[รีวิว] Death Stranding 2: On the Beach สานต่อการปกป้องโลกของนักส่งของมือฉมัง

Death Stranding 2: On the Beach เราจะได้ติดตาม Sam (รับบทโดย Norman Reedus) พร้อมด้วยเพื่อนร่วมเดินทาง ได้ออกเดินทางสู่การผจญภัยครั้งใหม่นอกเหนือจากแผ่นดิน UCA เพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติจากการล่มสลาย โดยจะมีตัวละครใหม่ที่ได้รับบทจาก Elle Fanning, Shioli Kutsuna และที่สำคัญยังได้ George Miller ผู้กำกับหนังยอดเยี่ยมมารับบทบาทสำคัญภายในเกมนี้ในฐานะเพื่อนร่วมทีมของ Fragile และที่สำคัญต้องเปิดโปงเบื้องหลังแผนการของวายร้ายด้วย

ในโอกาสนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปส่งของ… เอ้ย! ผจญภัยกับ Sam มาแล้ว และก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ

อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 โดยหากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้าหลังจากที่รีวิวนี้ได้เผยแพร่ไปแล้ว ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้

เนื้อเรื่องที่ไม่ชวนง่วง แต่ต้องพึ่งพาสกิลภาษาเยอะพอสมควร

สำหรับเนื้อเรื่องภายในเกมนี้ก็ต้องบอกว่าถูกทำออกมาได้อย่างน่าติดตามเป็นอย่างมาก และถ้าใครคิดว่าเนื้อเรื่องในเกมจะเนิบนาบจนน่าเบื่อง่วงเหงาหาวนอนก็อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะเมื่อผ่านช่วงต้นที่เราจะต้องออกเดินทางส่งของไปสักพัก หลังจากนั้นไม่นานก็เรียกได้ว่าซัดเนื้อเรื่องแน่น ๆ เน้น ๆ ใส่ผู้เล่นแบบไม่มียั้ง

ตลอดช่วงเวลาที่ผู้เขียนได้เล่นแค่ช่วงเวลาเพียงสองบทแรกก็ได้ทั้งรอยยิ้มและน้ำตา รวมถึงความตะลึงที่ผู้พัฒนาเกมใส่เข้ามาในเกมหลายครั้งราวกับว่าผู้เขียนรู้สึกโดนตบหน้าแบบจัง ๆ เพราะในช่วงเวลาที่เรากำลังคิดว่ามีความสุขอย่างมาก ช่วงที่เราได้อมยิ้มกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้าในเวลาไม่นานนักกลับโดนผู้พัฒนาเกมเดินเข้ามาตบหน้าพร้อมกับมอบน้ำตา และความตะลึง ให้กับผู้เขียนได้รู้สึกว่า “เอางี้จริงดิ”

สำหรับในส่วนของเนื้อเรื่องผู้เขียนคงขอเขียนอธิบายแต่เพียงเท่านี้เพื่อไม่ให้เป็นการสปอยล์จนเกินไป แต่สิ่งที่ผู้เขียนการันตีได้เลยว่าการเดินเรื่องภายในภาคนี้ไม่ได้ชวนง่วงอีกต่อไป เพราะช่วงจังหวะการเล่าเรื่องจะมีจุดให้เราได้ตื่นเต้นและลุ้นอยู่ตลอดเวลา บอกได้เลยว่าหากใครที่ไวต่อความรู้สึกสักหน่อย รวมไปถึงหากใครที่เคยเล่นเกมภาคแรกมาก่อน คุณจะต้องประทับใจในเกมนี้อย่างแน่นอน

