แนะนำการ์ดจอ 9 รุ่นสำหรับการเล่นเกมทุกช่วงราคา
ใครกำลังมองหาการ์ดจอรุ่นใหม่สำหรับการเล่นเกมไม่ควรพลาด

การ์ดจอถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดสำหรับการเล่นเกม เพราะมันทำหน้าที่ในการประมวลผลภาพภายในเกมทั้งหมดให้ออกมาแก่ผู้เล่น ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งในการเลือกการ์ดจอสักรุ่นมาใช้งานในการเล่นเกมโปรดของเรา แน่นอนว่าในการเลือกซื้อการ์ดจอในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรในการค้นหาข้อมูล เพราะมีการเปรียบเทียบให้เราเห็นได้ค่อนข้างง่ายเลยทีเดียว ฉะนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำการ์ดจอ 9 รุ่นตามช่วงราคาที่เหมาะกับการเล่นเกมกัน โดยที่จะไล่ระดับเริ่มต้นไประดับสูง

AMD Radeon RX 570 เป็นการ์ดจอของ AMD ที่ทำงานอยู่บนสถาปัตยกรรม Polaris แม้ว่าจะดูเหมือนว่าเก่าแต่ยังสามารถทำงานได้ดีในปี 2020 ตัวการ์ดจอใช้งานกระบวนการผลิตแบบ 14 นาโนเมตร มีประสิทธิภาพการทำงานที่เทียบเคียงกับตัวของ GTX 1650 แต่มาพร้อมกับข้อดีที่จำนวน VRAM ที่มีให้มากสุดถึง 8GB ช่วยให้เราสามารถเล่นเกมได้ โดยที่ไม่ต้องไปดึง Memory ของระบบมาใช้งานร่วม ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากเล่นเกมที่ความละเอียด 1080p แบบชิล ๆ
ราคา 2,000 – 4,000 บาท

NVIDIA GeForce GTX 1650 Super ทำงานอยู่บนสถาปัตยกรรม Turing เป็นการ์ดจออีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับการปัดฝุ่นใหม่ให้ดีกว่าเดิมด้วยการต่อท้ายด้วย Super โดยที่ก่อนหน้านี้ตัวของ GTX 1650 ได้ถูกทาง AMD ช่วงชิงตลาดการ์ดจอระดับเริ่มต้นถึงระดับกลางไป แต่หลังจากที่มีการเปิดตัวการ์ดจอรุ่นนี้จากทาง NVIDIA ออกมาก็ทำให้ดึงตลาดในส่วนนี้คืนมาได้เช่นกัน ตัวของ GTX 1650 Super อาจจะไม่ได้มาพร้อมกับจำนวน VRAM ที่สูงเหมือนตัว RX 570 แต่ได้ข้อดีในเรื่องของการใช้พลังงานที่ต่ำกว่ามากและไม่ต้องต่อไฟเลี้ยงเพิ่ม ทำให้มันสามารถเข้าไปอยู่กับทุกเครื่องสำหรับการเล่นเกมได้อย่างไม่มีปัญหา พร้อมกับประสิทธิภาพการเล่นเกมที่เหนือกว่ารุ่นก่อน
ราคา 5,000 – 6,000 บาท

AMD Radeon RX 590 ถือว่าเป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ล่าสุดจากตระกูล RX 500 เพราะเปิดตัวออกมาในปี 2018 ขณะที่รุ่นอื่น ๆ มีการเปิดตัวในปี 2017 มาพร้อมกับกระบวนการผลิต 12 นาโนเมตร พร้อมกับสถาปัตยกรรม Polaris จุดเด่นของการ์ดจอรุ่นนี้คือการที่มาพร้อมกับตัวเลขทางเทคนิคที่ค่อนข้างสูงแต่ราคาดันถูกมากจนน่าแปลกใจ ถือว่าเป็นตัวเลือกอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจสำหรับแฟนคลับค่ายแดงที่ต้องการการ์ดจอที่มาพร้อมกับภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูพรีเมี่ยม
ราคา 5,000 – 9,000 บาท

NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti ถือว่าเป็นการ์ดจอที่แรงที่สุดในตระกูล GTX 16 สามารถที่จะเล่นเกมได้ที่ความละเอียด 1440p ได้แม้จะไม่ได้เฟรมเรทในระดับ 60 FPS แต่ก็สามารถที่จะใช้งานเล่นได้ไม่ต่ำกว่า 30 FPS เช่นเดียวกัน ตัวการ์ดจอมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่เทียบกับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่ากับการใช้งาน เหมาะสำหรับคนที่อยากได้การ์ดจอระดับกลางค่อนสูงที่ไม่อยากอัพเกรดบ่อย ๆ
ราคา 6,000 – 10,000 บาท

AMD Radeon RX 5600 XT ถือว่าเป็นการ์ดจออีกหนึ่งรุ่นที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สามารถมอบประสิทธิภาพการทำงานที่สูงเป็นอย่างมาก ตัวการ์ดแรกเริ่มเดิมที่มีการเปิดตัวออกมาเพื่อที่จะให้มีประสิทธิภาพสูงกว่าตัวของ RTX 2060 จาก NVIDIA ประสิทธิภาพในส่วนของการใช้งานเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p สามารถทำออกได้ค่อนข้างดีในชนิดที่เรียกว่าอาจจะดีกว่าตัวของ GTX 1660 Ti เสียด้วย อย่างไรก็ตามราคาในตอนนี้ก็อาจจะดูสูงไปเสียหน่อยสำหรับการตัดสินใจซื้อแต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการ์ดจอระดับกลางอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ
ราคา 10,000 – 11,000 บาท

