เทียบชัดๆ Switch 2 เครื่องญี่ปุ่น เครื่อง Multi Language ต่างกันอย่างไร?
เจอเครื่องถูกแบบ Japan Only จะนำกลับมาเล่นได้ไหม? คุ้มหรือเปล่า? พบคำตอบที่นี่

นับถอยหลังใกล้วันวางจำหน่ายเข้าทุกวันสำหรับ Nintendo Switch 2 เครื่องเล่นเกมรุ่นเน็กซ์เจ็นที่จะมาเสิร์ฟความสนุกด้วยกองทัพเกมใหม่ให้เราได้ตื่นเต้น อย่างไรก็ตามหลายคนอาจจะยังคิดไม่ตกว่าเครื่องญี่ปุ่นที่มีราคาถูกกว่านั้นจะเหมาะกับตัวเองหรือเปล่า โดยวันนี้ ThisIsGame Thailand ก็ได้นำข้อแตกต่าง และจุดสำคัญของเครื่องญี่ปุ่นมาเปรียบเทียบให้ติดตามกันชัดๆ ด้วยว่าแล้วก็เริ่มกันที่ข้อแรกเลยดีกว่า
- เครื่องญี่ปุ่นแท้ กับ Multi Language ดูอย่างไร?

บนกล่องจะมีการระบุชัดเจนว่า Nintendo Switch 2 ที่นำมาจำหน่ายนั้นเป็นรุ่นไหน ซึ่งรุ่นญี่ปุ่นจะมาพร้อมกับข้อความกำกับว่า Japanese-Language System (Japan Only) และมีราคาที่ 49,980 เยน สำหรับเครื่องเปล่า และ 53,980 เยน สำหรับเครื่องบันเดิ้ล สังเกตได้ว่าราคาจะถูกกว่ารุ่นมาตรฐานที่เริ่มต้นที่ 69,980 เยนครับ ขณะเดียวกัน เครื่องมาตรฐานนั้นจะมีการระบุข้อความว่า Multi Language และมีคุณสมบัติเป็นการรองรับภาษาอังกฤษรวมไปถึงภาษาอื่นๆ ทั้งหมด ทั้งนี้ทั้งนั้นเครื่องที่อยู่หน้าร้านค้าทั่วไปในญี่ปุ่นได้รับการยืนยันว่าจะเป็น Japan Only เป็นหลักนะครับ อาจต้องเพ่งเล็งเป็นพิเศษ
- เครื่องญี่ปุ่นเล่นเกมอะไรได้บ้าง?
เครื่อง Japan Only จะมาพร้อมกับเมนูภาษาญี่ปุ่น และการเข้าใช้งานด้วยบัญชี Nintendo Account ที่ตั้งค่าโซนเป็นประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่สำหรับเกมที่เล่นได้ ถ้าเกิดเราใช้ตลับเกมรูปแบบภาษาอังกฤษจะสามารถเข้าใช้งานได้ตามปกติ และสามารถแสดงผลภาษาอังกฤษได้ในกรณีที่ตลับเกมนั้นเป็นตลับต่างประเทศ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเล่นเกมได้หรือไม่ครับ อย่างไรก็ตามซอฟต์แวร์ดาวน์โหลดอาจจะมีภาษาญี่ปุ่นเสียส่วนใหญ่เพราะจะเชื่อมต่อได้แค่ eShop โซนประเทศญี่ปุ่น
ด้วยความที่ต้องเชื่อมต่อ eShop ญี่ปุ่นอย่างเดียว อย่าลืมว่ายังมีเกมเก่าที่สามารถรับอัปเกรดเน็กซ์เจ็นได้ ซึ่งจุดนี้ตลับเกมในไทยเช่น The Legend of Zelda: BotW, Kirby and the Forgotten Land และ Mario Party Jamboree จะเป็นตลับพื้นฐานจากภาษาสากล ดังนั้นจะไม่สามารถเข้าเกณฑ์ขอรับอัปเดตคอนเทนต์และฟังก์ชันเพิ่มเติมได้ด้วย แต่จะเล่นเจ็นเก่าได้ตามปกติครับ

