[รีวิว] Assassin’s Creed Shadows คู่หูมือสังหารและซามูไรแห่งแดนอาทิตย์อุทัย

Assassin’s Creed Shadows เป็นเกมภาคล่าสุดในซีรีส์มือสังหารอย่าง Assassin’s Creed โดยในภาคนี้เกมจะพาเราไปติดตามเนื้อเรื่องที่เข้มข้นของชิโนบิสาวอย่าง Naoe และ Yasuke ซามูไรเชื้อสายแอฟริกาผู้ทรงพลังจากตำนาน บนฉากหลังอันแปรปรวนของยุคปลาย Sengoku ทั้งสองจะค้นพบชะตากรรมร่วมกัน พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

และในวันนี้ทางทีมงานได้มีโอกาสเข้าไปผจญภัยมาแล้ว และเราก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ

อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 โดยหากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้าหลังจากที่รีวิวนี้ได้เผยแพร่ไปแล้ว ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยหลังจากที่รีวิวเผยแพร่ไปแล้วก็เป็นได้

หมายเหตุ ในรีวิวนี้ผู้เขียนขอมุ่งเน้นในส่วนของกราฟิก และเกมเพลย์ โดยประเด็นในแง่ของวัฒนธรรมต่าง ๆ นั้นจะไม่ได้ถูกหยิบยกมาพูดเนื่องจากผู้เขียนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มากพอที่จะพูดถึงประเด็นที่ละเอียดอ่อนประเด็นนี้ครับ

กราฟิกสวยงาม ปรับแต่งมาดี เล่นโหมดคุณภาพแจ่มสุด ๆ

เริ่มต้นจากกราฟิกภายในเกม Assassin’s Creed Shadows ที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจเป็นอันดับที่หนึ่งในบรรดาหัวข้ออื่นหลังจากที่ได้เล่นเกมนี้ โดยภาพรวมแล้วกราฟิกภายในเกมนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นความคมชัด รายละเอียดของพื้นผิวต่าง ๆ ที่ปรากฏให้เราได้เห็น ทั้งในส่วนของโมเดลตัวละคร โมเดลสิ่งของต่าง ๆ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมทั้งหมดภายในเกม ถูกทำออกมาได้อย่างละเอียดสวยงามน่าประทับใจเป็นอย่างมาก และในส่วนของแสงเงาภายในเกมนี้ยังถูกทำออกมาได้อย่างสวยงามลงตัว ไม่เพียงแต่สร้างบรรยากาศที่สมจริง แต่ยังส่งผลต่อเกมเพลย์โดยตรงซึ่งในรายละเอียดจะพูดถึงในหัวข้อต่อ ๆ ไปครับ

และสิ่งที่ทำให้ผู้เขียนประทับใจในแง่ของกราฟิกอีกประเด็นหนึ่งก็คือ “โหมดคุณภาพ” ซึ่งต้องบอกก่อนว่าในปัจจุบันนี้ ผู้เล่นสามารถเลือกเล่นเกมได้สองโหมดหลัก ๆ ก็คือโหมดคุณภาพและโหมดประสิทธิภาพ โดยจุดเด่นที่สุดก็คือโหมดคุณภาพจะทำให้เราได้เล่น เกมกราฟิกที่สวยงามและละเอียดขึ้นกว่าประสิทธิภาพ แต่ FPS นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 30FPS ในขณะที่โหมดประสิทธิภาพนั้นแม้ว่าจะต้องแลกด้วยความคมชัดที่ลดลงไปบ้างเล็กน้อยแต่สิ่งที่ได้มาก็คือความลื่นไหลของเกมที่สามารถเล่นได้ถึง 60FPS สบาย ๆ

ซึ่งในเกมนี้ผู้เขียนได้ทดสอบการเล่นเกมทั้งสองแล้วพบว่า โหมดคุณภาพนำเสนอประสบการณ์การเล่นที่คุ้มค่าได้อย่างน่าประทับใจ เพราะในโหมดนี้เราจะได้สัมผัสกับกราฟิกที่สวยงามแบบเต็ม ๆ ตา แต่สิ่งที่ผู้เขียนเซอร์ไพรส์ก็คือความลื่นไหลของเกมไม่ได้ถูกล็อกไว้ที่ 30FPS นั่นแปลว่าเราได้เล่นเกมในความลื่นไหลระดับสูงขึ้น แม้ว่าจะไม่เทียบเท่า 60FPS แต่ก็ถือว่าลื่นไหลมากพอที่จะดูแล้วไม่รู้สึกขัดตากับการเล่นเกมนี้เลยแม้แต่น้อย

