[สัมภาษณ์พิเศษ] เผยเบื้องหลังเกมใหม่กับโปรดิวเซอร์ Dragon Quest VII Reimagined

ปีหน้าขอบอกเลยว่าผู้เล่นสาย JRPG จะต้องฟินกันเป็นพิเศษเพราะนอกจากจะเป็นการครบรอบ 40 ปีของแฟรนไชส์ผู้กล้าแล้ว ภาคที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกันก็กำลังจะได้รับการพัฒนาใหม่ด้วยในชื่อ Dragon Quest VII Reimagined ที่ไม่นานมานี้ พวกเรา ThisIsGame Thailand ก็ได้รับโอกาสจาก Square Enix Asia และ BANDAI NAMCO Entertainment Asia ในการพูดคุยกับคุณ Takeshi Ichikawa โปรดิวเซอร์เพื่อเจาะลึกเบื้องหลัง เรียกน้ำย่อยและเตรียมความพร้อมก่อนวางจำหน่ายจริงด้วย แต่จะมีอะไรน่าสนใจบ้างขอเชิญติดตามข้างล่างนี้

• พูดถึงคำว่า “Reimagined” แล้ว… มันคือการตีความใหม่ใช่ไหมครับ? เมื่อได้ความหมายของคำมา ก็หมายความว่าต้องเพิ่มหรือลดบางอย่างออกไป แล้วคุณ Yuji Horii ได้ให้ความเห็นอย่างไรบ้างไหมครับ?

เหตุผลที่เราเลือกใช้คำว่า Reimagined เป็นเพราะเราได้ประเมินสถานะของเกม และปรับปรุงใหม่เพื่อให้เข้าถึงผู้เล่นในวงกว้างขึ้น เราคุยกับคุณ Yuji และได้รับการอนุมัติเรียบร้อย ซึ่งทีมงานก็ต้องการให้แน่ใจว่าแฟนเกมจะไม่คิดว่ามันเป็นแค่รีเมค แต่เป็นการจินตนาการใหม่จากที่เคยเป็น ถึงอย่างนั้นก็ตามก็ยังสามารถมองว่าเป็นรีเมคได้ เป้าหมายคือการคงพื้นฐานเดิมไว้ แต่เพิ่มเติมเข้าไป

สำหรับทิศทางโดยรวมมีการพูดคุยกับคุณ Yuji และนำเสนอไอเดียเพื่อให้ตรวจสอบก่อนด้วย ถ้าเทียบกับสมัยปี 2000 ทีมพัฒนาในยุคนั้นอาจคิดว่า ยิ่งเกมยาวยิ่งดี แต่อย่าลืมว่า Dragon Quest VII เป็นเกมที่มีเนื้อหาเยอะมาก ในยุคนี้แนวทางพัฒนาแบบเก่าอาจไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นมองหาอีกต่อไปแล้ว

• ในส่วนของเนื้อเรื่องเองก็ถูกปรับให้ “เป็นเส้นตรงและเข้าใจง่าย – Streamlined Progression” ช่วยอธิบายในส่วนนี้หน่อยได้ไหมครับ?

ขอไม่พูดเรื่องความเปลี่ยนแปลงแค่ในเนื้อเรื่องนะครับเพื่อที่จะกันเรื่องสปอยล์นะครับ (หัวเราะ) Streamlined Progression ยังหมายถึงจังหวะการเล่นโดยรวมด้วย ดังนั้นจึงอยากพูดถึงการปรับเรื่องการต่อสู้แทน วิสัยทัศน์ของเราคืออยากให้มันรวดเร็วขึ้น แต่ก็ยังมีโอกาสใช้เวลาในการวางกลยุทธ์สู้บอส คุณสามารถเปลี่ยนความเร็วการต่อสู้และใช้ระบบ Auto Battle ได้ แถมยังบวกกับศัตรูตั้งแต่ตอนที่เห็นบนฉากได้เลย แบบนี้เป็นต้น

• ความรู้สึกในการเล่นจะมีความแตกต่างกับประสบการณ์ต้นฉบับอย่างไรบ้างครับ?

