
อดีตซีอีโอของ Nexon อย่าง Owen Mahoney ออกมาแสดงความเห็นแรงสะเทือนวงการ เมื่อระบุว่าอุตสาหกรรมเกมระดับ AAA กำลังเผชิญ “ช่วงปลายยุค” ที่ต้นทุนพุ่งสูง การพัฒนาใช้เวลานาน และค่ายเกมไม่กล้าเสี่ยงเหมือนเดิม พร้อมชี้ว่าเทคโนโลยี AI คือปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้วงการเกมเติบโตครั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้
อดีตซีอีโอ Nexon ชี้วงการ AAA กำลังทรุดหนัก
Mahoney ให้สัมภาษณ์กับสื่อ The Game Business โดยกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า กลุ่มเกม AAA กำลังเผชิญ “จุดสิ้นสุดเชิงโครงสร้าง” เพราะต้นทุนพัฒนาเพิ่มสูงจนเกินควบคุม ขณะที่วงรอบการสร้างเกมยาวขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ผู้บริหารค่ายใหญ่ต้องตัดสินใจอนุมัติโครงการใหม่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล เขายกตัวอย่างว่า หากบริษัทมูลค่า 23,000 ล้านดอลลาร์ตัดสินใจผิดพลาดเพียงหนึ่งโปรเจกต์ ก็ต้องอธิบายว่าทำไมเงินกว่า 300 ล้านดอลลาร์ (ราว 9,617 ล้านบาท) ถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า และหากผิดซ้ำอีกไม่กี่ครั้ง ผู้บริหารก็จะถูกกดดันจนแทบอยู่ในตำแหน่งต่อไม่ได้
นอกจากนี้แรงกดดันในระบบทำให้ผู้บริหารหันไปเลือกไอเดียปลอดภัย ส่งผลให้ Monster Hunter Wilds ก็ไม่อาจหลีกหนีปัญหาเชิงโครงสร้างของวงการได้ โดย Mahoney ชี้ว่าแรงกดดันลักษณะนี้ทำให้ค่ายเกมเลือกลงทุนเฉพาะแนวทางที่คุ้นเคย ส่งผลให้เกิดวงจรเดิมซ้ำ ๆ และไม่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์ แม้บางสตูดิโอจะมีชื่อเสียงหรือเคยสร้างผลงานโดดเด่นมาก่อน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำได้ดีเสมอไป เขาย้ำว่าบริษัทเกมคือ “กลุ่มคนที่เต็มไปด้วยแรงขับเชิงสร้างสรรค์” และความสำเร็จไม่ได้มาจากชื่อเสียงในอดีต แต่มาจากความตั้งใจและแรงบันดาลใจของทีมงานในปัจจุบัน
แม้เขาจะวิจารณ์สถานการณ์ AAA ว่าน่าเป็นห่วง แต่ Mahoney กลับมีมุมมองเชิงบวกต่ออนาคต โดยเฉพาะเรื่อง AI ที่ถูกใช้งานในกระบวนการผลิตเกมหลายส่วนแล้ว ตั้งแต่สร้างแอสเซ็ตไปจนถึงเครื่องมือทดสอบ เขามองว่า AI สามารถทำให้ทีมเล็กพัฒนาเกมได้เร็วขึ้น เปิดโอกาสให้เกิดรูปแบบการเล่นใหม่ ๆ และอาจสร้างการเติบโตครั้งใหญ่เหมือนยุคที่อินเทอร์เน็ตเข้ามาเปลี่ยนวงการเกม เขายังเชื่อว่าอุตสาหกรรมสามารถ “เติบโตเพิ่มเป็นสามเท่าใน 5–7 ปีข้างหน้า” พร้อมย้ำว่า ผู้เล่นยังคงต้องการคุณภาพเสมอ และ AI ก็เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยให้ครีเอเตอร์สร้างผลงานที่ดีขึ้น
ผู้อ่านล่ะครับคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับประเด็นนี้? อย่าลืมมาพูดคุยกันในเว็บไซต์ This is Game Thailand กันนะครับ







