คอนโซล / พีซีสกู๊ปพิเศษเกม

7 เหตุผลที่ทำให้เราไม่ว้าวกับเกม Open World ยุคปัจจุบัน

สมัยก่อนว้าว แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่างเปล่ากว่าที่คิด

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน ในยุคหนึ่ง เกม Open World เคยเป็นเหมือนดินแดนมหัศจรรย์ที่ทำให้เราตื่นเต้นเสมอ โลกกว้างใหญ่เต็มไปด้วยสิ่งใหม่ให้ค้นหา ทุกก้าวที่เดินคือความตื่นเต้นใหม่ ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เสน่ห์เหล่านั้นกลับเริ่มจางหาย หลายเกมแม้จะมีแผนที่ใหญ่และภาพสวยกว่าเดิม แต่ความรู้สึก “ว้าว” กลับลดลงอย่างน่าประหลาด ราวกับว่าโลกกว้างตรงหน้าเป็นเพียงฉากสวย ๆ ที่ไร้ชีวิต และกิจกรรมในนั้นก็ชวนให้เบื่อมากกว่าจะสนุก บทความนี้เราจะมาดูกันว่า อะไรคือ 7 ปัจจัยที่ทำให้เกม Open World ในยุคปัจจุบันไม่สามารถมัดใจเราได้เหมือนเมื่อก่อนครับ

1. โลกใหม่แต่คอนเทนต์เก่า ทำให้รู้สึกเบื่อ

7 เหตุผลที่ทำให้เราไม่ว้าวกับเกม Open World ยุคปัจจุบัน


แม้เกม Open World ยุคปัจจุบันจะนำเสนอโลกใหม่ที่สวยงามและกว้างใหญ่กว่าเดิม แต่ปัญหาที่พบได้เหมือนเดิมบ่อย ๆ คือ “คอนเทนต์เก่า” ที่ผู้เล่นคุ้นชินกันมานาน ไม่ว่าจะเป็นเควสต์ปราบศัตรู เก็บไอเทม ส่งของ หรือการทำภารกิจย่อยซ้ำ ๆ จนกลายเป็นงานบ้านมากกว่าการผจญภัย เมื่อผู้เล่นเดินเข้าเมืองใหม่หรือภูมิภาคใหม่ แต่กลับเจอกิจกรรมที่แทบไม่ต่างจากพื้นที่ก่อนหน้า หรือเอาจริง ๆ คือไม่ต่างจากเกมที่เพิ่งเล่นไปก่อนหน้านั้น ความรู้สึกตื่นเต้นในการสำรวจจึงค่อย ๆ หายไป เหลือเพียงความรู้สึกว่ากำลังทำสิ่งเดิมในฉากที่ต่างออกไปเฉย ๆ ทำให้โลกที่ควรสดใหม่กลับกลายเป็นน่าเบื่อเร็วกว่าที่ควรครับ

2. สูตรสำเร็จที่ลอกกันมา ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์

7 เหตุผลที่ทำให้เราไม่ว้าวกับเกม Open World ยุคปัจจุบัน


หนึ่งในปัญหาหลักของเกม Open World ยุคนี้คือการใช้ “สูตรสำเร็จ” ที่ถูกลอกและปรับใช้กันซ้ำจนกลายเป็นมาตรฐานสากลของเกมแนวนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นที่สูงเพื่อเปิดแมพ เก็บชิ้นส่วนเพื่อปลดล็อกอาวุธหรือปริศนาบางอย่าง หรือการทำเควสต์ที่โครงสร้างเหมือนกันแทบทุกเกม สิ่งเหล่านี้แม้จะทำให้ผู้เล่นคุ้นเคยและเข้าใจระบบได้ง่ายก็จริง แต่ก็ทำให้ขาดความรู้สึกเซอร์ไพรส์ เพราะสามารถคาดเดาได้ว่าขั้นตอนต่อไปต้องทำอะไร โลกที่เคยมีเสน่ห์จากความไม่รู้และความท้าทาย กลับกลายเป็นสนามเล่นที่เดินตามรอยเกมรุ่นพี่ จนความตื่นเต้นและความสดใหม่ค่อย ๆ หายไปครับ

