เปิดบทสัมภาษณ์สุด Exclusive กับผู้พัฒนาเกม The Seven Deadly Sins: Origin
มาติดตามข้อมูลที่น่าสนใจจากคุณ Koo Do Hyung กันได้เลย

ศึกตำนาน 7 อัศวิน Origin (The Seven Deadly Sins: Origin) จะนำเสนอเรื่องราวมัลติเวิร์สที่เป็นต้นฉบับของเกมและเปิดโลกกว้างที่กว้างใหญ่ทั่วทวีปบริทาเนีย ให้ผู้เล่นได้สะสมอัศวินจาก ศึกตำนาน 7 อัศวิน เพื่อปรับแต่งสไตล์การต่อสู้และกำหนดการผจญภัยของตนเอง และในวันนี้ทีมงานได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณ Koo Do Hyung ตำแหน่ง Netmarble F&C Executive Producer (เกม ศึกตำนาน 7 อัศวิน Origin)
คุณ Koo Do Hyung ก่อตั้ง FunnyPaw บริษัทเกมสตาร์ตอัปในปี 2013 ร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย 4 คน FunnyPaw ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Netmarble ในปี 2014 และได้รับการแต่งตั้งเป็น Netmarble F&C ผู้พัฒนาเกมมือถือ RPG <The Seven Deadly Sins: GRAND CROSS>
เขาได้รับหน้าที่เป็น PD สำหรับเกมมือถือ RPG ‘SoulKing’ ในปี 2017 และเริ่มพัฒนาความเชี่ยวชาญในแนว RPG สะสม ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง เขาได้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ <The Seven Deadly Sins: GRAND CROSS> ประสบความสำเร็จทั่วโลก โดยมียอดดาวน์โหลดกว่า 70 ล้าน ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา เขาได้ทุ่มเทใช้ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเกม RPG แบบโอเพ่นเวิลด์ ‘ศึกตำนาน 7 อัศวิน Origin’ (The Seven Deadly Sins: Origin) ภาคต่อของ <The Seven Deadly Sins: GRAND CROSS> ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง
และบทความนี้จะพาคุณไปติดตามมุมมองที่น่าสนใจจากผู้พัฒนาโดยตรง เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ แนวคิด และเบื้องหลังการสร้างสรรค์เกมฟุตบอลภาคใหม่นี้กัน!
เปิดบทสัมภาษณ์ผู้พัฒนาเกม The Seven Deadly Sins: Origin

ทีมงาน TIG: ทางทีมออกแบบโลกเปิดของบริทาเนียอย่างไร เพื่อให้การสำรวจยังคงสดใหม่และน่าสนใจสำหรับผู้เล่น?
คุณ Koo Do Hyung: เนื่องจาก The Seven Deadly Sins: Origin เป็นเกม RPG โอเพ่นเวิลด์ จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้เล่นไม่เพียงแค่เดินตามเส้นทางที่กำหนดไว้เท่านั้น แต่จะได้ค้นพบเส้นทางของตนเอง พบกับสถานที่ใหม่ ๆ ในช่วงเวลาที่ไม่คาดคิด และสัมผัสประสบการณ์ความสนุกของการสำรวจได้อย่างแท้จริง
เราไม่เพียงแค่ปลุกดินแดนที่เคยถูกกล่าวถึงคร่าว ๆ หรือปรากฏอยู่ในฉากหลังของซีรีส์ต้นฉบับให้มีชีวิตขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังได้รวมถึงสถานที่ที่มีอยู่เพียงในตำนาน รวมไปถึงพื้นที่ใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับเกมนี้โดยเฉพาะอีกด้วย
สถานที่เหล่านี้ไม่ใช่แค่ฉากหลังให้เดินผ่านเท่านั้น แต่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความรู้สึกเซอร์ไพรส์และมหัศจรรย์เมื่อผู้เล่นบังเอิญพบระหว่างการผจญภัย แฟน ๆ ของภาคดั้งเดิมอาจจะบอกว่า ‘อ๋อ ที่นี่คือสถานที่ที่เคยถูกพูดถึงเมื่อก่อนนี่เอง!’ ขณะที่ผู้เล่นใหม่ก็จะได้เพลิดเพลินไปกับความตื่นเต้นเร้าใจในการสำรวจโลกที่ไม่คุ้นเคย
ขอสปอยล์เล็กน้อยนะครับ สัตว์พิเศษบางตัวจะพบได้เฉพาะในสภาพอากาศที่กำหนดหรือในบางช่วงเวลาในบางดินแดนเท่านั้น การสำรวจเกาะแต่ละเกาะอย่างละเอียดนั้น ผู้เล่นอาจจะได้พบและสะสมสิ่งมีชีวิตสุดพิเศษเหล่านี้ในแบบที่สุขใจและคาดไม่ถึง
ทีมงาน TIG: ทางทีมเคยพูดถึงระบบสัตว์เลี้ยงมาก่อนแล้ว ช่วยแบ่งปันเพิ่มเติมได้ไหมว่าสัตว์เลี้ยงจะส่งผลต่อการเล่นเกมหรือความก้าวหน้าของผู้เล่นอย่างไร?
