PS5SwitchXBOXคอนโซล / พีซีพีซีรีวิวรีวิว / พรีวิวเกม

[รีวิว] Gradius Origins บันทึกความทรงจำของเกมจรวดที่ไม่มีวันตาย

คอลเลกชันรวมแบบพิกเซลเพอร์เฟกต์ เล่นแน่นๆ 7 เกมรวด และมีเกมใหม่ด้วย

หมายเหตุ: บทความรีวิวนี้อ้างอิงการเล่นเกมจากเครื่องเล่น Nintendo Switch ผู้เล่นอาจได้รับประสบการณ์และความรู้สึกที่แตกต่างกันตามแพลตฟอร์ม

Konami ไม่ใช่เพียงแค่ผู้พัฒนาที่ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวกับทั้งดราม่าและเสียงชมแบบรถไฟเหาะ แต่ถ้าเราว่าตามตรงแล้วพวกเขามีประสบการณ์ในตลาดมามากกว่า 50 ปี และสำหรับเกม Gradius ผลงานอาร์เคดสไตล์ยิงจรวดก็ขึ้นหลักสี่แล้วด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อชุดคลาสสิกทั้ง Castlevania, Metal Gear Solid ไปจนถึงชุดอาร์เคด ได้ออกมาเล่นกันแล้ว แน่นอนว่าปีนี้ก็คือโอกาสดีที่จะถึงคิวของ Gradius กันบ้าง

ทำความรู้จักกันก่อนว่า Gradius เป็นหนึ่งในเกมอาร์เคดยุคแรกๆ ที่นำเสนอรูปแบบ Shoot ’em Up ที่เราจะต้องรับบทเป็น Vic Viper เจ้าของยานเพื่อปกป้องสันติสุขของจักรวาล โดยมุมกล้องจะฉายเป็นแบบ Side-scrolling ซึ่งแตกต่างจากเกมอื่นในตลาดที่ให้เรายิงกระสุนขึ้นด้านบนแบบ Top-down และเกมนี้เองก็ได้ต่อยอดภาคใหม่ๆ มาเรื่อยๆ แถมยังมีสปินออฟชื่อสุดเก๋ว่า SALAMANDER ชูโรงกับมุมกล้องปรับขึ้นด้านบนในบางช่วง และฟังก์ชัน Co-op ที่ใหม่มากๆ ในสมัยนั้น ยังไม่รวม Paradius เกมล้อเลียนสุดฮาที่ Konami ทำมาเองอีก!

รวมฮิตเกมยิง Gradius ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นถึง 18 เวอร์ชัน

แม้จะมีเกมให้เล่นทั้งหมด 7 เกม แบ่งเป็น 6 เกมเก่า และ 1 เกมใหม่ที่เราจะมาพูดถึงในช่วงถัดๆ ไป ทว่าเกมมาพร้อมกับการแบ่งออกเป็น 18 เวอร์ชันที่มีความแตกต่างกันไป โดยขอโฟกัสไปที่เกมหลักก่อน ผู้เล่นจะได้พบกับไตรภาคหลัก Gradius 1 – 3 ที่มัดรวมไว้ด้วยกัน พร้อมด้วย SALAMANDER 1 – 2 และ Life Force ที่เป็นการอัปเกรดเกม Salamander ภาคแรก ทั้งหมดได้รับการจำลองมาอย่างเป็นระเบียบเลือกได้จากหน้าเมนูเลยครับ

เมื่อมาถึงตอนนี้หลายคนอาจสงสัยว่าแล้ว 18 เวอร์ชันที่พูดถึงมันคืออะไร คำตอบก็คือเราสามารถเลือกเวอร์ชันได้ว่าจะเป็นเกมตัวอังกฤษยุโรป, อังกฤษสหรัฐอเมริกา หรือญี่ปุ่นก็ได้ ซึ่งแต่ละเกมจะมีเวอร์ชันไม่เท่ากัน บางเกมอาจจะไม่ได้เคยแปลภาษามาก่อนตรงนี้ไม่มีการแปลใหม่ คาดว่าเพราะทีมงานต้องการคงสภาพเกมเวอร์ชันต้นฉบับเอาไว้นั่นเอง เช่น Salamander 2 ซึ่งรู้สึกเสียดายแต่ก็ไม่ได้ติดใจนักเพราะเมื่อเราเข้าเกมก็ไม่มีอินโทรอะไรมากมาย เราทำหน้าที่ยิงกันให้อีกฝ่ายราบคาบแค่นั้น และหน้าหลักก็มีการเอ่ยคำเกริ่นเรื่องไว้ด้วยจึงทำความเข้าใจได้ง่ายครับ