ในแง่ของความแตกต่างวิธีการเล่าเรื่องในเวอร์ชันดั้งเดิมถูกสร้างขึ้นจากเรื่องสั้นหลายเรื่องที่เรียงซ้อนกันเป็นชุดๆ แต่สำหรับ Dragon Quest VII Reimagined จะเปลี่ยนลำดับของการเล่าเรื่องจากฉบับเดิม เพื่อเสริมความลื่นไหล เราได้คัดเลือกโครงเรื่องหลักที่มีความเกี่ยวข้องกับหัวใจหลักในเกมไว้ และบางส่วนจะเป็นเควสต์เสริมที่คุณจะพบได้ในเกม อย่างที่คุณเห็นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Kiefer จะถูกนำเสนอในเวอร์ชันที่เป็นผู้ใหญ่ ซึ่งนี่เป็นส่วนใหม่ที่เรายังไม่ได้พูดถึงมาก่อน

• ในเกมภาคต้นฉบับบนเครื่องเล่น PlayStation 1 เราจะพบว่า แม้ Aishe เป็นส่วนหนึ่งของปาร์ตี้ แต่เธอก็ปรากฏตัวหลังเนื้อหาช่วง Wetlock เลย ดังนั้นถือว่าเป็นเรื่องยากและท้าทายอย่างไรที่จะเพิ่มเธอเข้ามาในเกมตั้งแต่ช่วงแรก?

ก็อย่างที่บอกกันเมื่อกี้ว่ามีการเปลี่ยนการเล่าเรื่อง เราหยิบเอาเนื้อหาในทุกๆ ฉากมาพิจารณากันว่าแต่ละส่วนควรเกิดขึ้นเมื่อไรครับบ้าง ถ้าถามว่ายากไหม ก็มีความรู้สึกท้าทายอยู่บ้างจริงๆ ครับ เพราะจะต้องทำให้รู้สึกเหมือนเกมต้นฉบับด้วย และขณะเดียวกันความรู้สึกเดิมๆ จะต้องไม่กลบฝังของใหม่ที่เพิ่มเข้ามา

• อยากให้คุณ Takeshi อธิบายเกี่ยวกับระบบ Moonlighting เพิ่มเติมสักหน่อยครับ?

การเปลี่ยนแปลงคือการสลับอาชีพที่ทำได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่คุณต้องไปยังสถานที่เฉพาะที่เรียกว่า Alltrades Abbey แต่ตอนนี้คุณสามารถทำได้จากเมนูในเกมเลย ส่วนนี้ก็เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ปรับปรุง QoL ที่ทำให้เปลี่ยนได้สะดวกกว่าเดิม ขณะเดียวกันเมื่อเราแก้ไขส่วนนี้ปุ๊บ ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ทดลองอาชีพและสไตล์ต่างๆ มากมาย คุณสามารถมีตัวละครโจมตีสองตัว เปลี่ยนทีมเป็นเครื่องจักรสังหาร หรือจะมีสายซัพอรรถประโยชน์ก็ได้

• ก่อนหน้านี้ Vocation ในเกม Dragon Quest VII เคยเป็นสิ่งที่ดูยุ่งยากมาก พอภาค Reimagined เพิ่มระบบ Moonlighting เข้ามา ก็ทำให้ Vocation สามารถติดตั้งได้สองอย่างพร้อมกันและยังปรับได้รวดเร็วทันใจเลย ทีมงานทำการดัดแปลงอย่างไรเพื่อให้ระบบสามารถใช้งานได้โดยไม่รู้สึกว่าบาลานซ์ของเกมเสียหาย?

ใช่ครับ เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะเราอยากให้ผู้เล่นรู้สึกแฮปปี้กับการหาแนวทางการเล่นและยังเลือกปรับได้อย่างไม่จำกัดเลย และในส่วนของเวทมนตร์เองก็ถูกแก้บาลานซ์ใหม่ เป้าหมายคือทำให้แต่ละอย่างมีเอกลักษณ์ โครงสร้างระบบการต่อสู้ใหม่ถูกเปลี่ยนทั้งระบบ ทุกคนจะสังเกตเห็นได้ครับ

• ทีมงานได้นำไอเดียหรือระบบจากเกมภาคอื่นอย่าง XI และภาครีเมคมาบ้างไหม?