- ข้อจำกัดในการใช้ eShop โซนประเทศญี่ปุ่น
เมื่อใช้งานเครื่อง Nintendo Switch 2 รุ่น Japan Only แล้ว แน่นอนว่าจะต้องรัน eShop ในโซนญี่ปุ่นเท่านั้น ปัจจุบันร้านค้าไม่รองรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตที่ออกให้โดยธนาคารต่างประเทศ หรือการใช้ PayPal อีกต่อไป ในกรณีที่เป็นคนไทยที่อาจจะเป็นผู้อ่านหลายๆ คน สามารถใช้วิธีเติมบัตรเติมเงิน eShop Prepaid Card ที่มีราคา 1,000, 3,000 หรือ 5,000 เยน หรือ 10,000 เยนทดแทนได้ครับ
ซอฟต์แวร์ดิจิทัลดาวน์โหลดใน eShop โซนประเทศญี่ปุ่นนั้นอาจจะไม่ได้มีแต่ภาษาญี่ปุ่นเสมอไป แต่คาดว่าจะมีการปรับแต่งเพิ่มเติมในอนาคตซึ่งจาก Pokémon Legends Z-A จะพบว่าได้จำกัดให้แสดงผลแค่ภาษาญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้วครับ และนอกจากนั้นในกรณีที่เราต้องการซื้อ DLC ให้กับเกมตลับ ก็จะมีข้อจำกัดที่ต้องใช้ตลับญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียวนั่นเองครับ กระนั้นก็ไม่มีการล็อคไม่ให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด

แสดงผลในร้านค้าเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน
- บัญชีบ้าน Nintendo Switch Online ทำยังไง?
ข่าวดีก็คือ NSO บ้านเดิมที่ใช้อยู่นั้นสามารถใช้งานได้ตามปกติเพียงแค่ลูกบ้านจะต้องเปลี่ยนมาเป็นโซนญี่ปุ่นในการลงชื่อเข้าใช้เครื่อง ส่วนกรณีที่คนอื่นเป็นเจ้าบ้านนั้นสามารถใช้โซนไหนก็ได้ ยกเว้นกรณีที่เจ้าของเครื่อง Switch 2 – Japan Only ต้องการเป็นเจ้าบ้านเอง อันนี้ต้องใช้โซนญี่ปุ่นครับ

- ซื้อในไทยมันจะมีแบ่งแบบนี้ไหม?
เครื่องเล่นในประเทศไทยจะเป็นรุ่น Multi Language ซึ่งความต่างก็คือเช่นเดียวกับประเทศสากลอื่นๆ ที่มีเครื่องรุ่นนี้เป็นมาตรฐานก็คือ ตัวกล่องจะไม่ได้ระบุอะไร เรียกง่ายๆ ก็คือมีการแบ่งเพียงแค่ในพื้นที่ญี่ปุ่นอย่างเดียว นอกจากนี้การซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายในไทยที่มีให้บริการอย่าง Synnex นั้นแม้จะต้องรออีกสักนิด ทว่าก็มั่นใจได้ว่าได้เครื่องที่มีการรองรับการใช้งานที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยมากกว่า รวมไปถึงบริการหลังการจำหน่ายด้วย
- ปัจจัยในการตัดสินใจซื้อเครื่อง Japan Only และ Multi Language
เครื่อง Japan Only นั้นแม้ว่าจะถูกมาก แต่มีข้อจำกัดสำคัญที่สุดก็คือเรื่องการเชื่อมต่อบริการออนไลน์และ eShop เพียงอย่างเดียว หากใครแค่เล่นเกมตลับและไม่ได้สนใจ DLC หรือเกม Free-to-play ในอนาคต อาจจะเลือกซื้อเครื่องนี้ไปก่อนเลยก็ได้ อย่างไรก็ตามหากต้องการประสบการณ์ที่ปรับแต่งการใช้งานได้ตามอิสระ ทั้งการเชื่อมต่อสโตร์ การลดความลำบากในการใช้งานหรือกำแพงภาษาในอนาคต ก็คงต้องเลือกซื้อ Multi Language ไป
เกี่ยวกับ Nintendo Switch 2
เครื่องเล่นเกมคอนโซลรูปแบบไฮบริดที่จะสานต่อความสนุกจากเครื่องเล่นรุ่นแรกในรูปแบบเน็กซ์เจ็น พร้อมกับหน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว และการรองรับ HDR เช่นเดียวกับความละเอียด 1080P (หรือ 4K สำหรับการใช้งานบนโทรทัศน์) และเฟรมเรตระดับ 120FPS อีกทั้งยังมีความสามารถในการใช้ระบบ Voice Chat – Video Call ครบครัน รองรับความจุระดับ 256GB โดยมีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 5 มิถุนายน 2025 นี้ในต่างประเทศ และภายในเดือนกรกฎาคม – กันยายน สำหรับประเทศไทย