[รีวิว] Gradius Origins บันทึกความทรงจำของเกมจรวดที่ไม่มีวันตาย

ความพิเศษของการเลือกเวอร์ชันเหล่านี้ ไม่ได้เป็นแค่การอำนวยความสะดวกสำหรับคนอยากอ่านเนื้อเรื่องตามภาษาต่างๆ และจุดนี้ฟังดูแล้วอาจเป็นสิ่งที่เล็กไปเลยก็ได้ แต่ของเด็ดจริงๆ คือ Gradius Origins รวมเกมเวอร์ชันที่เป็นเหมือน Prototype (Early / Old) ที่เกมเมอร์มากกว่า 80% อาจไม่เคยได้มีโอกาสสัมผัสมาก่อน ได้เห็นว่ากว่าเกมภาคดังจะถูกพัฒนาออกมานั้น ได้มีการปรับเปลี่ยนอะไรไปบ้าง นี่คือการสนองเนิร์ดอย่างแท้จริงครับ

[รีวิว] Gradius Origins บันทึกความทรงจำของเกมจรวดที่ไม่มีวันตาย

พิกเซลเพอร์เฟกต์ แต่ยังเข้าถึงได้ง่าย

ทุกเกมได้ถูกนำมารวมกันให้เราได้เล่นกันแบบที่เรียกว่าพิกเซลเพอร์เฟกต์ และภาพเองก็ไม่ยืดออก แต่จะแสดงผลตามสัดส่วนที่ควรจะเป็นในเวอร์ชันต้นฉบับเลย แถมยังปรับภาพ CRT Filter ให้เหมือนกับการเล่นแบบจอแก้วสมัยก่อนได้ด้วย และแน่นอนว่าพวกบั๊คต่างๆ อยู่ครบ แต่แบบคุณผู้อ่านเองก็น่าจะทราบดีว่าเกมยุคนั้นเราแทบจะไม่ได้เห็นบั๊คเป็นเรื่องใหญ่ด้วยซ้ำเพราะซิกเนเจอร์ความเป็นเกมเกมนั้นมันแข็งกว่าจนมอบความสนุกให้เราได้เต็มที่ ฟังดูโรแมนติไซส์แต่มั่นใจได้ว่าประสบการณ์การเล่นราบรื่น ถ้าเราไม่ได้ไปทำอะไรหวือหวาหรือบังคับให้มันมีบั๊คออกมา เราเล่นได้สบายๆ จนจบสะดวกโยธินครับ

[รีวิว] Gradius Origins บันทึกความทรงจำของเกมจรวดที่ไม่มีวันตาย

ความเข้าถึงง่ายที่เพิ่มเข้ามาก็คือ QoL ต่างๆ เช่นระบบเซฟโหลดแบบ State ทำให้เราเซฟก่อนถึงบอสหรือจุดที่คิดว่าจะยากลำบากได้ ถ้าเกิดพลาดปุ๊บก็กดโหลดได้เลย หรือจะใช้ฟังก์ชัน Rewind คล้ายกับพวกคอลเลกชันเกมเรโทรอื่นๆ อย่าง Nintendo Switch Online ก็ไม่มีปัญหา และผู้เล่นยุคใหม่ที่กลัวจะมีเทคนิคสู้เหล่าพี่ๆ เด็กหนวดไม่ไหว ยังสามารถปรับโหมดง่าย เปิดป๊อกไม่จำกัด (ใช้คำเสียแก่) หรือ Infinity Lives สูตรอมตะ Gradius Origins จัดให้หมด ต่อให้ไม่เคยมีพื้นฐานมาก็เล่นจนจบได้