การนำเสนอฉากคัทซีนที่สวยงาม

เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ปกติจะไม่ค่อยได้เขียนสักเท่าไหร่ แต่สำหรับเกมนี้ผู้เขียนขอแยกหัวข้อนี้ออกมาเป็นหัวข้อพิเศษเลยเนื่องจากประทับใจจริง ๆ นั่นก็คือการนำเสนอองค์ประกอบในฉากโดยเฉพาะฉากคัทซีนต่าง ๆ ที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ โดยสำหรับผู้เขียนแล้ว ผู้เขียนมองว่าการนำเสนอภายในเกมนี้มีการจัดวางองค์ประกอบที่อาร์ตมาก ๆ ในหลาย ๆ ฉากสามารถแคปเจอร์หน้าจอมาทำเป็นภาพวอลล์เปเปอร์ได้เลย ทำให้ผู้เขียนรู้สึกประทับใจมากเป็นพิเศษ เพราะถือว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของผู้พัฒนาเกมในการจัดวางองค์ประกอบเหล่านี้

นอกจากนี้ การนำเสนอฉากหลายหลายฉากทำออกมาได้ถือว่ามีอิมแพ็กกว่าหลาย ๆ เกมก่อนหน้านี้พอสมควร ซึ่งผู้เขียนขออนุญาตไม่ลงในรายละเอียดมากจนเกินไปเนื่องจากจะเป็นการสปอยล์เกม แต่บอกได้เลยว่าจะต้องมีฉากที่คุณรู้สึกเศร้า และขนลุกไปกับตัวละครภายในเกมได้อย่างแน่นอน

เกมเพลย์ที่แบ่งแยก 2 ตัวละครอย่างชัดเจน

ในส่วนของเกมเพลย์ภายในเกมนี้ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะเราทราบมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเกมนี้มีตัวละครหลัก 2 ตัวที่จะมีแนวทางการเล่นที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิงนั่นก็คือ Naoe ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของสายลอบเร้น และ Yasuke ที่เป็นเหมือนตัวแทนของสายประจัญบานนั่นเอง

โดยผู้เขียนขอเริ่มต้นจากเกมเพลย์ลอบเร้นภายในเกมนี้ก่อน ซึ่งการลอบเร้นเปรียบเสมือนหัวใจหลักของเกมซีรีส์นี้ และแน่นอนว่าระบบดังกล่าวภายในเกมนี้ก็ถูกทำออกมาได้อย่างดีงาม โดยผู้เล่นสามารถแอบซ่อนตัวในพุ่มไม้, หีบสมบัติ สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ รวมไปถึงกระโดดจากที่สูงเพื่อลอบสังหารศัตรูได้ แต่สิ่งที่เกมนี้ทำได้ดีขึ้นมาก ๆ ก็คือการลอบเร้นใน “เงา” นั่นเอง เพราะในหลาย ๆ ครั้งเราสามารถซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและลอบสังหารศัตรูที่ไม่ทันระวังตัวได้เช่นกัน อีกทั้งการเคลื่อนที่ในเงามืดก็ทำให้ศัตรูเห็นเรายากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้เกมยังมีรายละเอียดที่ทำให้ผู้เล่นได้ตื่นเต้นอีกสักเล็กน้อย นั่นก็คือการลอบสังหารจะทำได้ยากขึ้นทันทีเมื่อศัตรูที่เป็นเป้าหมายของเรานั้นเป็นศัตรูระดับสูง ซึ่งหลายหลายครั้งอาจจะทำให้เราลอบสังหารไม่สำเร็จและบังคับให้เราเข้าสู้แบบตาต่อตาด้วยเช่นกัน โดยใน Assassin’s Creed Shadows ยังมีจุดที่น่าสนใจอีกเล็กน้อยก็คือหากเราใช้วิธีล่อลวงศัตรูให้มาติดกับเรา (เช่นการผิวปาก) หรือเราอาจจะเผลอปรากฎตัวให้ศัตรูเห็นทำให้ศัตรูรู้สึกระมัดระวังตัวมากขึ้นก็จะทำให้การลอบสังหารศัตรูบางส่วนอาจจะไม่สามารถแทงครั้งเดียวตายได้เหมือนปกติ เพราะศัตรูจะสามารถหลบหลีกในเสี้ยววินาทีสุดท้ายได้ทัน ทำให้เสียเลือดไปบางส่วนเท่านั้น ซึ่งจุดนี้ก็ถือว่าเป็นการเพิ่มมิติในการใช้กลยุทธ์รอบด้านในการลอบสังหารได้พอสมควร

และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผู้เขียนประทับใจเช่นเคยก็คือ Eagle Vision ที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก โดยเราสามารถกดปุ่ม R3 เพื่อเข้าสู่สถานะ Eagle Vision จากนั้นก็กดปุ่ม L2 เพื่อซูมทำเครื่องหมายตำแหน่งของศัตรูเอาไว้เพื่อดูความเคลื่อนไหว ซึ่งหากใครเป็นสายลอบเร้นจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน

ในขณะเดียวกันการต่อสู้แบบเผชิญหน้าเป็นสิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกแอบลำบากอยู่เล็กน้อย โดยการต่อสู้กับศัตรูทั่วไปไม่ใช่ปัญหาสักเท่าไหร่ แต่การต่อสู้กับศัตรูระดับสูงถือว่าอยู่ในระดับที่ยากน้อง ๆ Souls เลยทีเดียว เพราะขนาดผู้เขียนเล่นในความยากระดับปานกลาง ในการต่อสู้แบบเผชิญหน้ากับศัตรูระดับสูงด้วยตัวละคร Naoe ยังพลาดท่าตายไปหลายที เนื่องด้วย Naoe ไม่ใช่ตัวละครประเภทเดินหน้าฆ่ามันซึ่งต่างจาก Yasuke นั่นเอง นอกจากนี้เกมยังมุ่งเน้นการปัดป้องและการหลบหลีกให้ถูกจังหวะเพื่อช่วงชิงจังหวะการกำจัดศัตรู ยิ่งถ้าเราเจอกับศัตรูระดับสูงเราจำเป็นที่จะต้องทำลายเกราะของพวกเขาเสียก่อนถึงจะโจมตีเข้าแถบ HP ได้ ซึ่งบอก ได้เลยว่าท้าทายแบบสุดสุด แต่ผู้เขียนมั่นใจว่ามีผู้เล่นปาจอยแน่นอน (ฮา…) ในขณะที่ Yasuke นั้นอาจจะไม่ต้องห่วงจุดนี้เท่าไหร่เพราะการโจมตีของเขาเรียกได้ว่าศัตรูโดนเน้น ๆ และมีความถึกทนมากกว่า ทำให้การต่อสู้แบบเผชิญหน้าด้วย Yasuke นั้นทำได้ง่ายมาก ๆ (แต่แน่นอนว่าการหยิบ Yasuke ไปลอบเร้นก็ยากจนปวดหัวเลยทีเดียว)

มาถึงฝั่งของ Yasuke บ้างครับ โดยตัวละครนี้อย่างที่ได้บอกไปว่าเป็นซามูไรผิวสี ทำให้การต่อสู้ของเขาเป็นการเผชิญหน้าพร้อมกับอาวุธที่มีหลากหลาย (แต่ก็มุ่งเน้นในการทำลายล้างเหมือน ๆ กัน) ไม่ว่าจะเป็น Katana อาวุธที่สมดุลทั้งหมด, Naginata อาวุธที่โจมตีได้วงกว้างและระยะยาว และ kanabō อาวุธที่ทำดาเมจได้มหาศาล แต่เชื่องช้าที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าตัวละครนี้ไม่ได้มีอาวุธนินจากใด ๆ แต่จะมีธนูปืนยาว และสิ่งที่ผู้เขียนแอบชอบก็คือสิ่งปลูกสร้างบางอย่างที่ Naoe จะต้องมุดหรือปีน พี่ Yasuke ของเราเดินทะลวงผ่านไปได้เลยสบาย ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำให้การเล่นของ Yasuke แตกต่างไปจาก Naoe อย่างชัดเจน

และด้วยประสบการณ์การเล่นทั้ง 2 ตัวละครในบทบาทที่แตกต่างกันออกไปก็ทำให้ผู้เขียนได้พบว่าตัวละครทั้งสองตัวนี้มีบทบาทที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่มีตัวละครใดตัวละครหนึ่งเก่งกว่ากัน ไม่มีตัวละครไหนที่ทำทั้ง 2 อย่างได้ชำนาญการ (ต่อให้ทำได้ก็ถือว่าเหนื่อยไม่น้อย) หากผู้เล่นคนใดชอบเล่นแบบลอบเร้นไม่เผชิญหน้ากับศัตรูมากมาย ก็เลือกเล่นนินจาสาวอย่าง Naoe ในขณะที่ใครชอบเดินหน้าฆ่ามันฟันแหลกแหกค่ายก็ขอเชิญไปทางนักรบผิวสีอย่าง Yasuke เดินทะลุทุกสิ่งอย่างไปฟาดฟันแบบซึ่ง ๆ หน้าได้เลย

