5 ความประทับใจจากการทดลองเล่นเกม Crimson Desert
อีกหนึ่งเกม RPG ระดับบิ๊กที่มาพร้อมรายละเอียดที่สมจริงโดนใจ

Crimson Desert คือเกมแอ็กชั่นผจญภัยแบบ Open World ที่พัฒนาด้วยเกมเอนจิ้นจาก Pearl Abyss ที่มีชื่อว่า BlackSpace Engine โดยเรื่องราวในเกมนี้เกิดขึ้นในทวีปไพเวลอันกว้างใหญ่ เล่าถึงเรื่องราวการเดินทางของ Kliff และกลุ่มเกรย์เมนน์ สหายของเขา โดยโปรเจกต์ Crimson Desert มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโดยมี Executive Producer คิม แดอิลเป็นศูนย์กลาง โดยมีการผสมผสานความสนุกสนานของเกมแนวแอ็กชั่นผจญภัยแบบ Open World ที่มีเรื่องราวที่หลากหลายและแอ็กชั่นที่เข้มข้น โดยได้พิจารณาว่านี่คือโปรเจกต์ระดับโลกมาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน และต้องการที่จะมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ยอดเยี่ยมให้แก่ผู้เล่นทั่วโลก
โดยในเกมเวอร์ชั่นที่ผู้เขียนได้ทดลองเล่นในงาน gamescom asia x Thailand Game Show 2025 นี้ ผู้เล่นจะได้เริ่มต้นกลางสนามรบอันดุเดือดและได้ดำเนินเรื่องราวหลักในตอนที่ตัวเอกอย่าง Kliff และสมาชิกกลุ่มเกรย์เมนน์ได้ตกลงไปในกับดักของศัตรูคู่อาฆาต Black Bear และได้กระจัดกระจายกันไปหลังจากจบการต่อสู้อันดุเดือด หลังจากนั้น Kliff ก็ผจญภัยไปทั่วทวีปไพเวลเพื่อตามหาเหล่าสหายที่กระจัดกระจายไป และเมื่อเขาได้ยินข่าวคราวของสหายที่ชื่อว่า Oongka เขาจึงมุ่งหน้าไปยัง Calphade
อย่างไรก็ตามสถานที่ที่ Kliff มาตามหาร่องรอยของสหายกลับกำลังถูก Black Bear รุกรานอยู่ โดยสถานการณ์ของสงครามคือ Cassius Morten รองหัวหน้าของ Stefan Lanford ซึ่งเป็นเจ้าเมือง Calphade ได้ก่อกบฏขึ้นและกำลังจะพ่ายแพ้
โดยผู้เล่นจะได้รับหน้าที่เพื่อพลิกกระดานสงคราม เช่น ระเบิดฐานทัพของกลุ่ม Black Bear เพื่อช่วยเหลือทหาร Calphade ในสงครามและปิดกั้นเส้นทางขนส่งเสบียงของศัตรู ภายในสถานการณ์ที่คับขันนี้ ผู้เล่นจะได้พบกับสหายที่พลัดพรากและต้องกำจัด Cassius Morten ผู้ริเริ่มการก่อกบฏที่ทำให้เกียรติยศของ Calphade ต้องเสื่อมเสีย
และในตอนนี้ผู้เขียนได้ออกผจญภัยไปกับ Kliff เพื่อตามหา Oongka และประมือกับ Cassius Morten อย่างดุเดือดแล้ว และเราก็ไม่พลาดที่จะนำความประทับใจในการทดลองเล่นในครั้งนี้มาบอกเล่าให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ
อนึ่งความเห็นในการพรีวิวนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคล และการพรีวิวนี้เกิดขึ้นในช่วงตัวเกมยังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ประสบการณ์การเล่นเกมที่ได้รับของแต่ละคนอาจมีความแตกต่างกันเมื่อวางจำหน่ายจริง
ความประทับใจที่ 1 – กราฟิกสวยสะกดตา จัดเต็มด้วยรายละเอียดจนแทบหยุดมองไม่ได้