คุณ Koo Do Hyung: ไม่ใช่ว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลกจะสามารถถูกฝึกให้เชื่องได้ แต่มีมอนสเตอร์บางชนิดเท่านั้นที่สามารถจับได้ระหว่างการเล่นเกม ผู้เล่นสามารถพบสัตว์หายากบางตัวได้ก็ต่อเมื่อผ่านเงื่อนไขพิเศษหรือสำรวจพื้นที่ลับ มอบความรู้สึกการค้นพบและความท้าทายที่มากกว่าการสะสมทั่วไป โดยผู้เล่นสามารถรับสัตว์ต่าง ๆ ได้จากกิจกรรมสำรวจต่าง ๆ เช่น การเอาชนะบอสฟีลด์ บอสดันเจี้ยน หรือการตกปลา
ในบรรดาสัตว์ที่ผู้เล่นได้รับมานั้น บางตัวอาจจะมีรูปร่าง สกิล และความสามารถพิเศษเฉพาะตัว พวกเขาไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมทางเท่านั้น แต่ยังเป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ที่สามารถส่งผลต่อการเล่นเกมและการตัดสินใจในการต่อสู้ได้อีกด้วย

ทีมงาน TIG: เนื่องจากเกมนี้ดำเนินเรื่องอยู่ในมัลติเวิร์ส ทางทีมมั่นใจได้อย่างไรว่าเรื่องราวจะเชื่อมโยงกันได้ดีสำหรับแฟนๆ ตัวยง ในขณะที่ยังเข้าถึงผู้เล่นใหม่ได้ด้วย?
คุณ Koo Do Hyung: The Seven Deadly Sins: Origin เกิดขึ้นระหว่างเหตุการณ์ใน The Seven Deadly Sins และ Four Knights of the Apocalypse แต่เรื่องราวจะดำเนินไปในจักรวาลคู่ขนานใหม่ที่เราได้สร้างขึ้น นั่นหมายความว่าเกมจะไม่ได้ดำเนินเรื่องต่อจากเนื้อเรื่องเดิมโดยตรง แต่ได้รับการออกแบบให้เป็นเรื่องราวอิสระที่ทุกคนสามารถดื่มด่ำได้อย่างเต็มที่ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ แฟน ๆ ที่ติดตามมานานจะสามารถค้นพบตัวละครและฉากที่คุ้นเคยในมุมมองใหม่ ขณะที่ผู้เล่นใหม่ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวที่สมบูรณ์และน่าติดตามได้ด้วยตนเอง
เราเลือกที่จะดำเนินเกมในช่วงเวลาระหว่าง The Seven Deadly Sins และ Four Knights of the Apocalypse เพราะเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่สะท้อนถึง ‘ช่องว่าง’ ที่น่าสนใจที่สุดในไทม์ไลน์ ช่วงเวลาที่แฟน ๆ ต่างสงสัยกันมาตลอด มีเรื่องราวมากมายที่ไม่เคยถูกเปิดเผยระหว่างตอนจบของ The Seven Deadly Sins และจุดเริ่มต้นของ Four Knights of the Apocalypse และเรารู้สึกว่าการสำรวจยุคที่กล่าวถึงนี้จะช่วยให้เราสามารถนำเสนอสิ่งที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกใหม่
ในขณะเดียวกัน เนื่องจากส่วนของไทม์ไลน์นี้ไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยหลักเกณฑ์ที่แน่นอน ทำให้เราได้รับอิสระในการสร้างสรรค์เพื่อขยายโลกด้วยการตีความและจินตนาการของเราเอง ซึ่งเป็นอีกเหตุผลที่สำคัญที่เราเลือกทิศทางนี้
ทีมงาน TIG: เกมยืนยันว่ารองรับภาษาไทยแล้ว ทีมงานเข้าถึงการแปลภาษาและการปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมของผู้เล่นชาวไทยอย่างไร?
