไขปริศนาว่าทำไมดาวเคราะห์บ้านเกิดของพวกเขาถึงติดอยู่ในลูปเวลา 22 นาที เกมนี้ดึงดูดใจด้วยเรื่องราวที่ไม่เหมือนใครและกลไกการเล่นเกมที่สนุกสนาน การสำรวจทั้งอวกาศและบนดาวเคราะห์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์น้อยนั้นน่าตื่นเต้นและน่าติดตาม แต่ละแห่งมีความโดดเด่นเฉพาะตัวทั้งในด้านการออกแบบ เรื่องราว และการไขปริศนา และโหมด Co-op จะช่วยเสริมความสนุกให้กับเกมนี้ได้เป็นอย่างดี
7. Metal Gear Solid V: The Phantom Pain
Metal Gear Solid V: The Phantom Pain เป็นเกมที่ยอดเยี่ยมในตัวของมันเอง แต่การเพิ่มโหมด Co-op จะทำให้เกมนี้สนุกและน่าจดจำยิ่งขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน เพราะว่าเกมนี้อนุญาตให้ผู้เล่นนำยานพาหนะและสหาย เช่น D-Dog ไปด้วย บางทีหากซีรีส์นี้กลับมาอีกครั้ง โหมด Co-op จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถแบ่งปันประสนการณ์กับเพื่อนและทำให้เกมสนุกและน่าจดจำยิ่งขึ้น และอาจเป็นหนทางสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
8. Super Mario Odyssey
Super Mario Odyssey เป็นเกมแพลตฟอร์ม 3 มิติที่ประสบความสำเร็จอย่างมากบน Nintendo Switch และเกมนี้ก็มีโหมด Co-op อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม มีจุดที่น่าเสียดายก็คือผู้เล่นคนที่สองสามารถควบคุม Cappy ได้เท่านั้น ซึ่งจำกัดความสามารถของพวกเขาอย่างมาก ซึ่งแฟนเกมหลายคนมองว่าการเพิ่มโหมดร่วมมือกันที่เหมาะสมให้กับ Super Mario Odyssey จะเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการปรับปรุงเกมและทำให้เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้เล่นทุกคน เช่นผู้เล่นคนที่สองควบคุมตัวละครอื่น เช่น Luigi หรือตัวละครใหม่ รวมไปถึงอาจจะเปิดให้ผู้เล่นควบคุม Cappy ได้อย่างอิสระมากขึ้นจะทำให้ผู้เล่นสามารถช่วยเหลือกันเพื่อแก้ปัญหาและไขปริศนาที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้สนุกยิ่งขึ้น
9. Stray
Stray เป็นเกมแพลตฟอร์มแนวไซเบอร์พังค์ที่ผู้เล่นจะได้เล่นเป็นแมวที่พยายามหลบหนีจากเมืองหุ่นยนต์แห่งอนาคต ซึ่งเกมนี้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่การเพิ่มโหมด Co-op จะทำให้เกมนี้ดีขึ้นไปอีกขั้น โดยผู้เล่นสามารถทำงานร่วมกันเพื่อไขปริศนาและสำรวจโลก ทำให้เกมดื่มด่ำและสนุกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังจะเพิ่มคุณค่าในการเล่นซ้ำของเกมอีกด้วย
10. God of War: Ragnarok
God of War เป็นแฟรนไชส์ที่โดดเด่นซึ่งเติบโตอย่างมากเมื่อพูดถึงตำนานของมันตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในภาคนี้ Kratos และ Atreus จะต้องช่วยลูกชายของเขาตามหา Tyr โดยค้นหาอาณาจักรทั้ง 9 ในกระบวนการนี้ โดยในภาคนี้ Atreus โตขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก รวมไปถึงเขามีบทบาทมากขึ้นในเรื่องราวในครั้งนี้ การเพิ่มโหมด Co-op เข้ามาจะทำให้ผู้เล่นสามารถควบคุม Kratos และ Atreus ได้พร้อมกัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้พวกเขาทำงานร่วมกันเพื่อไขปริศนาและเอาชนะศัตรูได้ แทนที่จะทำงานร่วมกับ AI
ทั้งหมดนี้คือ 10 เกม Single Player ที่ควรมีโหมด Co-op ซึ่งจะทำให้เกมเหล่านี้มีคุณค่าในการเล่นมากยิ่งขึ้น ผู้อ่านคนใดมีเกมใดนำเสนอ ก็สามารถนำเสนอกันได้เลยนะครับ
ที่มา : cbr