อนึ่งจุดที่อาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับผู้เล่นใหม่ (หรือผู้เล่นที่ลืมเนื้อเรื่องภาคแรกไปแล้ว) ก็คือตัวเกมจะมีการอ้างอิงข้อมูลจากภาคแรกมาแบบเต็ม ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นไปจนถึงตัวละคร ซึ่งหากใครไม่เคยเล่นภาคแรกมาก่อน (หรือลืมไปแล้ว) ก็อาจจะปวดหัวได้ (แม้ว่าจะมีสารานุกรมให้อ่านก็ตาม) ซึ่งผู้เขียนขอแนะนำว่าก่อนเล่นเกมนี้ควรทบทวนเนื้อหากันสักหน่อย มิฉะนั้นเล่นเกมภาคนี้อาจจะไม่อินกับสิ่งที่ทางผู้พัฒนาเกมต้องการนำเสนอก็เป็นได้

ประเด็นต่อมาที่สอดคล้องกับประเด็นของเนื้อเรื่องก็คือภาษาภายในเกมนี้ที่ไม่มีภาษาไทยให้ใช้งาน ทำให้ภาษาถือว่าเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้เล่นหลายคนที่อาจจะไม่ถนัดภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่ เนื่องจากเกมนี้ค่อนข้างที่จะใช้ภาษาที่มีชั้นเชิง มีการเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์และความเชื่อต่าง ๆ ในความเป็นจริงอยู่บ้าง รวมไปถึงศัพท์เฉพาะจำนวนหนึ่ง หากผู้เล่นคนใดที่ไม่เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษอาจจะต้องกุมขมับสักหน่อย

แต่บอกได้เลยว่าหากใครเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษอยู่แล้วและพร้อมที่จะอ่านเนื้อเรื่องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นบทสนทนาของตัวละครที่ถูกเขียนไว้อย่างละเอียดและแยบยล  อีกทั้งพร้อมที่จะอ่าน Corpus หรือสารานุกรมของเกมเพื่อที่จะทำให้เข้าใจตัวเกมได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก็บอกได้เลยว่าฟินแน่นอน

กราฟิกที่สวยงาม เล่นแบบไหนก็รู้สึกดีไม่แพ้กัน

แน่นอนว่าในส่วนของกราฟิกภายในเกมนี้ก็ยังคงต้องยกนิ้วโป้งให้ถึง 2 นิ้ว ด้วยการออกแบบโลกที่สวยงาม รายละเอียดที่ถูกใส่มาไม่ใช่แค่ประดับให้โลกดูมีรายละเอียดเท่านั้น เพราะก้อนหินทุกก้อน หน้าผาทุกแห่ง แม่น้ำทุกเส้น ที่ถูกใส่เข้ามาภายในเกมนี้มีผลต่อเกมเพลย์ทั้งหมด

นอกจากนี้รายละเอียดของโมเดลตัวละครยังถูกทำออกมาได้สวยงามการันตีคุณภาพของ Kojima Production ที่รับรองได้ว่าไม่มีผิดหวังอย่างแน่นอน ทั้งความคมชัดของพื้นผิวหนังของตัวละคร รวมไปถึงการแสดงออกทางสีหน้าที่เรียกว่าทำออกมาได้ละเอียดทุกนิ้วและทำให้ผู้เล่นอินกับการเล่นเกมนี้มากขึ้นอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ในแง่ของกราฟิกผู้เขียนได้ทดลองเล่นเกมทั้ง โหมดเน้นความคมชัด (Quality) และโหมดเน้นความลื่นไหล (Performance) ผู้เขียนพบว่าการนำเสนอทั้งสองระบบทำออกมาได้ดีมาก ๆ โดยในโหมดคุณภาพกราฟิกก็เรียกได้ว่าสวยงามในระดับยันรูขุมขน ในขณะที่ความลื่นไหลนั้นก็ไม่ได้แย่เลยแม้แต่น้อย เพราะถึงแม้ตัวเกมจะทำ FPS ได้ไม่เท่าโหมด Performance แต่ก็ไม่มีอาการเฟรมเรทตกให้ปวดหัวแต่อย่างใด ในขณะที่โหมด Performance นั้นความลื่นไหลก็เรียกได้ว่ามาแบบจัดเต็ม แถมคุณภาพของกราฟิกก็ไม่ได้ตกลงไปจนน่าเกลียดแต่อย่างใด คราวนี้ก็อยู่ที่ว่าผู้เล่นชื่นชอบแบบไหนครับ

