ผู้พัฒนาเกม 72% ชี้ Steam ผูกขาดตลาดเกม PC
แม้รายได้ส่วนใหญ่มาจาก Steam แต่ไม่มีทางเลือกอื่น จำใจต้องอยู่ต่อ
ผลสำรวจล่าสุดชี้ให้เห็นถึงความกังวลของผู้พัฒนาเกมทั่วสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรต่ออิทธิพลของแพลตฟอร์ม Steam ที่มีต่อวงการเกม PC โดยกว่า 72% ของผู้บริหารบริษัทเกมมองว่า Steam อยู่ในสถานะ “ผูกขาดตลาด” แม้จะยังไม่เข้าเกณฑ์ทางกฎหมายก็ตาม สะท้อนให้เห็นถึงการพึ่งพาระบบร้านค้าออนไลน์ของ Valve ที่มากเกินไปในยุคปัจจุบัน
Steam ครองตลาดเกม PC อย่างเหนือชั้น
ข้อมูลจากการสำรวจผู้บริหารกว่า 300 รายที่จัดทำโดย Atomik Research ในนามของบริษัท Rokky เผยว่า 88% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีรายได้อย่างน้อย 75% จากการขายบน Steam และกว่า 37% ระบุว่ารายได้มากถึง 90% ของบริษัทมาจากแพลตฟอร์มนี้เพียงช่องทางเดียว ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สะท้อนการพึ่งพาอย่างหนักของผู้พัฒนาเกมต่อร้านค้าออนไลน์ของ Valve
ในปัจจุบัน Steam ยังคงเป็นแพลตฟอร์มจำหน่ายเกม PC ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีผู้ใช้งานพร้อมกันสูงสุดทะลุ 41 ล้านคน แม้บริษัทใหญ่อย่าง EA, Ubisoft หรือแม้แต่ Microsoft จะพยายามดึงเกมของตนออกจาก Steam เพื่อสร้างแพลตฟอร์มของตัวเอง แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาจำหน่ายบน Steam อีกครั้ง เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงยึดติดกับการซื้อเกมผ่านช่องทางนี้เป็นหลัก
ถึงอย่างนั้น Steam ก็ไม่ได้ควบคุมตลาดทั้งหมด เพราะยังมีคู่แข่งอย่าง Epic Games Store, Windows Store และ GOG ที่พยายามแข่งขันด้วยกลยุทธ์ลดค่าธรรมเนียมและแจกเกมฟรี ขณะที่บางเกมยอดนิยม เช่น Fortnite, Minecraft, League of Legends และ World of Warcraft ก็ไม่ได้วางจำหน่ายบน Steam แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม Steam ก็เคยถูกกล่าวหาว่าใช้อิทธิพลในตลาดเพื่อควบคุมราคาขายเกม โดยเฉพาะคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มจาก Wolfire Games ที่ระบุว่า Valve เก็บส่วนแบ่งรายได้ 30% และขัดขวางไม่ให้ผู้พัฒนาเกมปรับราคาถูกกว่าบนแพลตฟอร์มอื่น
นอกจากประเด็น Steam แล้ว ผลสำรวจยังเผยความท้าทายอื่นของตลาดเกม PC เช่น การเติบโตของเกมฟรีอย่าง Fortnite, DOTA 2, Counter-Strike 2, Call of Duty: Warzone และ Roblox ซึ่งผู้ตอบกว่า 40% มองว่าเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายเกมแบบพรีเมียม อีกทั้งยังมีความกังวลเรื่อง “ความอิ่มตัวของตลาด” และ “การค้นพบเกมใหม่ ๆ” เนื่องจากมีเกมเปิดตัวมากกว่าหลายพันเกมบน Steam ทุกปี
แม้ Steam จะยังไม่ถูกจัดว่าเป็น “การผูกขาด” ในเชิงกฎหมาย แต่ความจริงที่ว่าผู้พัฒนาเกมส่วนใหญ่แทบไม่สามารถละทิ้งแพลตฟอร์มนี้ได้ ก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดเกม PC อาจกำลังเผชิญการกระจุกตัวของอำนาจทางธุรกิจ และคำถามสำคัญคือ ในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีใครสามารถท้าทายอำนาจของ Steam ได้จริงหรือไม่? ผู้อ่านล่ะครับคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับประเด็นนี้? อย่าลืมมาพูดคุยกันในเว็บไซต์ This is Game Thailand กันนะครับ
