10 สิ่งควรรู้ก่อนเล่น Clair Obscur: Expedition 33

บอกได้เลยว่าช่วงหลัง ๆ เกมแนว RPG แบบ Turn-Based กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และเกมใหม่ล่าสุดจาก Sandfall Interactive อย่าง Clair Obscur: Expedition 33 ก็เป็นหนึ่งในนั้น เกมนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเกมดัง ๆ อย่าง Super Mario RPG, Dark Souls, Final Fantasy และ Persona แต่ก็มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เรื่องราวเกิดขึ้นในโลกที่มืดมิดและเต็มไปด้วยความตาย

โดยเกมนี้ถือว่ายากในระดับหนึ่ง หากผู้เล่นไม่เรียนรู้ตัวเกมให้ดี รวมไปถึงไม่เก็บรายละเอียดต่าง ๆ ที่เจอก็อาจจะแพ้ได้ง่าย ๆ และในวันนี้เราจะพาทุกคนมาพบกับ 10 สิ่งควรรู้ก่อนเล่นเกมนี้กัน

1. เลือกใช้อาวุธให้ดี

ใน Clair Obscur: Expedition 33 การเลือกอาวุธไม่ใช่แค่ดูตัวเลขพลังโจมตี เพราะอาวุธแต่ละชนิดจะผูกพันกับค่าพลังของตัวละครถึงสองอย่าง ทำให้บางครั้งอาวุธที่ดูแรงกว่า อาจไม่ทรงพลังเท่า หากตัวละครนั้นไม่ได้ถูกสร้างมาให้เข้ากันกับอาวุธชิ้นนั้น ๆ นอกจากนี้ อาวุธบางประเภทมาพร้อมคุณสมบัติธาตุ ซึ่งส่งผลต่อการโจมตีปกติ การยิง และสกิลพิเศษบางอย่าง โดยอาวุธระดับเทพมักจะมีลูกเล่นพิเศษเพิ่มเติมอีกด้วย

ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการค้นหาอาวุธที่ถูกใจ แล้วปรับแนวทางการพัฒนาตัวละครให้สอดคล้องกัน อย่างเช่น ตัวละคร Lune ที่เริ่มต้นด้วยอาวุธซึ่งมอบความสามารถในการยิงแบบเล็งเองพร้อมธาตุแบบสุ่ม หากผู้เล่นเสริมความแข็งแกร่งด้วย Pictos ที่เพิ่มค่า AP ให้เธอ ก็จะสามารถสะสมธาตุได้เต็มทั้งสี่ช่อง และปลดปล่อยสกิล Mayhem ที่สร้างความเสียหายร้ายแรง พร้อมทั้งทำลายเกราะศัตรูได้แบบไม่ยั้ง แม้เกราะจะยังเต็มเปี่ยมก็ตาม

2. เน้นสถานะ Might และ Agility มากกว่าป้องกัน

ในเกมนี้ การอัปเกรดค่าพลังป้องกันทุกครั้งที่เลเวลอัปอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดเสมอไป ลองเปลี่ยนมาเน้นพลังโจมตีและความถี่ในการโจมตีจะมีภาษีมากกว่า เพราะการเพิ่มค่า Might และ Agility ให้สูงเข้าไว้ จะช่วยให้ตัวละครของคุณทั้งแรงขึ้นและได้เทิร์นโจมตีถี่ขึ้น เมื่อผนวกกับการเรียนรู้จังหวะการป้องกันและการหลบหลีกอย่างแม่นยำแล้ว รับรองว่าการต่อสู้จะจบลงเร็วกว่าการมัวแต่เพิ่มพลังป้องกันเป็นไหน ๆ

แม้แต่ตัวละครสายถึกอย่าง Sciel ที่เน้นพลังชีวิต การเพิ่มพลังโจมตีก็ยังคงเป็นประโยชน์อยู่ดี เพราะในทางทฤษฎีแล้ว การเคลียร์เกมแบบไร้รอยขีดข่วนก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แถมการป้องกันการโจมตีในจังหวะที่เหมาะสมยังสามารถสร้างความเสียหายให้ศัตรูได้มากกว่าการโจมตีในเทิร์นของเราเองเสียอีก ฉะนั้น แทนที่จะทุ่มให้กับพลังป้องกัน ลองหันมาฝึกปรือทักษะการป้องกันและการหลบหลีกให้คล่องแคล่ว จะคุ้มค่ากว่าเยอะเลยทีเดียว