3. ปริมาณมากกว่าคุณภาพ เสียเวลาเพิ่มแต่ไม่ดีต่อใจ

7 เหตุผลที่ทำให้เราไม่ว้าวกับเกม Open World ยุคปัจจุบัน


หลายเกม Open World ในปัจจุบันเลือกที่จะขยายแผนที่ให้ใหญ่ขึ้นและใส่ภารกิจจำนวนมากเพื่อให้ผู้เล่นรู้สึกว่ามีคอนเทนต์ให้ทำเยอะ แต่กลับมองข้ามคุณภาพของภารกิจเหล่านั้น กิจกรรมหลายอย่างจึงกลายเป็นงานซ้ำ ๆ ที่ไม่ได้สร้างความประทับใจ หรือไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องหลัก และไม่ได้มีแรงดึงดูดให้อยากรู้เควสต์ย่อยเหล่านี้ บางครั้งการต้องวิ่งข้ามแมพไปทำภารกิจเล็กน้อยกลับใช้เวลามากกว่าความสนุกที่ได้รับ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกเหนื่อยและหมดแรงจูงใจที่จะสำรวจต่อ แทนที่โลกกว้างจะดึงดูดให้เราใช้เวลาในเกมอย่างเพลิดเพลิน กลับกลายเป็นภาระที่ต้อง “เคลียร์ให้หมด” มากกว่าจะเล่นเพราะอยากสนุกครับ

4. เมืองดูสวยแต่ไร้จิตวิญญาณ

7 เหตุผลที่ทำให้เราไม่ว้าวกับเกม Open World ยุคปัจจุบัน


แม้เมืองในเกม Open World ยุคปัจจุบันจะถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม เต็มไปด้วยรายละเอียดของอาคาร ถนน และแสงสีที่สมจริง เรื่อง Texture ต่าง ๆ ของเกมแค่ดูก็รู้ว่ามันสวยมาก แต่เมื่อได้ใช้เวลาอยู่ในนั้นกลับพบว่ามัน “ไร้ชีวิต” NPC ส่วนใหญ่เดินวนหรือทำท่าทางซ้ำ ๆ โดยไม่มีปฏิสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผู้เล่น หรือกับโลกโดยรอบ การกระทำของเรามักไม่ส่งผลต่อวิถีชีวิตของพวกเขา ทำให้เมืองดูเหมือนฉากถ่ายทำที่ถูกจัดวางอย่างดี แต่ไม่ใช่ชุมชนที่มีเรื่องราวจริง ๆ ความสวยงามเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกผูกพันหรืออยากกลับมาเยี่ยมชมอีกครั้งครับ

5. เสี่ยงเจอบัคจากการเร่งผลิตของผู้พัฒนา

7 เหตุผลที่ทำให้เราไม่ว้าวกับเกม Open World ยุคปัจจุบัน


ในยุคที่การแข่งขันสูงและตารางวางจำหน่ายเกมถูกกำหนดตายตัว ผู้พัฒนาหลายทีมต้องเร่งปิดโปรเจกต์ให้ทันเวลา ส่งผลให้บางครั้งเกม Open World ถูกปล่อยออกมาพร้อมบัคหรือปัญหาทางเทคนิคที่รบกวนประสบการณ์การเล่น ไม่ว่าจะเป็นการติดฉาก โมเดลวัตถุผิดตำแหน่ง ภารกิจไม่ทำงาน หรือเฟรมเรตตกอย่างหนัก ปัญหาเหล่านี้ยิ่งชัดเจนในเกมที่มีแมพขนาดใหญ่และระบบซับซ้อน เพราะยิ่งเร่งพัฒนา ยิ่งมีโอกาสที่รายละเอียดเล็ก ๆ จะถูกมองข้าม ผลลัพธ์คือผู้เล่นรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็น “ผู้ทดสอบเกม” มากกว่าผู้เล่นจริง ๆ ทำให้ความสนุกถูกกลบด้วยความหงุดหงิดนั่นเองครับ