AMD Radeon RX 5700 XT เป็นการ์ดจอที่อาจจะเรียกว่าหากเพิ่มเงินจากตัวของ RX 5600 XT ขึ้นมาได้อีกสักหน่อยก็แนะนำให้ทำการเพิ่มขึ้นมาจะดีกว่า เพราะมาพร้อมกับสเปคที่สูงกว่า จำนวนของ Bandwidth ที่มากกว่า ตัวการ์ดสามารถที่จะเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p ที่ 60 FPS ได้อย่างสบาย อีกทั้งสำหรับใครที่มีหน้าจอที่รองรับ 4K ก็สามารถที่จะเล่นได้ด้วยเช่นกัน แม้ว่าอาจจะไม่ถึง 60 FPS แต่ก็สามารถเล่นได้เช่นกัน แต่สำหรับใครที่อยากได้เทคโนโลยีอย่าง Ray Tracing อาจจะต้องมองข้ามการ์ดจอรุ่นนี้ไป
ราคา 12,000 – 16,000 บาท

NVIDIA GeForce RTX 2060 Super คงไม่มีใครกล้าปฎิเสธว่านี้คือหนึ่งในการ์ดจอระดับกลางที่ต้องอยู่ในรายชื่อเมื่อจะทำการอัพเกรดสิ่งที่มีอยู่หรือประกอบใหม่ ตัวการ์ดจอได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานจากรุ่นเดิมอย่าง RTX 2060 มาพร้อมกับจุดเด่นที่เหนือกว่าค่ายคู่แข่งคือการที่มีเทคโนโลยีอย่าง Ray Tracing และ DLSS หากเทียบกับประสิทธิภาพการทำงานกับตัวของ RX 5700 XT ในเรื่องของเทคโนโลยีตัวของ RTX 2060 Super มีให้มากกว่า แต่หากมองในแง่ประสิทธิภาพการทำงานต่อราคา RX 5700 XT จะดูเหนือกว่าเล็กน้อย
ราคา 12,000 – 16,000 บาท

NVIDIA GeForce RTX 2070 Super ขยับขึ้นมาที่การ์ดจอในกลุ่มระดับสูงกันบ้างตัวของ RTX 2070 Super มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจที่มากขึ้นกว่าเดิมจาก RTX 2070 รุ่นปกติ ในแง่ของประสิทธิภาพการทำงานและเทคโนโลยีถือว่าเป็นการ์ดจอที่ครบสุด ๆ สามารถใช้งานเล่นเกมระดับ 4K ได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามยังคงมีเรื่องที่น่าจะทำให้หลาย ๆ คนที่เข้าไปรับชมการทดสอบจากที่ต่าง ๆ แล้วอาจจะมองว่าตัวของ RTX 2070 Super ดูจะไม่ค่อยคุ้มกับเงินที่จ่ายไปเท่าไหร่นัก หากนำไปเทียบกับตัวของ RX 5700 XT และ RTX 2060 Super ซึ่งก็เป็นสิ่งที่การ์ดจอที่มีเลข 7 ของทาง NVIDIA ถูกตั้งคำถามมาตลอดตั้งแต่ GTX 1070 มาจนถึง RTX 2070 Super
ราคา 16,000 – 22,000 บาท

NVIDIA GeForce RTX 2080 Super เราคงไม่ต้องทำการอธิบายอะไรให้มากมายสำหรับการ์ดจอระดับสูงเพราะประสิทธิภาพที่เราจะได้มันแน่นอนอยู่แล้วว่าสามารถที่จะใช้งานเล่นเกมที่มีอยู่บนโลกใบนี้ได้ที่รองรับได้อย่างไม่มีปัญหา ตัวของ RTX 2080 Super มาพร้อมกับประสิทธิภาพในการเล่นเกม 4K ได้แบบไม่มีอาการเฟรมเรทตกให้ได้เห็น เทคโนโลยีต่าง ๆ มีให้อย่างครบถ้วนใช้งานเล่นเกม VR ได้สบาย ๆ ใครที่มีงบประมาณในการอัพเกรดการ์ดจอแบบไม่จำกัดถือว่าเป็นการ์ดจอรุ่นเดียวเลยก็ว่าได้ที่ต้องเลือกหามาใช้งานกับเครื่องของเรา
ราคา 23,000 – 32,000 บาท
และนี้ก็คือการ์ดจอทั้ง 9 รุ่นที่เราได้เลือกมาแนะนำให้ทุกคนได้นำไปเป็นตัวเลือกสำหรับการอัพเกรดการ์ดจอตัวใหม่ หรือใครที่กำลังจะประกอบคอมสำหรับการเล่นเกมใหม่ แน่นอนว่ายังมีการ์ดจอรุ่นที่สูงกว่าที่เรานำมาให้อีกเช่นกัน อย่างเช่น NVIDIA RTX 2080 Ti ที่มีประสิทธิภาพที่สูงมาก ๆ อย่างไรก็ตามดูแล้วราคาที่สูงระดับมาก ๆ จึงขอให้มันเป็นข้อยกเว้นที่เราจะไม่ยกมาพูดถึงแทน ใครที่มีการ์ดจอรุ่นใดอยากจะแนะนำเพิ่มเติมก็สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้เลย