Innosilicon เปิดตัว Fenghua No.3 GPU แบบ RISC-V รุ่นใหม่
รองรับ Ray Tracing 112GB HBM และ DICOM

Innosilicon Technology บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จากจีน ได้เปิดตัว Fenghua No.3 GPU เรือธงตัวล่าสุดในซีรีส์ Fenghua (แปลว่า Fantasy) ซึ่งเป็นการก้าวกระโดดสำคัญจากรุ่นก่อนหน้า ตามรายงานจาก ITHome GPU ตัวนี้พัฒนาขึ้นเพื่อความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี โดยเลิกใช้ IP PowerVR จาก Imagination Technologies หันมาใช้สถาปัตยกรรม RISC-V แบบโอเพ่นซอร์สแทน ซึ่งอิงจากโปรเจกต์ Nanhu V3 ของ OpenCore Institute
ตัวแทนบริษัทเผยในงานเปิดตัวว่า Fenghua No.3 เป็นการออกแบบทั้งหมดจากภายในประเทศ โดยยังไม่เปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคเชิงลึก แต่ยืนยันความเข้ากันได้กับแพลตฟอร์ม CUDA ของ Nvidia ซึ่งหากเป็นจริงจะช่วยให้ GPU นี้เข้าถึงซอฟต์แวร์จำนวนมากได้ง่ายขึ้น GPU นี้ถูกออกแบบให้เป็น all-function GPU สำหรับหลากหลายงาน ตั้งแต่ AI การคำนวณทางวิทยาศาสตร์ CAD การถ่ายภาพทางการแพทย์ ไปจนถึงการเล่นเกม คาดว่าจะมีเวอร์ชันย่อยสำหรับแต่ละภาคส่วน
ในมุมมองของการเล่นเกม Fenghua No.3 สนับสนุน API ล่าสุดอย่าง DirectX 12, Vulkan 1.2 และ OpenGL 4.6 รวมถึง ray tracing แบบฮาร์ดแวร์ ทีมงานได้สาธิตการรันเกม Tomb Raider, Delta Force และ Valorant ในงานแถลงข่าว โดยอ้างว่ามีประสิทธิภาพลื่นไหล อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลเรื่องการตั้งค่าเกม ความละเอียด หรือเฟรมเรทจริง ทำให้ต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวัง

สำหรับงาน AI Fenghua No.3 มาพร้อมหน่วยความจำ HBM กว่า 112GB ทำให้เหมาะสำหรับโมเดลขนาดใหญ่ โดย GPU เดี่ยวจัดการ LLM 32B และ 72B พารามิเตอร์ได้ ขณะที่ 8 ตัวรวมกันรองรับ 671B และ 685B พารามิเตอร์ บริษัทอ้างว่ารองรับโมเดล DeepSeek V3, R1, V3.1 รวมถึงตระกูล Qwen 2.5 และ Qwen 3 โดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังรวม RISC-V CPU บนการ์ดเดียวกัน เพื่อการประมวลผลแบบครบวงจร
Fenghua No.3 ยังเด่นด้วยการเป็น GPU แรกของจีนที่รองรับรูปแบบ YUV444 สำหรับสีที่ละเอียดและแม่นยำ เหมาะกับงาน CAD อุตสาหกรรมและตัดต่อวิดีโอ รวมถึงรองรับจอ 8K (7680×4320) สูงสุด 6 จอที่ 30Hz ที่สำคัญคือเป็น GPU ตัวแรกในโลกที่รองรับ DICOM มาตรฐานทางการแพทย์โดยตรง ช่วยให้แสดงภาพ X-ray, MRI, CT scan และอัลตราซาวด์ได้แม่นยำบนจอทั่วไป โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษราคาแพง
อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แม้ยังไม่สามารถแข่งขันกับสหรัฐฯ ได้ในเร็ววัน แต่เป้าหมายหลักคือความพึ่งพาตนเองในเทคโนโลยีสำคัญ