อนึ่งหากใครคิดถึงเกมเพลย์ Assassin’s Creed แบบดั้งเดิมที่ลอบสังหารทีเดียวตายได้สำหรับศัตรูทุกตัวก็สามารถเปิดใช้งานได้ในการตั้งค่า ซึ่งเมื่อเราเปิดการใช้งานนี้แล้วไม่ว่าศัตรูจะเป็นระดับไหนเราก็สามารถสังหารได้ในดาบเดียวสบาย ๆ (ซึ่งพอผู้เขียนเองเปิดระบบนี้ก็รู้สึกว่าเล่นง่ายขึ้นเยอะ) นอกจากนี้เรายังสามารถปรับแต่งความโหดในการต่อสู้ และการลอบเร้นได้ด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อปรับการตั้งค่าในส่วนนี้ก็จะส่งผลให้ประสบการณ์การเล่นของ 2 ตัวละครนี้มีความแตกต่างน้อยลงไปเล็กน้อย ซึ่งก็แล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละคนแล้วล่ะครับ

เกมเพลย์ผสมผสาน RPG ที่คุ้นเคย

นอกจากนี้เกมดังกล่าวยังมีการผสมผสานเกมเพลย์แบบ RPG ด้วย นั่นก็คือระบบการอัปเกรดตัวละครที่ในครั้งนี้มีเลเวล 2 แบบนั่นก็คือเลเวลตัวละครที่เมื่อไหร่ก็ตามที่ตัวละครของผู้เล่นเลเวลสูงขึ้นก็จะทำให้ค่าสถานะพื้นฐานนั้นดีขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่การตามเก็บสมบัติต่าง ๆ รวมไปถึงการทำเควสบางอย่างก็จะส่งผลต่อระดับเลเวล “ความรู้” (Knowledge) ของตัวละคร ซึ่งเลเวลความรู้จะส่งผลต่อสกิลโดยตรง เพราะเราสามารถนำแต้มที่ได้มาอัปเกรดสกิล รวมไปถึงสกิลที่สูงขึ้นจะถูกล็อกด้วยเลเวลความรู้ที่สูงขึ้นตามไปด้วย ฉะนั้นการสะสมเลเวลตัวละครอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป

นอกจากนี้ตัวเกมยังมีระบบสกิลให้ผู้เล่นได้ใช้งานด้วย ซึ่งจุดนี้ผู้เขียนแอบรู้สึกขัดใจเล็กน้อยเพราะว่าสกิลหลาย ๆ อย่างนั้นดู “แฟนตาซี” เกินกว่าที่ตัวเกมนำเสนอแบบกึ่งสมจริงออกมาให้เราได้เล่นกัน ซึ่งจุดนี้อาจจะดูแปลก ๆ ไปหน่อย แต่ระบบนี้ก็ทำให้การต่อสู้ภายในเกมนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น และนี่คือสิ่งที่ทำให้ตัวละครของเราเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้มากขึ้นตามไปด้วย

ระบบ Scout ผู้ช่วยในโลกที่ยุ่งเหยิง แต่ทำให้ยุ่งเหยิงกว่าเดิม

Scout เปรียบเสมือนหูตาของกลุ่มของ Naoe ที่จะคอยช่วยเหลือเราในการทำภารกิจต่าง ๆ ซึ่งเมื่อได้สัมผัสจริง ๆ แล้วผู้เขียนรู้สึกวุ่นวายกับระบบนี้ไม่น้อย เพราะการทำเควสสำรวจต่าง ๆ หากไม่มี Scout คอยช่วยเหลือก็แทบจะเรียกได้ว่าทำได้ยากมาก ๆ แต่ต่อให้มี Scout ก็ไม่ได้แปลว่าภารกิจจะสำรวจง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่นภารกิจตามหาคน ที่ในเควสจะระบุมากว้าง ๆ ว่าตัวละครนี้อยู่ในพื้นที่ใด แต่ในพื้นที่นั้นก็กว้างเสียเหลือเกิน เราจำเป็นที่จะต้องใช้ Scout ในการจำกัดสถานที่ค้นหาให้แคบลง… ใช่ครับ แค่จำกัดให้แคบลง จะมีแค่บางครั้งเท่านั้น ทำให้ผู้เล่นจะยังคงต้องเดินสำรวจหาเองอยู่ดี แม้ว่าจะแคบลงแต่ก็ถือว่าวุ่นวายไม่น้อย