[รีวิว] Gradius Origins บันทึกความทรงจำของเกมจรวดที่ไม่มีวันตาย

Gradius Origins ยังมาพร้อมแกลอรี่ที่พาเราย้อนรำลึกถึงจุดเริ่มต้น

หากพิกเซลเพอร์เฟกต์ยังฟินกันไม่พอ เราก็ยังสามารถเข้ามาชมแกลอรี่ที่ให้ภาพคมชัดของอาร์ตเวิร์กต่างๆ ตั้งแต่ยุคแรกมาจนถึงปัจจุบันด้วยชิ้นงานหลากหลายชุด ภาพที่เนิร์ดเกมหลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่าเคยเห็นจากหนังสือเกมก็จะได้ชมกันเต็มๆ พร้อมฟังเพลงประกอบจากเกมทุกภาคอย่างคมชัดคุณภาพเยี่ยม จัดให้เป็นแบบเพลย์ลิสต์เล่นกันยาวๆ ได้เลย และที่สำคัญแน่นอนว่าในเมื่อตัวเกมมีเวอร์ชัน Prototype ในนี้ก็มี Unused BGM หรือเพลงที่ไม่ได้นำมาใช้จริงด้วย

ทั้งหมดนี้ทำให้ผมรู้สึกว่า Gradius Origins คือการย้อนสู่ ‘Origins’ หรือจุดเริ่มต้นของเกมจริงๆ เพราะสิ่งที่เกมได้นำเสนอมันคือรากฐานทั้งหมด แม้จะน่าเสียดายที่ภาคแฟมิคอมที่ทุกคนอาจจะคุ้นเคยในฐานะเกมที่เปิดตัว Konami Code ไม่ได้นำเข้ามาอยู่ในชุดนี้ก็ตาม อย่างไรเสียก็ถือว่าเราได้เล่นเกมในเวอร์ชันแบบที่มันควรจะเป็น และแบบที่ทีมพัฒนาเคยตั้งใจถ่ายทอดออกมาครับ เพลงหลายเพลงนี่ก็ยังก้องในหัวอยู่เลยด้วยซ้ำ

SALAMANDER III เกมหนึ่งเดียวที่ได้รับชีวิตใหม่

ถึงผมจะพูดไปแล้วตอนช่วงต้น แต่หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า Gradius Origins ยังมีเกมใหม่ ที่พัฒนาขึ้น ‘ใหม่’ จริงๆ นั่นคือ SALAMANDER III ภาคต่อในรอบ 29 ปีให้เล่นกันกับเขาด้วย ซึ่งนี่ไม่ใช่แบบเกมภาครีเมคของ Haunted Castle แต่พวกเขาเล่าเรื่อง มีฉากหลังใหม่ ทำเพลงใหม่ ศัตรูใหม่ทั้งหมดราวกับเป็นเกมที่เพิ่งปลุกขึ้นมาให้มีชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง ผมมองว่าสำคัญมากๆ เลยจำเป็นต้องรีวิวแยกกันในหมวดนี้แบบจัดเต็ม

SALAMANDER นั้นแม้จะมีความคล้ายคลึงเรื่องของเกมเพลย์ที่เป็นรูปแบบ Side-scrolling ด้านข้าง แต่จะมาพร้อมกับเรื่องราวและแนวทางศิลป์ที่ดิบเถื่อนและดูหยึกหยึยกว่า โดยภาคสามนี้พูดถึงการแผ่ขยายของกองทัพปีศาจที่ยังคงเกาะกินจักรวาลอยู่ ทำให้ต้องออกรบกันอีกครั้ง ใช่ครับเรื่องราวมันก็เข้าใจกันง่ายๆ นี่แหละ และความยาวของเกมก็ถือว่าไม่มากนัก เล่นได้จบในเวลาประมาณ 20-25 นาที อย่างไรเสียเราไม่สามารถใช้ฟังก์ชัน QoL ข้างต้นได้นะ วิ่งยาวๆ จบ ไม่มีโหมดง่ายด้วย

