Caviar เปิดตัว iPhone 17 Pro รุ่นพิเศษจำกัดเพียง 19 เครื่อง
ปรับแต่งด้วยไทเทเนียมเกรดพิเศษ

Caviar ได้เปิดตัวคอลเลคชั่น Victory สำหรับ iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max อย่างเป็นทางการ โดยนำเสนอดีไซน์ที่แตกต่างกัน 5 แบบ ได้แก่ Magma, Onyx, Polar, Adamant และ Ultramarine ซึ่งแต่ละดีไซน์สะท้อนถึงบุคลิกภาพแห่งความเป็นผู้นำและอำนาจที่โดดเด่น คอลเลคชั่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความพิเศษเหนือระดับ โดยผลิตจำกัดเพียง 19 เครื่องต่อดีไซน์เท่านั้น
ทั้ง iPhone 17 Pro และ Pro Max ในคอลเลคชั่นนี้ ใช้โครงสร้างตัวเครื่องจากไทเทเนียมเกรดอวกาศที่แข็งแกร่งเทียบเท่ายานอวกาศ พร้อมเสริมด้วยโลหะพิเศษเพื่อความทนทานสูงสุด การตกแต่งเน้นวัสดุพรีเมียม เช่น หนังจระเข้ หนังลูกวัว และหนัง Epsom จาก Hermès ชั้นนำ โดยเคลือบผิวด้วยเทคนิค PVD ขั้นสูงเพื่อเพิ่มมิติและความหรูหราให้กับรูปลักษณ์โดยรวม ทำให้แต่ละเครื่องไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟน แต่เป็นผลงานศิลปะที่สวมใส่ได้จริง
Victory Magma โดดเด่นด้วยไทเทเนียมสีดำสนิทผสานสีส้มสดใสและหนังจระเข้ สร้างแรงบันดาลใจจากพลังงานดุเดือดของภูเขาไฟ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มั่นใจและมีเสน่ห์โดดเด่น ส่วน Victory Onyx เน้นความมินิมอลด้วยไทเทเนียมขัดเงาและหนังลูกวัวสีดำ เส้นสายเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ออกแบบสำหรับนักธุรกิจที่จริงจังกับการวางกลยุทธ์และประสิทธิภาพการทำงาน

สำหรับ Victory Polar ใช้หนังจระเข้สีขาวคู่กับไทเทเนียมแกะลาย Guilloché ละเอียดอ่อน สร้างความสมดุลระหว่างความบริสุทธิ์และความแข็งแกร่ง ดูสะอาดตาและสง่างาม Victory Adamant ผสานเหล็กเคลือบ PVD สีน้ำตาลเข้มกับหนัง Hermès สะท้อนบุคลิกที่เด็ดเดี่ยวและไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ ขณะที่ Victory Ultramarine เน้นหนังสีน้ำเงินสดใสกับไทเทเนียมเงาวับ เพื่อขับเน้นความมุ่งมั่นและสง่าราศีที่แท้จริง
นอกจากตัวเครื่อง ทุกดีไซน์ยังมาพร้อมกล่องที่ออกแบบใหม่รวมเหรียญสะสมพิเศษและกุญแจชุบทองคำ 24 กะรัตจาก Caviar เพื่อยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ผู้ซื้อจะได้รับความรู้สึกเหมือนเป็นนักสะสมของหายากชิ้นหนึ่งในคอลเลคชั่นที่ถูกสร้างสรรค์ด้วยมืออย่างพิถีพิถัน
Caviar เปิดให้สั่งซื้อ iPhone 17 Pro ในคอลเลคชั่น Victory ผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการแล้ว โดยราคาเริ่มต้นที่ 10,060 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 325,200 บาท) สำหรับ Victory Ultramarine, 10,200 ดอลลาร์ส (ราว 329,700 บาท) สำหรับ Onyx และ Polar, 10,490 ดอลลาร์ส (ราว 339,100 บาท) สำหรับ Adamant และสูงสุดที่ 10,630 ดอลลาร์ส (ราว 343,600 บาท) สำหรับ Magma ซึ่งราคาเหล่านี้สะท้อนถึงคุณค่าของวัสดุหายากและการผลิตแบบจำกัดที่หาไม่ได้จากที่ไหน