เทียบกันแบบช็อตต่อช็อต The Witcher 3 กับ Cyberpunk 2077
ทั้งยอดขาย, คะแนนรีวิว และ Performance ในช่วงวางจำหน่ายวันแรก

นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครหลายๆ คนมักจะหยิบผลงานก่อนหน้ามาเปรียบเทียบกับผลงานใหม่ วงการเกมก็เช่นกันที่การเปรียบเทียบมักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอๆ อย่างเช่นในกรณีของ Cyberpunk 2077 เกมใหม่แกะกล่องจากทาง CD Projekt Red ที่มักจะถูกนำมาเทียบกับผลงานก่อนหน้าของทีมงานอย่าง The Witcher 3 เกมดังระดับขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งมันก็ไม่แปลกเลยเพราะนอกจากทั้งสองเกมนี้จะมาจากทีมผู้พัฒนาเดียวกัน มันก็ยังเป็นเกมที่สร้างกระแสให้เหล่าเกมเมอร์จนเป็นปรากฏการณ์ไม่ต่างกัน
The Witcher 3 คืออีกหนึ่งผลงานชิ้นโบว์แดงจากทาง CDPR ทั้งในด้านคุณภาพโดยรวมของเกมที่ยอดเยี่ยมรวมไปถึงเกมการเล่นที่ต่อให้เทียบกับเกม RPG ในปัจจุบันมันก็ยังเล่นสนุกไม่ตกยุคแม้ว่าตัวเกมจะออกมาตั้งแต่ปี 2015 แล้วก็ตามและด้วยบารมีที่ทางค่ายเคยสร้างไว้กับเกมภาคนี้นี่เองก็ส่งผลดีให้กับ Cyberpunk 2077 ที่ได้กลายเป็นกระแสฮือฮาในหมู่เกมเมอร์ทั่วโลกพร้อมยอดจองที่สูงลิ่วจนน่าตกใจ แต่มันจะดีเทียบได้กับผลงานก่อนหน้าของเขาหรือไม่ เรามาเริ่มไล่เทียบกันแบบข้อต่อข้อกันเลยดีกว่า
ยอดขายและพรีออเดอร์

1 สัปดาห์ก่อนวันวางจำหน่ายของ The Witcher 3 ทาง CDPR ได้มีการออกมาเปิดเผยว่าตัวเกมมียอดจองพรีออเดอร์ทั้งหมดกว่า 1 ล้านชุดด้วยกันซึ่งมันก็ถือว่าเยอะๆ หากเทียบกับตัวเกมที่มีต้นทุนในการพัฒนาที่ 81 ล้านเหรียญสหรัฐและจำนวนทีมงานที่มีเพียงแค่ 150 ในเวลานั้นและต่อมาในส่วนยอดจองของ Cyberpunk 2077 ก็เรียกได้ว่านำแบบไม่ทิ้งฝุ่นเกมก่อนหน้าที่ 8 ล้านชุดแต่ถึงแม้ว่ายอดจองของ Cyberpunk จะมากกว่า The Witcher อยู่หลายเท่าตัวแต่ก็อย่าลืมว่าในตอนนั้นทาง CDPR ก็เริ่มที่จะโด่งดังในวงการเกมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมจำนวนพนักงานที่มากกว่าเดิมที่ 500 คนซึ่งมันก็ส่วนสำคัญที่ทำให้ Cyberpunk มียอดจองที่สูงขนาดนี้
และนอกจากจำนวนยอดจองก่อนวันวางจำหน่ายของตัวเกม อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือยอดจำหน่ายเกมหลังวันเปิดตัว (หรือ Launch) ที่ยังคงเส้นคงวา โดยในกรณีของ The Witcher 3 มียอดขายที่ 4 ล้านชุดหลังจากที่เกมวางจำหน่ายไปแล้วสองอาทิตย์ และหลังจากที่ตัวเกมถูกนำไปวางขายบน Steam The Witcher 3 ก็ติดอันดับเกมขายดีที่สุดเป็นอันดับสามในปี 2015 ซึ่งมันก็เป็นรางวัลอันดับเดียวที่ Cyberpunk 2077 ได้รับในปี 2020 แซงหน้าเกมดังอย่าง CSGO และ Among US มาได้แถมมันก็ใช้เวลาเพียงแค่ 20 วันเท่านั้นในการแซงหน้าเกมรุ่นพี่กระแสดังในเวลานั้น
ด้านรีวิวและคำวิจารณ์