นอกจากนี้ Scout ยังถูกนำมาใช้ในการขนทรัพยากรหลังจากที่เราบุกค่ายได้ด้วย แต่จุดที่ค่อนข้างขัดใจก็คือแทนที่เราจะหยิบทรัพยากรไปได้เลย เรากลับต้องทำสัญลักษณ์ไว้และรอให้ Scout มาขนทัพยากรเหล่านี้กลับไปเอง… มันเป็นอะไรที่แปลกดีเหมือนกัน แต่ที่วุ่นวายไปมากกว่านั้นก็คือ Scout เมื่อใช้แล้วก็ต้องพักสักพักใหญ่ ๆ จึงจะกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ซึ่งเราสามารถเร่งเวลา Refresh Scout ให้เร็วขึ้นได้ด้วยการใช้เงินภายในเกม Refresh เวลานั่นเอง ซึ่งจุดนี้เองผู้เขียนรู้สึกแปลก ๆ และรู้สึกว่ามันวุ่นวายไม่น้อยเลยทีเดียว

ระบบการสร้างหมู่บ้านที่ไม่ได้มีความลึกซึ้งมาก แต่ก็เพลิดเพลินดี

ในการสร้างหมู่บ้านของเรานั้นถือว่าเป็นประสบการณ์เล่นเกมที่ดีในอีกส่วนหนึ่ง โดยเราสามารถปลดล็อคสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ได้เมื่อเราเล่นเกมตามเนื้อเรื่องไปเรื่อย ๆ และเราสามารถกลับมาสร้างสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นและจัดวางแผนผังของหมู่บ้านของตนเองได้แบบเต็มที่ แถมสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ยังสามารถเปลี่ยนวัสดุในการสร้างได้ (เมื่อเล่นเกมไปเรื่อย ๆ) ด้วย ทำให้ผู้เขียนมั่นใจว่าเมื่อเกมนี้วางจำหน่าย เราจะได้เห็นผังหมู่บ้านของผู้เล่นโชว์กันบนชุมชนออนไลน์อย่างแน่นอน

เนื้อเรื่องที่กำลังดี หากมีความรู้ยุค Sengoku มาบ้างจะสนุกยิ่งขึ้น

ในส่วนของเนื้อเรื่องของ Assassin’s Creed Shadows นี้ผู้เขียนขออนุญาตเตือนก่อนว่าจะมีการสปอยล์ค่อนข้างชัดเจนสำหรับเนื้อเรื่องในช่วงเริ่มต้น ซึ่งจะขออนุญาตเขียนไว้ในช่วงย่อหน้าท้ายแล้วจะมีการเตือนสปอยล์อีกครั้งนะครับ

สำหรับการเล่นเกมนี้ผู้เขียนขอแนะนำให้ผู้เล่นไปหาข้อมูลเกี่ยวกับช่วงยุค Sengoku เสียก่อนน่าจะทำให้ผู้เล่นอินกับเกมนี้ได้มากยิ่งขึ้นซึ่งต้องบอกก่อนว่าเนื้อเรื่องยุคนี้เป็นยุคที่เกมหลาย ๆ เกมเลือกมาสร้างเป็นเกมจำนวนมากเพราะมีความลึกล้ำและเข้มข้นไม่ต่างจากสามก๊กของจีนเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามหากผู้เล่นไม่เคยติดตามเนื้อเรื่องยุค Sengoku มาก่อนก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะการไม่รู้ประวัติศาสตร์บางส่วนมาก่อนไม่ได้ทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมนี้แย่ลงแต่อย่างใด แต่ถ้ารู้มาบ้างก็คงจะตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของตัวละครหลายหลายตัวในประวัติศาสตร์มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

