
iPhone Air ความหนาเพียง 5.6 มม. ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่บางที่สุดของ Apple ผ่านการทดสอบความทนทานสุดโหดจาก Zack Nelson หรือ JerryRigEverything โดยผลลัพธ์ยืนยันว่าเครื่องนี้แข็งแกร่งเกินคาด ช่วยขจัดความกังวลเกี่ยวกับ Bendgate 2.0 ที่เคยเกิดกับ iPhone 6 Plus เมื่อหลายปีก่อน
ในการทดสอบรอยขีดข่วน Ceramic Shield 2 ของ iPhone Air แสดงความแข็งแกร่งน่าประทับใจ โดยแทบไม่มีรอยที่ระดับ 7 ของ Mohs scale ซึ่ง Zack กล่าวติดตลกว่า “Apple ทำลายประโยคเด็ดของผม” เพราะกระจกทั่วไปมักเริ่มมีรอยที่ระดับ 6 แต่ Ceramic Shield 2 เหนือกว่า Gorilla Armor 2 ของ Galaxy S25 Ultra ที่มีรอยขีดข่วนที่ระดับ 6 ในการทดสอบเดียวกันเมื่อต้นปี
อย่างไรก็ตาม iPhone Air ยังมีจุดอ่อนด้านเคลือบกันแสงสะท้อน Apple อ้างว่าใช้การเคลือบที่ออกแบบโดย Apple เพื่อลดแสงสะท้อน แต่เมื่อเทียบกับ Galaxy S24 Ultra ที่เก่ากว่าสองปี การลดแสงสะท้อนของ iPhone Air ยังทำได้ไม่ดีนักในสภาพแสงจ้า ทำให้เสียเปรียบในด้านนี้
สำหรับการทดสอบงอ iPhone Air ใช้โครงสร้างไทเทเนียมเกรด 5 ซึ่ง Apple ระบุว่ามีความแข็งแกร่งกว่าอะลูมิเนียมสองเท่าและยืดหยุ่นกว่า 60% ในการทดสอบครั้งแรก Zack ใช้แรงกดจากด้านหลังด้วยสองนิ้วโป้ง แต่เครื่องแทบไม่ขยับ เมื่อลองกดจากด้านหน้า แม้จะเห็นการโค้งงอน้อย ๆ แต่เครื่องก็คืนรูปตรงเหมือนตอนแกะกล่องตามคำกล่าวของ Zack
เพื่อทดสอบขีดสุด Zack ใช้เครื่องชั่งเครนกดแรงที่กึ่งกลาง iPhone Air ซึ่งทนแรงได้ถึง 216 ปอนด์ (~98 กก.) ก่อนที่กระจกหน้าจะแตกและโครงไทเทเนียมจะเสียรูปถาวร น่าประหลาดใจที่กระจกด้านหลังไม่เสียหาย และยังใช้งานได้ปกติ ผลนี้ยืนยันว่า iPhone Air ทนต่ออุบัติเหตุทั่วไป เช่น การนั่งทับ โดย Zack กล่าวว่า “กางเกงของคุณคงขาดก่อนที่ iPhone Air จะพัง”
ผลการทดสอบนี้พิสูจน์ว่า iPhone Air ไม่เพียงแค่บางเฉียบ แต่ยังแข็งแกร่งเกินคาด แม้จะยังตามหลัง Samsung ในด้านเคลือบกันแสงสะท้อน แต่ความทนทานของ Ceramic Shield 2 และโครงไทเทเนียมทำให้ iPhone Air เป็นตัวเลือกที่วางใจได้สำหรับผู้ใช้ที่กังวลเรื่องความแข็งแรง