ผู้กำกับ Elden Ring NIGHTREIGN ตอบประเด็นใช้ทรัพยากรจากเกมเก่า

ในยุคที่การพัฒนาเกมใช้เวลาและงบประมาณจำนวนมาก การเลือกใช้ทรัพยากรที่มี (Asset Reuse) กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับเกมฟอร์มยักษ์อย่าง Elden Ring NIGHTREIGN ที่แม้จะถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องการนำองค์ประกอบเดิมมาใช้ซ้ำ แต่ผู้กำกับของเกมก็ออกมาชี้แจงอย่างชัดเจนว่า นี่ไม่ใช่การ “ก็อปวาง” แบบตรงตัว แต่คือแนวทางที่ช่วยให้ทีมสามารถโฟกัสกับนวัตกรรมด้านเกมเพลย์ได้มากขึ้น

การเลือกใช้ทรัพยากรเดิมใน Elden Ring NIGHTREIGN คือการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ

Junya Ishizaki ผู้กำกับของ NIGHTREIGN ให้สัมภาษณ์กับ GamesRadar ว่าการนำทรัพยากรเก่า เช่น โมเดลตัวละคร แอนิเมชั่น หรือองค์ประกอบของฉาก มาใช้อีกครั้งในเกมภาคใหม่นั้น เป็นการเลือกอย่างตั้งใจ ไม่ใช่การลอกแบบเดิมมาใช้โดยตรง โดยเขาได้อธิบายเพิ่มว่า ทีมพัฒนาใช้ Elden Ring ภาคแรกเป็นฐานเพื่อสร้างแนวทางเกมเพลย์แบบใหม่ ทำให้สามารถลดเวลาในส่วนของการสร้างโลก และโฟกัสไปที่การปรับปรุงประสบการณ์การเล่นให้แปลกใหม่ได้อย่างเต็มที่

“แม้บางคนจะมองว่าการใช้ของเดิมเป็นเรื่องน่ากังวล แต่ทีม FromSoftware มองว่านี่คือแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาเกม” Ishizaki อธิบาย “โดยเฉพาะใน Nightreign ที่ผู้เล่นอาจจะเห็นองค์ประกอบที่คุ้นตา แต่ถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับระบบใหม่อย่างลงตัว และไม่ใช่สิ่งที่ดูออกได้ง่ายในแวบแรก”

ในโลกของเกมที่มีต้นทุนสูงและใช้เวลานานกว่าจะพัฒนาเสร็จ เช่นเดียวกับที่ซีรีส์ Yakuza / Like a Dragon ใช้แนวคิดนี้อย่างต่อเนื่อง การใช้ของเดิมในแบบสร้างสรรค์จึงเป็นทางออกที่ช่วยให้เกมใหม่สามารถออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้นโดยไม่ลดคุณภาพ และยังคงความสายงามเอาไว้ได้เป็นอย่างดี

ในมุมมองของผู้เขียนก็มองว่าการใช้ทรัพยากรเดิมในเกมไม่ควรถูกมองว่าเป็นเรื่องลบเสมอไป ตราบใดที่ทีมพัฒนาใช้มันเพื่อผลักดันแนวทางใหม่หรือยกระดับประสบการณ์ผู้เล่น เช่นในกรณีของ Elden Ring NIGHTREIGN การนำของเดิมมาปรับใช้ในบริบทใหม่เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด ช่วยลดภาระการผลิตโดยไม่กระทบต่อคุณภาพของเกม อีกทั้งยังเป็นแนวทางที่อาจช่วยให้อุตสาหกรรมเกมสามารถผลิตผลงานดี ๆ ได้ต่อเนื่อง โดยไม่ต้องใช้เวลาหลายปีหรืองบประมาณมหาศาลเพื่อให้เรามีเกมที่สนุกได้เล่นกันต่อเนื่องนั่นเอง

Elden Ring NIGHTREIGN เป็นเกมรูปแบบแอ็กชั่น Souls-like ในธีมดาร์กแฟนตาซีจากโลกฉากหลังของเกมภาคหลักที่ถูกถ่ายทอดใหม่เพื่อประสบการณ์แบบ Co-op Multiplayer โดยเฉพาะ ผู้เล่นจะได้จับกลุ่มกับสมาชิกในทีมรวมสามคน เดินทางไปในแดนมัชฌิมาที่ ณ​ ตอนนี้ถูกบดบังด้วยภัยคุกคามแห่งความมืดมิดของยามราตรีจนเกิดมอนสเตอร์เลวร้ายบุกรุกเข้ามา ซึ่งตัวละครต่าง ๆ จะมีรูปแบบการนำเสนอสไตล์เกมเพลย์ที่ต่างกันด้วยโดยเกมนี้เกมยังมีองค์ประกอบคล้ายกับ Roguelike ด้วยนั่นก็คือทุกครั้งที่ยามราตรีมาถึง สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ก็จะเปลี่ยนไป เช่นศัตรูหรือบอสที่จะมีความแตกต่าง ทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอันตรายข้างหน้านั้นจะเป็นอย่างไรกันแน่!