สิ่งแรกที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกเซอร์ไพรส์ตั้งแต่วินาทีที่จับจอยก็คือ กราฟิกของเกมที่สวยงามและละเอียดเกินคาด ทุกองค์ประกอบภายในฉากถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ทั้งสภาพแวดล้อม แสงเงา และเท็กซ์เจอร์ที่คมชัดจนต้องหยุดมอง โดยเฉพาะพื้นที่ที่กว้างขวางไกลสุดลูกหูลูกตาแต่ยังคงความสวยงามได้แบบจัดเต็ม ความใส่ใจในรายละเอียดทำให้โลกของเกมมีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง ยิ่งเล่นยิ่งรู้สึกหลงใหลไปกับบรรยากาศและเอฟเฟกต์สุดอลังการที่ปล่อยออกมาแทบทุกจังหวะการต่อสู้ ผู้เขียนกล้าการันตีเลยว่า หากคุณเป็นคนที่หลงใหลในกราฟิกสวย ๆ หรือชื่นชอบฉากต่อสู้ที่จัดเต็มด้วยเอฟเฟกต์สุดตระการตา เกมนี้จะทำให้คุณประทับใจตั้งแต่วินาทีแรกแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่น่าทึ่งไม่แพ้กันคือ “ความลื่นไหล” ของตัวเกม ตลอดการทดลองเล่นในครั้งนี้ผู้เขียนไม่พบอาการกระตุกหรือเฟรมเรตตกให้เสียอารมณ์เลย ซึ่งถือว่าน่าประทับใจมากเมื่อเทียบกับคุณภาพกราฟิกที่จัดเต็มขนาดนี้ ทั้งหมดนี้ต้องยกเครดิตให้ทีมพัฒนาที่เลือกใช้เอนจิ้นที่ถูกสร้างขึ้นเฉพาะสำหรับเกมนี้ ทำให้สามารถควบคุมการใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมอบประสบการณ์ภาพที่ทั้ง “งดงาม” และ “ลื่นไหล” ได้อย่างลงตัวที่สุด
ความประทับใจที่ 2 – รายละเอียดที่สมจริงจนเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของเกม

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในความสมจริงของเกมแนว RPG โลกกว้าง เกมนี้จะทำให้คุณประทับใจตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สัมผัส เพราะระหว่างการเล่นเดโม ผู้เขียนรู้สึกได้ถึง “ชีวิต” ที่ถูกใส่ลงไปในทุกองค์ประกอบของเกม ไม่ว่าจะเป็น NPC ที่แต่ละคนมีบุคลิกเฉพาะตัวอย่างชัดเจน เด็กขอทานที่วิ่งเข้ามาขอตังค์เมื่อเราเดินผ่าน หรือเหล่าทหารและชาวเมืองที่มีท่าทางและพฤติกรรมแตกต่างกันไป ทำให้โลกของเกมเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และให้ความรู้สึกเหมือนเราได้หลุดเข้าไปอยู่ในอีกจักรวาลหนึ่งจริง ๆ
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนทึ่งยิ่งกว่านั้น คือความละเอียดระดับไมโครที่ทีมพัฒนาใส่เข้าไปใน “กลไกการเล่น” ของเกม แม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ อย่างการพูดคุยกับ NPC ที่ต้องยืนหันหน้าเข้าหากันเท่านั้นถึงจะคุยได้ หรือการที่ตัวละครไม่สามารถขี่ม้าได้หากกำลังถือธงขนาดใหญ่ รวมไปถึงระบบฟิสิกส์สมจริงของการยิงปืนใหญ่ ที่ผู้เล่นต้องคำนวณแรงโน้มถ่วงเพื่อหามุมยิงที่แม่นยำ และยังมีรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างสกิลโจมตีจากบนฟ้าที่ “ไม่สามารถใช้ได้” หากอยู่ในอาคาร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการออกแบบที่ใส่ใจและสมจริงในทุกแง่มุม
โดยรวมแล้ว เกมนี้ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่มอบประสบการณ์ “สมจริงแบบจัดเต็ม” ผู้เขียนเชื่อว่าผู้เล่นอาจต้องใช้เวลาเรียนรู้ระบบอยู่บ้างในช่วงแรก แต่เมื่อเข้าใจและเริ่มอินกับโลกของมันแล้ว รับรองเลยว่าเกมนี้จะดูดเวลาชีวิตคุณไปโดยไม่รู้ตัวอย่างแน่นอน
ความประทับใจที่ 3 – เกมเพลย์สุดเดือด ที่จะท้าทายสัญชาตญาณนักสู้ในตัวคุณ