3. แวะแคมป์บ่อย ๆ ปลดล็อคท่าไม้ตาย

การแวะเวียนไปยังแคมป์ไม่ใช่แค่การพักผ่อน แต่เป็นโอกาสทองในการทำความรู้จักเพื่อนร่วมทีมให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผ่านอีเวนต์พิเศษที่จะค่อย ๆ ปลดล็อคไปตามเนื้อเรื่อง นอกจากจะได้เห็นมุมมองและเรื่องราวเบื้องลึกของตัวละครแต่ละคนแล้ว การชมอีเวนต์เหล่านี้ให้ครบถ้วนยังนำไปสู่การเรียนรู้ท่าพิเศษสุดเจ๋งอย่าง Gradient Attacks ซึ่งแต่ละตัวละครจะสามารถเรียนรู้ได้สูงสุดถึงสามท่าเลยทีเดียว โดยผู้เล่นไม่ต้องกังวลว่าจะพลาด เพราะอีเวนต์เหล่านี้จะทยอยเกิดขึ้นตามลำดับ และในการพักที่แคมป์แต่ละครั้ง เรายังสามารถรับชมอีเวนต์ได้มากกว่าหนึ่งครั้งอีกด้วย

4. ฟังให้ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

แม้เกม Expedition 33 จะเน้นสัญญาณภาพในการบอกจังหวะป้องกันหรือหลบหลีก ไม่ว่าจะเป็นภาพช้าสลับเร็ว แต่สำหรับผู้เล่นบางคน “เสียง” กลับกลายเป็นกุญแจสำคัญ ในเกมนี้มีระบบเสียงเตือนการโจมตีของศัตรู ซึ่งอาจแผ่วเบาจนพลาดไปหากไม่ใส่ใจฟังผ่านหูฟังคุณภาพดีหรือลำโพง

ศัตรูบางประเภทก็มีการโจมตีที่เป็นจังหวะ โดยจะมีเสียงสองครั้งนำร่อง ก่อนจะตามมาด้วยจังหวะที่สามให้เรางัดท่าป้องกันได้ เสียงเหล่านี้จึงเป็นเหมือนครูชั้นดี ช่วยให้เรียนรู้รูปแบบการโจมตีของศัตรูหน้าใหม่ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องอาศัยการลองผิดลองถูกเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ผู้เล่นจึงควรใส่ใจกับทุกเสียงในเกม เพราะนอกจากเสียงแจ้งเตือนแล้ว Expedition 33 ยังมีเพลงประกอบที่น่าดื่มด่ำและการพากย์เสียงที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย

5. ฝีมือเหนือเลเวล พิชิตโลกด้วยทักษะ

แม้เกม Clair Obscur: Expedition 33 จะไม่ได้สนับสนุนให้ผู้เล่นวิ่งฝ่าดงศัตรูไปยังบอสโดยไม่สนใจการเก็บเลเวล แต่หัวใจสำคัญของการผจญภัยครั้งนี้อยู่ที่ทักษะล้วน ๆ ด้วยระบบการต่อสู้ที่เน้นจังหวะการกดปุ่มที่แม่นยำ ผู้เล่นที่มีความชำนาญจึงสามารถเคลียร์เกมได้โดยที่ตัวละครมีเลเวลต่ำ หรือในทางทฤษฎีแล้ว อาจถึงขั้นจบเกมแบบไร้รอยขีดข่วนจากการโจมตีของศัตรูเลยก็เป็นได้

ถึงกระนั้น การเก็บเลเวลจากการต่อสู้กับศัตรูทั่วไปในแต่ละฉากก็ยังคงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเล่นในระยะยาว แม้ในช่วงท้ายของเกมที่สมาชิกในทีมอาจจะบอบบางถึงขนาดโดนโจมตีครั้งเดียวแล้วล้มได้ การเรียนรู้จังหวะโจมตีและการหลบหลีกคือสิ่งสำคัญที่สุด แต่เลเวลที่เพิ่มขึ้นก็ช่วยให้ผู้เล่นมีโอกาสพลาดพลั้งได้บ้างโดยไม่ถึงแก่ชีวิตในทันที

6. สู้กับศัตรูทุกตัวเพื่อฝึกฝีมือและอัปเลเวล

กฎข้อแรกของการผจญภัยแนวนี้ นั่นคือ “จงเผชิญหน้ากับศัตรูทุกตัวที่ขวางหน้า” การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับจังหวะการโจมตีของเหล่ามอนสเตอร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มระดับเลเวลของตัวละครไปตามแนวทางที่ทีมพัฒนา Sandfall ได้ออกแบบไว้อย่างพิถีพิถัน พวกเขาคำนวณมาแล้วว่า ศัตรูที่วางอยู่ตามเส้นทางนั้นจะช่วยให้ผู้เล่นมีระดับความสามารถที่เหมาะสมสำหรับการต่อสู้กับบอสในลำดับถัดไป โดยแทบจะไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับการฟาร์มเลเวลเพิ่มเติมเลย