The Witcher 3 ในเวลานั้นก็ถือว่ามันเป็นเกมที่เข้ามาปฏิวัติวงการของเกม RPG ที่ได้ยกระดับของเกมแนวนี้ขึ้นไปอีกขั้น โดยในเวลานั้นค่ายเกมยักษ์ใหญ่ทั้ง Bioware และ Bethesda เลือกที่จะทำเกมของพวกเขาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นแต่สำหรับทาง CDPR พวกเขาเลือกที่จะยังคงความเป็นซี่รี่ส์ The Witcher ไว้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่มีความเข้มข้น รวมไปถึงเนื้อเรื่องที่แตกขนานได้หลานเส้นทาง และความด้วยความยอดเยี่ยมของมันนี้เองก็ทำให้ The Witcher 3 ได้กลายเป็นเกมที่สื่อหลายเจ้ายอมรับในฐานะ “หนึ่งในเกม RPG ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา” แถมมันยังเคยเป็นเกมที่ได้รับรางวัลมากที่สุดอีกด้วย (แต่ตอนนี้โดน TLOUS Part II ทำลายสถิติไปแล้ว)
ส่วนทางด้านของ Cyberpunk 2077 ก็อาจจะพูดได้ว่าเป็นหนังคนละม้วนเลยก็ว่าได้ เพราะในช่วงเปิดตัวสิ่งที่ผู้เล่นหลายๆ คนโฟกัสกันก็คือปัญหาในด้าน Performance ของเกมที่แย่จนน่าปวดหัว ไม่ว่าจะในกรณีของเครื่องคอนโซลยุคปัจจุบันทั้ง Xbox One และ PS4 ต่างมีปัญหาในการรันเกมทั้งคู่ไม่ต่างกัน แถมถ้าพูดถึงเรื่องคะแนนก็อาจพูดได้ว่าเลยว่ายับเยินกับคะแนนรวมเพียงแค่ 56/100 คะแนนบนเว็บไซต์ Metacritic สำหรับเวอร์ชั่นคอนโซล และความพังของมันก็หนักถึงขั้นที่ทาง Sony ต้องลงดาบถอนเกมออกจากร้านค้า PS Store หลังจากเกมออกวางขายได้แค่วันเดียว (ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ)
ด้าน Performance

การที่จะทำเกม Open World ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดต่างๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายซึ่งทั้ง The Witcher 3 และ Cyberpunk 2077 ก็ต่างประสบปัญหาในเรื่องของ Performance คล้ายๆ กันโดยตัวของ The Witcher 3 ในช่วงแรกที่เกมออกวางจำหน่ายตัวเกมมีปัญหาในการรักษา Frame Rate ที่จะดิ่งลงอย่างมากเมื่อผู้เล่นอยู่ในบริเวณที่มีจำนวน NPC หนาแน่น, ปัญหาเรื่อง Resolution ที่ไม่เสถียร รวมไปถึงบัคที่พบได้ภายในเควสต่างๆ ของเกม แต่ก็ถือว่ายังดีที่ทางทีมงานสามารถออก Day one Patch ขนาด 400 MB มาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้
และสำหรับ Cyberpunk 2077 เราก็คงจะทราบกันดีว่าตั้งแต่ช่วงที่เกมออกวางจำหน่ายจนถึงตอนนี้ ทางทีมงานก็มีการออก Patch มาแก้ไขเกมอยู่เรื่อยๆ ไม่ขาดสายเพราะการออก Patch ใหม่ในแต่ละครั้งก็มักจะมีปัญหาใหม่งอกออกมาอีกเสมอๆ อย่างล่าสุดที่มีการออก Patch 1.11 มันก็มีปัญหาใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจนทางทีมงานต้องรีบออก Hotfix ตามมาติดๆ หรือจะเป็นปัญหาเรื่องความปลอดภัยที่ทาง CDPR ได้ออกมาเตือนเหล่าผู้เล่นให้ระมัดระวังในการลง Mod แต่ละตัว เรียกได้ว่าปัญหาต่างๆ ในตอนนี้ก็ถาโถมเข้ามาเยอะจนน่าเห็นใจทีมงานเลยล่ะครับ
และจากที่กล่าวไปทั้งหมดถ้าเราลองมาเทียบกันดูแบบชัดๆ ในช่วงที่ทั้งสองเกมนี้วางจำหน่ายวันแรกมันก็มีปัญหาที่คล้ายๆ กันอยู่ในด้านของเรื่อง Performance ที่เกมทั้งสองนี้เจอเหมือนๆ กันจะต่างกันก็แค่ความพังของเกมใหม่ของพวกเขา ที่มีข้อผิดพลาดมากโข แสดงให้เห็นถึงความรีบได้อย่างชัดเจน แต่ถึงกระนั้นในตอนนี้เราก็หวังว่าทาง CDPR จะใช้เวลาในการขัดเกลาเกมใหม่ให้มากกว่านี้ เพื่อเป็นการออกมาล้างมลทินให้กับทางค่าบและเรียกความเชื่อมั่นของพวกเราให้กลับมาอีกครั้ง