ต้องยอมรับเลยว่าในตอนแรก ผู้เขียนเข้าใจว่าเกมนี้น่าจะเป็นเกมแอ็กชันทั่วไปที่เน้นความมันเป็นหลัก แต่พอได้ลองเล่นจริง ๆ ถึงกับต้องเปลี่ยนความคิดในทันที เพราะนี่คือ “เกมแอ็กชั่นระดับฮาร์ดคอร์ของแท้” ที่พร้อมจะทดสอบทั้งฝีมือ ความอดทน และสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของผู้เล่นอย่างเต็มขั้น
ตั้งแต่ฉากแรกของการต่อสู้ เกมก็โยนเราเข้าสู่สนามรบที่เต็มไปด้วยศัตรูจำนวนมาก เสียงระเบิดดังสนั่น ความวุ่นวายรอบตัว และการต้องบุกเข้าไปกลางวงล้อมด้วยตัวคนเดียว มันทั้งตื่นเต้นและกดดันในเวลาเดียวกัน บางครั้งศัตรูดูเหมือนจะเป็นแค่ทหารชั้นผู้น้อย การโจมตีไม่แรงมากนัก แต่เมื่อพวกมันรวมตัวกันจำนวนมาก ก็ทำให้ผู้เล่นกระอักเลือดได้เหมือนกัน ผู้เขียนเองถึงกับต้องเปลี่ยนกลยุทธ์จากการบวกตรง ๆ มาเป็นการถอยออกมาก่อนแล้วค่อยสวนกลับอย่างมีจังหวะ เพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์สุดระทึกเหล่านั้น
และเมื่อถึงเวลาต้องเจอกับ “บอสใหญ่” ความท้าทายก็ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น เพราะบอสนี้ไม่ได้แค่ถึกหรือโจมตีแรงเท่านั้น แต่ยังมีแพทเทิร์นการต่อสู้ที่ซับซ้อนจนต้องอาศัยทั้งไหวพริบและการสังเกตอย่างแม่นยำ การต่อสู้กับพวกมันจึงไม่ต่างจากการเต้นรำกับความตาย ทุกจังหวะที่พลาดหมายถึงหายนะ แต่ทุกครั้งที่เราอ่านทางและสวนกลับได้สำเร็จ ก็จะเกิดความรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก ทำให้โดยรวมแล้วเกมนี้ไม่ใช่แอ็กชั่นแบบ “วิ่งฟันมัน ๆ สไตล์ Hack ‘n Slash” ทั่วไป แต่คือสนามฝึกทักษะการต่อสู้ที่แท้จริง ที่จะผลักให้ผู้เล่นต้องคิด วางแผน และเรียนรู้จากทุกการพลาด เพื่อกลายเป็นนักรบที่แกร่งขึ้นในทุก ๆ ศึกที่จะต้องเผชิญ
ความประทับใจที่ 4 – การผสมผสานเกมเพลย์แอ็กชั่นเข้ากับไฟติ้ง ยกระดับความมันส์แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

ถ้าใครเคยสงสัยว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเอาระบบคอมโบแบบเกมไฟติ้งมาผสมกับเกมแอ็กชั่น?” เกมนี้คือคำตอบที่ชัดเจนและน่าทึ่งที่สุดเท่าที่ผู้เขียนเคยเจอมาเลยก็ว่าได้ เพราะภายในเกม ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับระบบควบคุมที่เน้นการ “ผสมปุ่ม” เพื่อสร้างคอมโบโจมตีที่แตกต่างกันออกไป ไม่ใช่แค่การกดปุ่มเดียวเพื่อปล่อยสกิลแบบเกมแอ็กชั่นทั่วไป แต่เป็นการผสมปุ่มอย่างเช่น “กดวงกลม + สามเหลี่ยม” เพื่อทุ่มศัตรู หรือ “กระโดดแล้วยิงธนูกลางอากาศ” ก่อนจะกด R1 รัว ๆ เพื่อปล่อยลูกธนูต่อเนื่องจนศัตรูแทบไม่มีโอกาสตอบโต้ ความรู้สึกตอนที่คอมโบเข้าจังหวะเป๊ะ ๆ นั้นบอกได้เลยว่า “สะใจสุด ๆ”
แม้ตอนแรกผู้เขียนจะรู้สึกงงเล็กน้อยกับระบบควบคุมที่ต้องแอบซับซ้อนและต้องอาศัยการฝึกฝนให้เกิดความเคยชิน แต่พอเริ่มจับจังหวะได้แล้ว ความมันก็พุ่งทะลุเพดานทันที ความรู้สึกเหมือนได้สนุกไปกับจังหวะการต่อสู้ที่เราสร้างขึ้นเอง ทุกครั้งที่ผสมปุ่มสำเร็จจนเกิดคอมโบรัว ๆ ใส่ศัตรู มันให้ความรู้สึกทั้งเท่ ทั้งทรงพลัง และสนุกจนวางจอยไม่ลง