6. ผู้เล่นเคยชินกับเกมแนวนี้ เลยไม่ตื่นเต้นอีกต่อไป

7 เหตุผลที่ทำให้เราไม่ว้าวกับเกม Open World ยุคปัจจุบัน


เมื่อสิบกว่าปีก่อน เกม Open World เป็นนวัตกรรมที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้เล่นทั่วโลก เพราะเราไม่เคยมีอิสระในการสำรวจหรือทำอะไรก็ได้ในโลกเสมือนจริงมาก่อน แต่ปัจจุบัน เกมแนวนี้ได้กลายเป็นเรื่องปกติ จนผู้เล่นส่วนใหญ่ “ชิน” กับรูปแบบการเล่นและองค์ประกอบที่เคยทำให้ว้าว ความรู้สึกประหลาดใจเมื่อค้นพบสถานที่ใหม่หรือเจอระบบที่ไม่คาดคิด จึงค่อย ๆ ลดลง อีกทั้งการที่หลายเกมมีโครงสร้างคล้ายกัน ก็ยิ่งทำให้ความตื่นเต้นหายไปเร็ว ผู้เล่นบางคนถึงขั้นมองว่า Open World เป็นเพียง “แนวเกมทั่วไป” ไม่ใช่ประสบการณ์พิเศษอีกต่อไปครับ

7. ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่ได้สนุกกับการสำรวจอีกแล้ว

7 เหตุผลที่ทำให้เราไม่ว้าวกับเกม Open World ยุคปัจจุบัน


หนึ่งในเสน่ห์ใหญ่ของเกม Open World คือความสนุกจากการออกสำรวจโลกกว้างด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ในยุคปัจจุบัน ผู้เล่นจำนวนมากกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นอีกต่อไป ส่วนหนึ่งเพราะเกมมักวางจุดหมายหรือรางวัลไว้อย่างชัดเจนในแมพ ทำให้การสำรวจไม่ใช่เรื่องของการค้นพบ แต่เป็นการ “ทำเช็กลิสต์” ให้ครบตามที่เกมกำหนด นอกจากนี้ เมื่อเนื้อหาในแต่ละพื้นที่ไม่หลากหลายหรือไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวหลัก ผู้เล่นก็ยิ่งข้ามการสำรวจไปมุ่งตรงสู่ภารกิจสำคัญแทน ผลลัพธ์คือโลกที่กว้างใหญ่ แต่กลับมีเพียงไม่กี่มุมที่เราอยากใช้เวลาอยู่กับมันจริง ๆ นั่นเอง

สรุปแล้ว แม้เกม Open World ยุคปัจจุบันจะมีโลกใหญ่ขึ้น ภาพสวยขึ้น และระบบซับซ้อนขึ้น แต่หลายปัจจัยทำให้ความรู้สึกว้าวค่อย ๆ จางลง ตั้งแต่คอนเทนต์ซ้ำซาก สูตรสำเร็จที่ลอกกันมา จนถึงโลกที่ดูสวยแต่ไร้ชีวิต รวมถึงผู้เล่นที่ชินกับรูปแบบเกมเหล่านี้ การสำรวจไม่ใช่ความสนุกอีกต่อไป บทเรียนสำหรับผู้พัฒนาคือ การสร้างประสบการณ์ที่มีคุณภาพและเต็มไปด้วยชีวิตจริง ๆ ถึงจะดึงผู้เล่นกลับมาสู่โลก Open World ได้อีกครั้งครับ

ที่มา
actusessentiallysportswallpapersredditsteamscreenrantgamingbolt

Jou Thunder

Content Creator สายเกมที่อยากทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ โปรดติดตามช่อง youtube.com/@JouThunder
Back to top button