คุณ Koo Do Hyung: ผมอยากจะบอกว่าเป้าหมายสูงสุดของเราคือการนำเสนอเกม RPG โอเพ่นเวิลด์ระดับโลกที่มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้เล่นโดยปราศจากข้อจำกัดด้านแพลตฟอร์ม ตั้งแต่ช่วงแรกของการพัฒนา ทุกแง่มุมของ The Seven Deadly Sins: Origin ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงตลาดโลกเป็นหลัก
อันดับแรก เรามุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์และการเข้าถึงแบบหลายแพลตฟอร์ม The Seven Deadly Sins: Origin กำลังได้รับการพัฒนาเพื่อวางจำหน่ายพร้อมกันบน PlayStation 5, พีซี (Steam), และมือถือ พร้อมรองรับการเล่นข้ามแพลตฟอร์มอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้ผู้เล่นสามารถไปต่อกับการผจญภัยได้อย่างราบรื่นบนอุปกรณ์ใดก็ได้ แถมยังรองรับ 13 ภาษา เพื่อให้ผู้เล่นทั่วโลกได้เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์เดียวกันโดยไม่มีกำแพงด้านภาษา นอกจากนี้ เรายังทำงานอย่างแข็งขันเพื่อสร้างการรับรู้ทั่วโลกสำหรับเกมนี้อีกด้วย
เพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณภาพและเพิ่มความคาดหวังของเกมก่อนเปิดตัว เราได้เข้าร่วมงานที่สำคัญระดับนานาชาติ เช่น Summer Game Fest, Gamescom ONL, และ Tokyo Game Show เพื่อให้ทุกคนได้เห็นเกมของเรา
ยิ่งไปกว่านั้น เรามุ่งมั่นที่จะสื่อสารและให้บริการอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ก่อนเปิดตัว เราจะรวบรวมความคิดเห็นจากผู้เล่นจากหลายภูมิภาคผ่านการทดสอบ CBT ทั่วโลก เพื่อยกระดับความสมบูรณ์และความสมดุลของเกมให้ดียิ่งขึ้น หลังจากเปิดตัว เราวางแผนที่จะอัปเดตเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นดินแดนใหม่, บทเนื้อเรื่องใหม่, ตัวละครใหม่, และคอนเทนต์บอสใหม่ อีกทั้งเรายังจะเพิ่มความท้าทายตามซีซั่นและคอนเทนต์แบบร่วมมือกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเล่นเกมที่ผู้เล่นสามารถเพลิดเพลินได้ในระยะยาว
สุดท้ายนี้ เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับคอมมิวนิตีทั่วโลก ผ่านช่องทางการ เช่น Discord และโซเชียลมีเดีย เราจะคอยรับฟังคำติชมของผู้เล่นอย่างต่อเนื่องและนำมาปรับใช้กับอัปเดตในอนาคตอย่างจริงจัง พร้อมพัฒนา Origin ไปด้วยกัน เราตั้งตารอวันที่เราจะได้พบกับผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลกในดินแดนบริทาเนีย

ทีมงาน TIG: ระบบ Endgame ของเกมจะเป็นอย่างไร ผู้เล่นหลังจบเนื้อเรื่องจะมีเป้าหมายให้ทำอะไรต่อบ้าง?
คุณ Koo Do Hyung: ในช่วง Endgame ผู้เล่นจะไม่เพียงแต่เน้นไปที่การเพิ่มพลังการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับลักษณะและรูปแบบการเล่นของอัศวินแต่ละตัวผ่านวงจรการเติบโตพัฒนาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
หลังจากเสร็จสิ้นเนื้อเรื่องหลักแล้ว ผู้เล่นจะได้ท้าทายคอนเทนต์บอสที่มีระดับความยากสูง และใช้วัตถุดิบต่าง ๆ ที่ได้รับจากการต่อสู้มาคราฟอุปกรณ์และปรับแต่งเอฟเฟกต์เซต เพื่อสร้างกระบวนการความคืบหน้าหลัก
ในแต่ละรอบ ผู้เล่นจะได้รับวัตถุดิบเพิ่มพลังขั้นสูงผ่านการท้าทายบอสและคอนเทนต์เรด พร้อมมีส่วนร่วมในกิจกรรมโอเพ่นเวิลด์ เช่น มิชชันภาคสนามรายวัน, การรวบรวม, การคราฟ, และการเข้าร่วมกิจกรรม
ตลอดสิ่งนี้ ผู้เล่นจะค่อย ๆ พัฒนาตัวละครของตนเองให้สมบูรณ์แบบและตั้งเป้าหมายใหม่ ๆ ไว้กับคอนเทนต์ ‘ท้าทายบอส’ ที่จะได้รับการอัปเดตเป็นประจำ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ แก่นแท้ของช่วงท้ายเกมไม่ได้อยู่ที่ความซ้ำซาก แต่อยู่ที่การทดลองสร้างบิลด์และจัดอุปกรณ์รูปแบบใหม่ ๆ พร้อมค่อย ๆ สัมผัสถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
The Seven Deadly Sins: Origin คือเกมแนวแอ็กชั่น RPG แบบโอเพ่นเวิลด์ (Openworld) ที่สร้างขึ้นจากซีรีส์มังงะและอนิเมะยอดฮิต The Seven Deadly Sins ซึ่งมียอดขายรวมทั่วโลกมากกว่า 55 ล้านเล่ม ตัวเกมจะพาผู้เล่นดำดิ่งสู่โลกของ Britannia ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงามตามต้นฉบับอนิเมะ โดยในเกมนี้ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็น “เจ้าชายทริสตัน” แห่งอาณาจักรลิโอเนส ที่ต้องออกเดินทางเพื่อฟื้นฟูความสงบให้กับโลกที่ถูกปั่นป่วนจากเหตุการณ์ลึกลับเกี่ยวกับการชนกันของกาลเวลาและมิติต่าง ๆ





