8 เหตุผลที่ผู้เล่นยอมรับ “เกมมือถือจีน” มากกว่า “เกมมือถือญี่ปุ่น” ในยุคนี้
จากผู้ที่โดนมองว่าทำแต่เกมก๊อป กลายมาเป็นผู้นำตลาดเกมมือถือที่แข็งแกร่ง

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน หากย้อนเวลากลับไปในวงการเกมมือถือนั้นก็ต้องบอกว่าประเทศที่มีจุดเด่นในด้านนี้ยังไงก็ต้องพูดถึงญี่ปุ่นครับ เพราะญี่ปุ่นเป็นสังคมที่เล่นเกมมือถือค่อนข้างมาก และมีการออกแบบเกมใหม่ ๆ น่าสนใจอยู่หลายเกม จนคนไทยก็อยากจะมุด IP ไปเล่นบ้าง หรือยอมทนอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกเพื่อเล่นบ้าง แต่ทุกวันนี้อะไร ๆ มันก็เปลี่ยนไปครับ เพราะเกมมือถือจากจีนนั้นทำออกมาได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะกับทางฝั่ง miHoYo และ Yostar ที่กำลังมาแรงอย่างมาก ในขณะที่เกมมือถือฝั่งญี่ปุ่นกำลังทยอยตายไปทีละเกม เกิดใหม่ก็ปิดเร็ว ไม่ว่าค่ายที่เปิดจะเป็นค่ายใหญ่ก็ตาม ผู้เล่นเลยลดความศรัทธาลงอย่างมาก แล้วทำไมคนถึงยอมรับเกมมือถือจีนมากกว่าเกมมือถือญี่ปุ่น ไปดูกันครับ
1. คุณภาพกราฟิกและโปรดักชันที่เหนือกว่า

หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้เกมมือถือจากจีนได้รับการยอมรับจากผู้เล่นทั่วโลก คือ “งานภาพและโปรดักชันระดับ AAA” ที่ไม่แพ้เกมคอนโซล ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Genshin Impact และ Honkai: Star Rail ของค่าย HoYoverse ที่ใช้เอนจินคุณภาพสูง สร้างโลก 3D ขนาดใหญ่พร้อมฉากอนิเมชั่นสุดอลังการ นอกจากนี้ยังมีคัทซีนระดับอนิเมะ เพลงประกอบและเสียงพากย์ที่จัดเต็มราวกับดูซีรีส์ญี่ปุ่นคุณภาพดี ขณะที่เกมมือถือญี่ปุ่นจำนวนมากยังคงยึดรูปแบบ 2D card-based, ภาพนิ่ง, UI แนวเก่า และเอฟเฟกต์ที่ดูเหมือนหยุดอยู่ในยุค PS2 หรือ PSP ทำให้ผู้เล่นยุคใหม่ที่เคยผ่านเกมกราฟิกสูงมาแล้วมองว่าเกมญี่ปุ่นล้าสมัย และไม่น่าสนใจเท่ากับเกมจีนที่เน้นความลื่นไหลสวยงามครับ
2. การเล่าเรื่องและระบบเกมที่ร่วมสมัย

เกมมือถือจีนมักเล่าเรื่องราวอย่างจริงจัง ซับซ้อน มีบทพูดลึกซึ้งและธีมที่หลากหลาย เช่น ปรัชญา สงคราม หรือจิตวิทยา ทำให้ผู้เล่นรู้สึกมีอารมณ์ร่วมและอยากติดตามต่อ เหมือนเกม Console/PC ดี ๆ สักเกม อีกทั้งระบบเกมก็มีความทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นระบบต่อสู้แบบผสมผสาน ระบบกาชาที่โปร่งใส หรือโหมดการเล่นที่อัปเดตสม่ำเสมอ ในขณะที่เกมมือถือญี่ปุ่นหลายเกมยังคงวนอยู่กับระบบเดิม ๆ เช่น Turn-based แบบซ้ำ ๆ และการเล่าเรื่องแบบ Event สั้น ๆ ที่ไม่ได้สร้างความผูกพันกับผู้เล่นเท่าที่ควรครับ
3. เล็งตลาดโลกเป็นเป้าหมายหลัก

เกมมือถือจีนยุคใหม่มอง “ตลาดโลก” เป็นเป้าหมายหลัก ไม่ใช่แค่ขายในจีนเท่านั้น ผู้พัฒนาใส่ใจการแปลภาษา การเลือกเสียงพากย์ การออกแบบคาแรกเตอร์ และการตลาดให้เข้าถึงผู้เล่นนานาชาติ เช่น ตัวเลือกเสียงพากย์ทั้งจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ และเกาหลีในเกมเดียว ขณะเดียวกันเกมญี่ปุ่นจำนวนมากยังเน้นขายในประเทศตัวเองก่อน ทำให้เวอร์ชันสากลมักตามหลัง มีปัญหาแปลผิด หรือไม่มีเสียงพากย์ภาษาอื่นเลย ส่งผลให้ผู้เล่นต่างชาติรู้สึกถูกมองข้าม บางคนรอ Global จนเซิร์ฟญี่ปุ่นปิดไปแล้ว สุดท้ายก็อดเล่นครับ
4. โมเดลธุรกิจที่ “เอาใจผู้เล่น” มากกว่า