แม้ว่าการหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับศัตรูทั่วไปเพื่อมุ่งหน้าสู่เนื้อเรื่องหลักอาจดูเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่การต่อสู้ใน Expedition 33 นั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่ใช้เวลาไม่ถึงนาที ยิ่งไปกว่านั้น การเรียนรู้ความสามารถใหม่ ๆ ของ Pictos ก็ใช้เวลาเพียงแค่สี่ครั้งของการต่อสู้เท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องสะสมแต้มหรือใช้งานซ้ำ ๆ ดังนั้น การต่อสู้กับศัตรูให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในระยะยาว อย่างไรก็ตาม นักผจญภัยควรระมัดระวังศัตรูพิเศษที่มีสีสันสดใส หรือที่เรียกว่า Chromatic Enemies เพราะพวกมันถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้เล่นกลับมาท้าทายอีกครั้งในภายหลัง

7. ทำความเข้าใจและฝึกฝน Pictos ให้เชี่ยวชาญ

ใน Clair Obscur: Expedition 33 การทำความเข้าใจและฝึกฝน Pictos ให้เชี่ยวชาญโดยเร็วถือเป็นกุญแจสำคัญ เมื่อ Pictos ใดก็ตามถูกฝึกจนชำนาญแล้ว ผู้เล่นจะสามารถติดตั้งมันได้โดยใช้ Lumina Points ซึ่งจะปลดล็อคศักยภาพของ Pictos ให้ตัวละครได้รับอานิสงส์มากกว่าแค่สามอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟู AP เมื่อใช้บัฟ การเพิ่มพลังโจมตีแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการรับความเสียหายที่มากขึ้น

แม้ว่าอาวุธและค่าพลังพื้นฐานของตัวละครจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาตัวละคร แต่ Pictos และ Luminas จะเข้ามาเสริมสร้างความหลากหลายและความเฉพาะเจาะจงให้กับความสามารถของตัวละครได้อย่างน่าสนใจ หากตัวละครของคุณต้องการ AP จำนวนมากในการใช้ทักษะ การลงทุน Lumina Points เพื่อเพิ่มอัตราการฟื้นฟู AP จากการโจมตีก็ถือเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก

8. สำรวจฉากให้หมดทุกซอกทุกมุม

ถึงแม้ใจจะอยากพุ่งตรงไปสู่บทสรุปของเกมแต่การสำรวจทุกซอกทุกมุมในโลกของเกมนั้นกลับมอบผลตอบแทนที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง การเดินสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วนจะนำไปสู่การค้นพบ Chroma ซึ่งเป็นเงินตราสำคัญสำหรับการจับจ่ายซื้อของจากพ่อค้า Gestrals รวมถึงการค้นพบ Pictos ใหม่ ๆ และไอเทมล้ำค่าที่ช่วยเพิ่มค่า Lumina ขยายจำนวนยาที่สามารถพกพาได้ และยกระดับความแข็งแกร่งของอาวุธ นอกจากนี้ Pictos บางชนิดที่ซ่อนตัวอยู่ตามฉากต่าง ๆ ยังมีประโยชน์อย่างมากในการต่อสู้ในภายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pictos ที่สามารถทำให้ศัตรูตกอยู่ในสถานะ Inverted ได้ตั้งแต่เริ่มต้นการปะทะ

ยิ่งไปกว่านั้น การสำรวจยังเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ดื่มด่ำกับความงดงามของฉากต่าง ๆ ที่ทีมพัฒนาได้บรรจงสร้างสรรค์ขึ้นมา ทุกสถานที่ที่ได้ย่างกรายเข้าไปนั้นน่าทึ่งในแง่ของงานกราฟิกที่สวยงามและทิศทางศิลปะที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ นี่คือเกมที่เต็มไปด้วยความงดงาม และผู้เล่นควรใช้เวลาชื่นชมทุกพื้นที่บนทวีปนี้อย่างเต็มที่ การสำรวจจึงไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ในด้านกลไกของเกมเท่านั้น แต่ยังเป็นประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจในเชิงศิลปะอีกด้วย อย่างไรก็ตามผู้เล่นก็ควรระมัดระวังภัยอันตรายจากศัตรูที่อาจซุ่มซ่อนอยู่ตามทางในขณะที่สำรวจด้วยเช่นกัน