เกมเพลย์ที่ยังคงแก่นหลักไว้เช่นเคย ทำให้เข้าใจง่าย เรียนรู้ได้ไม่ยาก

สำหรับเกมเพลย์หลักของเกมภาคนี้ก็คือผู้เล่นจะต้องเดินทางออกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อทำการเชื่อมพื้นที่เหล่านั้นเข้ากับเครือข่ายของ UCA โดยตลอดการเดินทางเราจะได้รับภารกิจมอบหมายให้นำของไปยังพื้นที่เหล่านั้นด้วย โดยเป้าหมายหลักของเราก็คือจะต้องเดินทางยังไงก็ได้ให้ของเสียหายน้อยที่สุด ซึ่งของที่เสียหายเกิดได้จากทั้งฝน Time Fall รวมไปถึงการปะทะกับ BTs อุบัติเหตุต่าง ๆ ไปจนถึงสะดุดล้มจนของหล่นลงมา และเมื่อเราส่งของเรียบร้อยแล้ว เราจะได้รับการประเมินพร้อมกับได้รับไลก์เป็นการตอบแทน เมื่อเราได้รับไลก์จนถึงยอดที่กำหนดก็จะมีโอกาสปลดล็อคไอเทม อาวุธ หรือฟีเจอร์บางอย่างไปเรื่อย ๆ นั่นเอง

โดยสิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกดีขึ้นมากหน่อยก็คือภายในเกมภาคนี้ผู้เล่นจะได้ใช้ระบบจากภาคแรกค่อนข้างครบถ้วนตั้งแต่ต้นเกม ไม่ว่าจะเป็นการเดินเท้าขนส่งทางไกล การใช้อุปกรณ์ช่วยเพื่อข้ามอุปสรรคต่าง ๆ การปะทะกับกองโจร การปะทะกับเหล่า BTs รวมไปถึงการใช้ยานพาหนะ และอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้โดยรวมแล้วเกม ไม่มีการดึงเช็งให้รู้สึกว่าเกมเอื่อยหรือเฉื่อยแต่อย่างใด ทำให้ผู้เล่นได้เสพความสนุกของเกมรวมไปถึงเสพเนื้อเรื่องได้อย่างเต็มที่ ฉะนั้นหากผู้เล่นคนใดที่ยังกังวลเรื่องนี้ก็บอกได้เลยว่าสบายใจได้ เพราะคุณจะได้เล่นแบบเข้มข้นตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกมเลยทีเดียว

สรุปรีวิว

Death Stranding 2: On the Beach เป็นเกมที่สานต่อความอลังการจากภาคแรกได้เป็นอย่างดี โดยเนื้อเรื่องก็เข้มข้นจนต้องยกนิ้วให้ เกมเพลย์ที่ต่อยอดมาจากภาคแรก รวมไปถึงกราฟิกของเกมที่เรียกได้ว่าอลังการจนน่าประทับใจ ทุกรายละเอียดของเกมถูกนำเสนอออกมาอย่างแยบยลและมีความหมาย ส่งผลให้เกมนี้เป็นเกมที่ผู้เล่นไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 9.5 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็เป็นได้ครับ

จุดเด่น

– กราฟิกสวยงามสุด ๆ

– เนื้อเรื่องที่เข้มข้น ไม่เนิบนาบชวนง่วง

– เกมเพลย์ที่ต่อยอดมาจากภาคแรก ทำให้คนที่เคยเล่นมาก่อนเข้าใจได้ง่าย

– Lou น่ารักมากกกกกกก

ข้อสังเกต

– ภาษาที่ 3 ต้องแข็งพอสมควร มิเช่นนั้นเล่นไปงงไปแน่นอน

– เกมมีความเฉพาะทางพอสมควรอาจจะไม่เหมาะกับผู้เล่นบางคน

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Sony Interactive Entertainment ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวกันในครั้งนี้ครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อเกมได้ที่ : คลิก

ภาพสกรีนช็อตเพิ่มเติม