เกมมือถือจีนมักใช้โมเดลที่ให้มากกว่าที่ผู้เล่นคิด เช่น แจกของฟรีรายวัน กาชาที่มีระบบ Pity การันตีตัวละคร การคืนทรัพยากรเมื่อตัวละครถูกเนิร์ฟ หรือมีกิจกรรมที่ให้ของจำนวนมากโดยไม่ต้องเติมเงิน ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าได้รับการใส่ใจ และกล้าที่จะสนับสนุน ขณะที่เกมญี่ปุ่นหลายเกมยังยึดติดกับระบบกาชาแบบเก่า แจกน้อย กดแล้วไม่การันตี หรือมีการล็อกคอนเทนต์ไว้หลัง Paywall ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าถูกบีบบังคับให้เติม มากกว่าจะอยากเติมด้วยความพอใจ สุดท้ายคนก็จะทนไม่ไหวแล้วเลิกเล่นไปครับ
5. มีการอัปเดตและ Community Management ที่ดีกว่า

ผู้พัฒนาเกมมือถือจีนให้ความสำคัญกับการอัปเดตคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ ทั้งกิจกรรมใหม่ ตัวละครใหม่ และโหมดการเล่นที่หมุนเวียนไม่ให้เกมเงียบ พร้อมทั้งมีการสื่อสารกับผู้เล่นอย่างต่อเนื่อง เช่น จัดไลฟ์อัปเดตล่วงหน้า การเปิด Survey แล้วให้ผู้เล่นไปตอบแบบสอบถามเพื่อแลกกับรางวัล รับฟังฟีดแบ็กและปรับปรุงเกมตามคำเรียกร้อง ตรงข้ามกับเกมญี่ปุ่นหลายเกมที่อัปเดตช้าหรือเนื้อหาน้อย และขาดการสื่อสารโดยตรงกับผู้เล่น ทำให้หลายคนรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความใส่ใจเท่าที่ควร
6. เกมจีนทำให้ผู้เล่น Hype ได้มากกว่า

เกมมือถือจีนมักเปิดตัวด้วยการโปรโมตแบบจัดเต็ม ทั้งเทรลเลอร์คุณภาพระดับภาพยนตร์ แอนิเมชันเปิดตัวอลังการ ดนตรีประกอบบิ๊วอารมณ์ และงานออกแบบตัวละครที่โดนใจผู้เล่น ทำให้เกิดกระแสตั้งตารอของผู้เล่นตั้งแต่ยังไม่เปิดให้เล่นจริง แถมยังมีการจ้าง Influencer ชื่อดังของแต่ละภูมิภาคในการ PR เกมได้ถึงกลุ่มเป้าหมาย ต่างจากเกมญี่ปุ่นที่มักเปิดตัวแบบเงียบ ๆ หรือโปรโมตในวงแคบ ทำให้กระแสความตื่นเต้นไม่พุ่งเท่าเกมจีน ยิ่งเมื่อเกมจีนมีการปล่อยคอนเทนต์ต่อเนื่อง ความ Hype ก็ยิ่งต่อเนื่องตามไปด้วย
7. การออกแบบตัวละครและแฟนอาร์ตเป็นสากล

ตัวละครจากเกมมือถือจีนมักถูกออกแบบให้มีความ “อินเตอร์” มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ใบหน้า ทรงผม เสื้อผ้า หรือโทนสี ทำให้เข้าถึงผู้เล่นจากหลากหลายประเทศได้ง่าย คาแร็กเตอร์มีเอกลักษณ์แต่ไม่เฉพาะกลุ่มเกินไป ส่งผลให้เกิดกระแสแฟนอาร์ตจำนวนมากทั่วโลก รวมถึงกลุ่ม Cosplay ก็ยังเปิดกว้างมากอีกด้วย บางเกมถึงกับมีครีเอเตอร์จากหลากประเทศช่วยออกแบบเสื้อผ้าหรือจัดประกวดแฟนอาร์ตอย่างเป็นทางการ ต่างจากเกมญี่ปุ่นที่ยังคงโทน “โมเอะ” หรือเน้นตลาดภายใน ทำให้เข้าถึงได้ยากในสายตาผู้เล่นต่างชาติ
8. ความสามารถในการ “อัปแพทช์” อย่างต่อเนื่อง

เกมมือถือจีนมีระบบและทีมงานที่พร้อมสำหรับการอัปแพทช์บ่อยครั้ง ถ้าอ้างอิงจาก miHoYo ก็ทุก ๆ 2-3 สัปดาห์อย่างน้อยต้องมีตัวละครใหม่และกิจกรรมใหม่เข้ามาแล้ว 1 ครั้ง รวมถึงการแก้ไขบัค ปรับสมดุล เพิ่มเนื้อหาใหม่ หรือจัดกิจกรรมพิเศษตามเทศกาลในโลกจริง ซึ่งช่วยให้เกมสดใหม่และตอบสนองความต้องการของผู้เล่นได้รวดเร็ว แตกต่างจากเกมญี่ปุ่นที่บางครั้งใช้เวลานานกว่าจะออกแพทช์ใหม่ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าเกมหยุดนิ่ง ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว จึงลดความสนใจลงไปตามเวลา
และนี่คือ “8 เหตุผลที่ผู้เล่นยอมรับ “เกมมือถือจีน” มากกว่า “เกมมือถือญี่ปุ่น” ในยุคนี้” เป็นยังไงกันบ้างครับ ตรงกับสิ่งที่เพื่อน ๆ คิดหรือเปล่า ผมเองก็รู้สึกเหมือนกันนะครับว่าตัวเองเคยชอบเกมมือถือญี่ปุ่นมาก ๆ แต่ในปัจจุบันเริ่มรู้สึกว่าจะชอบเกมมือถือจากจีนมากกว่าแล้ว เพราะมันทำออกมาได้ดีกว่าจริง ๆ ในหลาย ๆ แง่ เอาแค่ภาษาไม่ต้องทนอ่านญี่ปุ่นกับ UI ที่ไม่โหลดนานผมก็แฮปปี้แล้วครับ เพื่อน ๆ มีความเห็นอย่างไรก็คอมเมนต์พูดคุยกันได้นะครับผม 🙂