
Microsoft เพิ่งปล่อยโพสต์ใหม่ ชี้ให้เห็นว่าการอัปเกรดจาก Windows 10 เป็น Windows 11 จะทำให้เครื่อง เร็วขึ้นถึง 2.3 เท่า แต่เมื่อถูกจับได้ว่าผลทดสอบนี้มาจากเครื่องที่ใช้ซีพียูคนละเจเนอเรชันกันเลยทีเดียว หลายคนก็เริ่มมองว่า เคลมแรงเกินจริง ไปหน่อย
จากการตรวจสอบพบว่า Microsoft อ้างอิงผลจาก Geekbench 6 multi-core test โดยเทียบระหว่างเครื่องที่ใช้ Intel Gen 6, 8 และ 10 (Windows 10) กับเครื่องที่ใช้ Gen 12 และ 13 (Windows 11) แปลว่าความแตกต่างของประสิทธิภาพอาจมาจากการ์ดฮาร์ดแวร์มากกว่าระบบปฏิบัติการเสียเอง
PC Gamer และนักวิจารณ์หลายรายออกมาตั้งข้อสงสัยว่า หากเทียบบนฮาร์ดแวร์เดียวกัน ประสิทธิภาพที่ได้จากการเปลี่ยนเป็น Windows 11 มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บางคนบอกว่าแทบแยกไม่ออก แม้จะใช้งานหนัก ๆ เช่นเล่นเกมหรือทำงานแบบ multitasking

สำหรับใครที่ใช้เครื่องเก่าอยู่ การอัปเกรดเป็น Windows 11 อาจหมายถึงการต้องซื้อคอมเครื่องใหม่ เพราะ Microsoft กำหนดให้ใช้ซีพียูที่รองรับ TPM 2.0 และ Secure Boot แปลว่าเครื่องที่ใช้ซีพียูรุ่นเก่าอาจไม่มีทางเข้าถึง Windows 11 ได้เลย
แน่นอนว่า Microsoft กำลังเร่งให้ผู้ใช้จำนวนมากเปลี่ยนระบบ เพราะ Windows 10 จะหยุดรับการอัปเดตความปลอดภัยใน October 2025 แต่หากอยากใช้ต่อโดยไม่เสี่ยง มีทางเลือกเสริมอย่าง Extended Security Updates (ESU) ที่ขยายอายุ Windows 10 ไปอีก 1 ปี แม้จะต้องเสียเงินเพิ่ม