9. เคลียร์เนื้อเรื่องหลักก่อน แล้วค่อยสำรวจโลกกว้าง

แทนที่จะรีบร้อนสำรวจแผนที่โลกตั้งแต่เนิ่น ๆ ขอแนะนำให้รอจนกระทั่งใกล้ถึงบทสรุปของเกมเสียก่อนจึงค่อยออกสำรวจอย่างเต็มที่ เหตุผลก็คือ ตลอดการดำเนินเนื้อเรื่อง ผู้เล่นจะค่อย ๆ ได้รับความสามารถในการเดินทางใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการบิน ซึ่งจะปลดล็อคในช่วงท้าย ๆ ของเกม เมื่อถึงตอนนั้น โลกทั้งใบก็จะเปิดกว้างให้สำรวจได้อย่างอิสระ และยังมีเกาะลอยฟ้าลึกลับรอคอยการค้นพบอยู่มากมาย นอกจากนี้ ในระหว่างการเดินทาง ผู้เล่นอาจบังเอิญพบเจอกับพื้นที่พิเศษต่าง ๆ ทว่าพื้นที่เหล่านี้มักจะถูกออกแบบมาสำหรับตัวละครที่มีระดับเลเวลสูงแล้ว ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ยังอยู่ในช่วงกลางของเนื้อเรื่องหลัก

พื้นที่ใดที่มีระดับความยากเกินกว่าที่ตัวละครของผู้เล่นจะรับมือได้ในขณะนั้น จะมีสัญลักษณ์อันตรายปรากฏอยู่ใต้ชื่อพื้นที่อย่างชัดเจน แม้ว่าผู้เล่นจะยังสามารถเข้าไปในพื้นที่เหล่านั้นได้ แต่โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นการดีกว่าที่จะอดใจรอจนกว่าจะแข็งแกร่งขึ้น พร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายต่าง ๆ และเก็บเลเวลมาได้ในระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม ด้วยระบบเซฟของเกมที่เอื้ออำนวย ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะลองแวะเข้าไปเยี่ยมชมสถานที่เหล่านั้นก่อนที่จะพร้อมเต็มที่ อย่างน้อยที่สุดก็อาจจะได้เห็นภาพบรรยากาศ หรืออาจจะเสียเวลาเล่นไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง

10. ทุกตัวละครมีประโยชน์

ในโลกของเกม RPG หลายครั้งที่เรามักจะปั้นทีมโปรดและใช้งานพวกเขาอย่างต่อเนื่อง มองข้ามเหล่าตัวละครสำรองที่ต้องนั่งรอโอกาสอยู่ข้างสนามเป็นเวลานาน แต่สำหรับ Clair Obscur: Expedition 33 แนวคิดนั้นอาจต้องเปลี่ยนไป แม้ว่าคุณจะสามารถเลือกทีมหลักที่ชื่นชอบและตะลุยไปทั้งเกมได้ ทว่าการมองข้ามความสำคัญของตัวละครสำรองนั้นอาจทำให้คุณพลาดโอกาสสำคัญ ตัวอย่างเช่นในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ต้านทานการโจมตีกายภาพ การส่งตัวละครสายโจมตีกายภาพอย่าง Gustave ลงสนามอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก การสลับตัวละครสายเวทมนตร์อย่าง Lune เข้ามาแทนที่อาจจะมีประโยชน์มากกว่า

ตัวละครบางตัวอาจดูเหมือนด้อยกว่าในช่วงแรกของการผจญภัย แต่เชื่อเถอะว่าทุกคนจะมีช่วงเวลาของตัวเองที่จะได้เฉิดฉาย ยิ่งไปกว่านั้น ในยามที่ทีมหลักพลาดพลั้ง เหล่าตัวละครสำรองที่ได้รับการเตรียมพร้อมมาอย่างดี ก็สามารถก้าวเข้ามาพลิกสถานการณ์และกอบกู้ชัยชนะให้กับทีมได้ การดูแลให้ตัวละครทุกตัวมีระดับเลเวลที่ใกล้เคียงกันจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าเมื่อไหร่ ตัวละครที่เคยนั่งสำรองอยู่ข้างสนาม อาจจะกลายเป็นตัวทำดาเมจหลักของทีมในช่วงเวลาที่คาดไม่ถึง

Clair Obscur: Expedition 33 เป็นเกมแนว RPG เทิร์นเบสแบบเรียลไทม์ที่ผู้เล่นเป็นกลุ่มนักเดินทางที่ได้รับมอบหมายในการตามหา The Paintress วายร้ายผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักวาดเขียนที่จะบัญญัติตัวเลขอายุในทุก ๆ ปี เพื่อคร่าชีวิตบุคคลใด ๆ ในอายุดังกล่าวให้หายไป และในปีนี้คือเลข 33 จึงทำให้ทุกคนต้องร่วมมือกันตามหาผู้อยู่เบื้องหลังและกำจัดเธอทิ้งเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์วิปโยคอีกเป็นครั้งที่สอง โดยระบบการเล่นจะเป็นการป้อนคำสั่งเพื่อต่อสู้กับศัตรู และสามารถเคลื่อนไหวเพื่อหลบหลีกหรือต่อสู้กลับทำคอมโบได้ในเวลาเดียวกัน