เราพยายามที่จะออกแบบเกมในแบบที่เป็นของตัวเอง เลยไม่ได้นำองค์ประกอบใดจากภาคอื่นมา แต่ก็พยายามฟังฟีดแบ็กของผู้เล่นว่าชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง จากนั้นจึงนำมาปรับใช้กันน่ะครับ

• ในเรื่องของ QoL เรื่องการตามหาแผ่นหินเปิดแผนที่เราจะเห็นว่าทำออกมาได้เรียบง่ายขึ้นทีเดียว ช่วยบอกเล่าเบื้องหลังสักหน่อยได้ไหมครับ

ก่อนหน้านี้ครับ เวอร์ชัน 3DS เคยได้รับฟีดแบ็กเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย จึงเป็นสิ่งที่เราต้องการแก้ไขมากๆ เพื่อที่ผู้เล่นจะไม่หลงทางได้ง่าย และยังสามารถเดินเรื่องได้อย่างเป็นเส้นทางในขณะที่ยังมีอิสระในการกำหนดจังหวะการเล่นของตัวเองพร้อมๆ กัน

• แรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดแนวกราฟิกรูปแบบนี้คืออะไรครับ?

ขอเรียกว่า ‘งานฝีมือ’ เลยนะ! พวกเราพยายามทำให้ตรงกับสไตล์ต้นฉบับที่ถูกออกแบบมาให้เป็นลักษณะ SD อย่างที่อาจารย์ Akira Toriyama ได้ออกแบบ ซึ่งถ้าสังเกต ภาคนี้มีความแตกครับที่อาร์ตเวิร์กต้นฉบับก็เป็นตัวละครไซส์จิ๋วกันอยู่แล้ว เลยลงตัวที่ว่าทำให้พวกเขาดูเหมือนตุ๊กตากันดีกว่า

• ขั้นตอนในการทำงานของแผนที่รูปแบบไดโอรามาเป็นอย่างไรบ้างครับ?

ขออธิบายส่วนแรกเลยว่าตัวละครเป็นตุ๊กตาจริงๆ ที่เราประดิษฐ์ขึ้นด้วยมือ จากนั้นก็สแกนเข้ามาเป็นโมเดลครับ ส่วนฉากหลังเป็น​ CGI ล้วนเลยครับ ซึ่งก็พยายามทำให้เหมือนกับแบบจำลองเพราะว่าเกมนี้มีมุมกล้องจากมุมสูง เลยอยากให้รู้สึกว่าเป็นการมองจากด้านบนคล้ายกำลังเล่นของเล่นครับ พอออกมาจริงก็เข้ากันมากเลย

• ท้ายที่สุด ทีมงานรู้สึกอย่างไรบ้างครับในห้วงเวลาอีกไม่กี่เดือนที่เหลือก่อนวางจำหน่ายเกม

มั่นใจครับ พวกเรามั่นใจมากๆ ทางผู้พัฒนาทุกคนได้เพิ่มและเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างไปเยอะมาก และรู้สึกตื่นเต้นที่แฟนเกมจะได้ลองสัมผัสประสบการณ์ใน Dragon Quest VII Reimagined เพราะว่าสิ่งที่ทำออกมานั้นมันเป็นอะไรที่น่าภูมิใจทีเดียว

• ฝากข้อความทิ้งท้ายให้แฟนเกมหน่อยนะครับ

ขอบคุณแฟนเกมและผู้เล่นในภูมิภาคเอเชียที่ให้การสนับสนุนและตั้งหน้าตั้งตารอนะครับ Dragon Quest VII Reimagined ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อผู้เล่นในยุคใหม่ด้วยองค์ประกอบมากมายที่ช่วยในการเข้าถึงและทำให้สนุกได้แม้เวลาผ่านมานาน แต่ขณะเดียวกันสำหรับผู้เล่นเดิมก็จะรู้สึกเซอร์ไพรส์กับหลายต่อหลายสิ่งอย่างแน่นอน

เกี่ยวกับ Dragon Quest VII Reimagined

เกมแนว JRPG ที่ได้รับการรีเมคใหม่จากภาค Fragments of the Forgotten Past เรื่องราวของเกมนี้เกี่ยวข้องกับอาณาจักร Estard และผู้กล้าของเราได้เดินทางไปยังโลกอดีตเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่ยึดบ้านเกิดในโลกปัจจุบันไปนั่นเอง ถือว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจไม่น้อยเข้ากับเมคานิกการเดินทางข้ามเวลา พร้อมเพิ่มคอนเทนต์เนื้อเรื่องใหม่ เควสต์ใหม่ มินิเกมใหม่ และระบบต่อสู้ที่มีความเป็นไดนามิกมากขึ้นนั่นเองครับ

ตัวเกมเปิดให้เล่นบน PlayStation 5, Xbox Series X|S, Nintendo Switch 2 เช่นเดียวกับ Nintendo Switch รุ่นแรก และ PC ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2026