สิ่งนี้เองที่ทำให้เกมนี้โดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะมันเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ “โชว์สไตล์การต่อสู้ของตัวเอง” อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นสายบู๊ลุยแหลกหรือสายเทคนิคเน้นจังหวะ ทุกคนสามารถสร้างคอมโบในแบบของตัวเองได้หมด ผู้เขียนมั่นใจว่าเมื่อเกมตัวเต็มวางจำหน่าย เราจะได้เห็นคลิปการต่อสู้สุดมันจากผู้เล่นทั่วโลกที่โชว์ฝีมือการคอมโบในแบบเฉพาะตัวกันอย่างแน่นอน
ความประทับใจที่ 5 – การผจญภัยในโลกกว้างสุดเข้มข้นและบอสไฟต์สุดมัน

การผจญภัยในโลกอันกว้างใหญ่ของเกมนี้มอบประสบการณ์ที่ทั้งอิสระและท้าทายอย่างมาก โดยผู้เขียนรู้สึกประทับใจตั้งแต่ช่วงแรกที่ได้ออกเดินทางในแผนที่ขนาดมหึมา ที่มีภารกิจบุกทำลายหอคอยของศัตรูให้ผู้เล่นได้ทำ แต่ผู้เล่นไม่จำเป็นที่จะต้องวิ่งตรง ๆ ไปทำตอนนั้นก็ได้ อาจจะวิ่งเล่นไล่หวดศัตรูก่อนก็ได้เช่นกัน รวมไปถึงการออกสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ที่เปิดกว้างให้ผู้เล่นเลือกเส้นทางได้ตามใจชอบ จะขี่ม้าบุกตะลุยตรงเข้าไป หรือใช้พลัง “Crow” เหาะข้ามภูเขาเพื่อเข้าประชิดจากมุมสูงก็ทำได้อย่างอิสระ และในระหว่างการต่อสู้กับเหล่าทหารศัตรู เกมยังมอบทางเลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่การโจมตีระยะประชิด ไปจนถึงการใช้ลูกธนูพิเศษโจมตีระยะไกลที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง จุดนี้เองที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกตื่นเต้นและเพลิดเพลินไปกับระบบต่อสู้ได้ไม่รู้เบื่อ
ส่วนการต่อสู้กับบอสก็เรียกได้ว่าเข้มข้นและน่าจดจำไม่แพ้กัน เพราะทุกครั้งที่เข้าสู่สนามประลองแบบ 1 ต่อ 1 เกมจะบังคับให้ผู้เล่นต้องเรียนรู้รูปแบบการโจมตีของบอสและตอบโต้กลับอย่างชาญฉลาด ระบบ “Stagger” ที่เมื่อเราทำให้บอสชะงักได้ จะเปิดโอกาสให้ใช้ท่าไม้ตายสุดทรงพลังโจมตีสวนกลับ ถือเป็นกลไกที่เพิ่มอารมณ์เร้าใจให้กับการต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกิมมิกที่ผู้เล่นสามารถยกเสาที่ล้มอยู่ขึ้นมาฟาดใส่บอสได้ ซึ่งสร้างความสะใจและความรู้สึกถึงพลังการโจมตีที่แท้จริง ถึงอย่างนั้น บอสในเกมนี้ก็ไม่ใช่ศัตรูที่เอาชนะได้ง่าย ๆ เพราะนอกจากพลังโจมตีที่รุนแรงแล้ว ยังมีท่าฟื้นฟูพลังตัวเองอีกด้วย ทำให้ผู้เล่นต้องจับจังหวะให้แม่น รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหลบหรือสวนกลับ การต่อสู้แต่ละครั้งจึงเต็มไปด้วยความกดดัน สนุก และท้าทายจนหยุดเล่นไม่ได้
จากการที่ผู้เขียนได้ทดลองเล่นเกมนี้ก็บอกได้เลยว่าเกมนี้โดนใจสายแอ็กชั่นฮาร์ดคอร์อย่างแน่นอน และผู้เขียนคงจะเป็นหนึ่งในนั้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ และถ้าหากใครสนใจเกมนี้ก็เตรียมตัวไว้ได้เลยเพราะเกมนี้มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 20 มีนาคม 2026 บนพีซี, PS5 และ Xbox Series ครับ
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของเกมได้ที่นี่ : https://crimsondesert.pearlabyss.com
ผู้อ่านคนใดต้องการติดตามรีวิว / พรีวิวเกมอื่น ๆ ของ This Is Game Thailand ก็สามารถมาได้ที่นี่ครับ >>>คลิก<<<