[รีวิว] Gradius Origins บันทึกความทรงจำของเกมจรวดที่ไม่มีวันตาย

แน่นอนว่าเกมยังรองรับ Co-op เหมือนเดิม ซึ่งน่าจะทำให้เกมง่ายขึ้นนิดนึง (ฮา) โดยในส่วนของกราฟิกออกแบบเป็น 16-bit และพื้นหลังเป็นพิกเซลอาร์ตที่ใส่รายละเอียดไว้เยอะมาก คือเป็นพิกเซลอาร์ตที่รู้ว่าทำด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่มากกว่าออกแบบตามยุคแรกๆ ทั้งเลเยอร์หน้า เลเยอร์หลัง แถมเสน่ห์เดิมแบบการปรับมุมกล้องช่วงสู้บอสก็มีเหมือนเดิม ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนตัวผมชอบการใช้ภาพสไปรต์ที่แปลงจากบิตแมปสามมิติอย่างที่มีในภาคสองมากกว่าพิกเซลอาร์ตล้วน

ในส่วนการควบคุมเอง ไม่ต้องเป็นห่วงเข้าไปใหญ่เลย Tight Control มากๆ ทุกอย่างตอบสนองกับการบังคับรวดเร็วอย่างที่มันควรจะเป็น เพราะถ้าหากไม่เป็นคงน่าด่าครับ เพราะมันก็เป็นเกมสองมิติที่ไม่ได้ใช้ทรัพยากรมากอยู่แล้ว ผมแอบคิดด้วยซ้ำว่าโปรดักชันดูด้อยกว่าภาคสองนะครับในภาพรวมของเกมนี้ แต่เรื่องการบังคับ ประสบการณ์ที่ได้รับจากการเล่น ก็ทำให้เราลืมๆ มองข้ามไปได้ ใจนึงอยากคิดเสียว่าเกมแถม มากกว่าเป็นเกมใหม่พรีเมียมจะมาติดตาม Lore เบื้องหลัง แต่ก็แน่นอนครับว่าการเล่นแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน ในลูปถัดๆ ไปของเกมที่เล่นใหม่ เราจะเจอความท้าทายยิ่งขึ้นไปอีก

บทสรุป

Gradius Origins คือชุดเรโทรที่ทำออกมาได้ดีมากๆ เมื่อเทียบกับชุดเก่าๆ หรืออาจจะเทียบกับเกมคอลเลกชันอื่นๆ ในตลาด เพราะจุดเด่นเรื่อง QoL กับการที่ Konami เล่นใหญ่ด้วยการเปิดตัวเกมภาคใหม่ออกมาเลยอย่าง SALAMANDER III ทั้งหมดนี้คือการทำหน้าที่บันทึกความทรงจำให้ผู้เล่นเก่าๆ หรือแม้กระทั่งเด็กใหม่ที่อยากลองให้รู้ว่าผลงานอาร์เคดสมัยนั้นมันมีหน้าตาอย่างไร ท่ามกลางบรรยากาศที่หนังไซไฟมันเข้าฉายกันครึกโครมของคริสต์ทศวรรษ 1980 คนญี่ปุ่นเห็นภาพอวกาศเป็นยังไง ถ่ายทอดมาเป็นเกมอย่างไร นี่แหละครับคือคำตอบ

สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจขอบอกว่าหาซื้อกันได้เลยวันนี้เพราะวางจำหน่ายเรียบร้อยไม่ว่าจะบน PlayStation 5, Xbox Series X|S, Nintendo Switch และ PC ครบครันทุกแพลตฟอร์ม พร้อมให้เราได้สวมหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์อวกาศจากการรุกรานของเอเลี่ยนได้แล้ว 7 เกมเต็มๆ สำหรับโอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาแบ่งปัน อย่าลืมติดตามกันที่นี่เช่นเคยเพื่อไม่ให้พลาดความเคลื่อนไหวน่าสนใจในวงการเกมก่อนใครครับผม

GantaroZX

ใครใครเขาก็รู้ ว่าหนูอ่ะเปิดเผย หนูสั้นของหนูอย่างเงี้ย หนูเน้นเซ็กซี่เฉยๆ
Back to top button