และแน่นอนว่าเกมนี้เป็นเกมที่ผู้เล่นสามารถเลือกตอบคำถามเพื่อส่งผลกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแตกต่างกันออกไป ทำให้เกมนี้มีการเพิ่มตัวช่วยที่เรียกว่า Canon Mode เข้ามา เพื่อให้ผู้เล่นสามารถดำเนินเนื้อเรื่องไปได้โดยไม่ต้องกังวลว่าเส้นทางที่ตัวเองเลือกนั้นจะพาไปยังฉากที่ไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่ ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนแล้วยังไม่เปิดใช้โหมดนี้เพราะต้องการเล่นด้วยตนเองเสร็จก่อนจนกว่าจะจบรอบแรก และเมื่อเริ่มต้นรอบที่สองค่อยเลือกเล่นโหมดนี้เพื่อเสพย์เนื้อเรื่องแบบเต็มที่อย่างที่ผู้พัฒนาต้องการ อีกครั้งหนึ่ง

---

หลังจากนี้มีสปอยล์เนื้อหาช่วงต้นเล็กน้อย

---

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้เขียนค่อนข้างแปลกใจก็คือบทบาทของ Yasuke ใน Assassin’s Creed Shadows มีน้อยกว่าที่คิดไว้เยอะมาก ๆ โดยเฉพาะในช่วงแรกที่เรียกได้ว่าเราจะได้เห็นการปรากฏตัวของเขาและการต่อสู้ของเขาเพียงเล็กน้อยในช่วงต้นเพื่อให้เราได้รู้จักตัวละครนี้ แล้วจากนั้นจะเป็นการติดตามเรื่องราวของ Naoe ต่อเนื่องยาวร่วม 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งจุดนี้ไม่มั่นใจว่าเป็นการวางแผนเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นของทางผู้พัฒนาเกม หรือเป็นเพราะดราม่าที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้ทางผู้พัฒนาเกมตัดสินใจลดทอนเนื้อเรื่องของ Yasuke ลงไป

ซึ่งจุดนี้เองเป็นจุดที่น่าเสียดายเล็กน้อยเพราะว่าผู้เขียนพบกับปัญหาเล็กน้อยในด้านการเล่าเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของตัวละคร Naoe ที่เนื้อเรื่องดูเหมือนจะถูกเร่งรัดจนเกินไป ผู้เขียนรู้สึกว่าทางผู้พัฒนาเกมมีการวางแผนที่จะให้ผู้เล่นได้สลับการเล่นระหว่าง Naoe และ Yasuke เพื่อให้ผู้เล่นได้ดื่มด่ำกับเนื้อหาของทั้งสองตัวละครอย่างเต็มที่ การที่เนื้อเรื่องของ Yasuke ถูกตัดออกไป ทำให้การติดตามเรื่องราวของ Naoe ขาดความต่อเนื่องและรู้สึกว่าหลาย ๆ จุดถูกเร่งรีบจนเกินไป (เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น)

อย่างไรก็ตาม หากมองข้ามประเด็นการเล่าเรื่องที่ขาดความสมดุลไป Assassin’s Creed Shadows ยังคงเป็นเกมที่มีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจและติดตามได้เรื่อย ๆ ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป สำหรับผู้เล่นที่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับยุค Sengoku จะสามารถเข้าถึงและสนุกกับเนื้อหาของเกมได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากเกมมีการอ้างอิงถึงเหตุการณ์และบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น การทำความเข้าใจบริบททางประวัติศาสตร์จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถซึมซับเรื่องราวและรายละเอียดต่าง ๆ ของเกมได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

สรุปรีวิว

สำหรับผู้เขียนมองว่า Assassin’s Creed Shadows เป็นเกมที่นำเสนอองค์ประกอบของคำว่า Assassin’s Creed ได้ค่อนข้างดี แม้ว่าจะมีบางอย่างที่ดูขัดหูขัดตาไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าเป็นประสบการณ์การเล่นเกมที่สนุกเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นที่หากใครรู้ข้อมูลยุค Sengoku มาบ้างก็คงจะตื่นเต้นมากกว่าเดิมไม่น้อย

ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 8 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ

จุดเด่น

– กราฟิกสวยงามแบบสุด ๆ เล่นโหมดคุณภาพได้เกิน 30FPS บน PS5 รุ่นธรรมดา

– เกมเพลย์ลอบเร้นที่มีมิติด้วยระบบแสงเงา และ Eagle Vision

– ตัวละคร 2 ตัวที่มีบทบาทแยกจากกันอย่างชัดเจนในแง่ของการต่อสู้

– ระบบเกม RPG ที่ถูกผสมลงมาได้พอดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป

– ระบบการสร้างหมู่บ้านที่ไม่ลึกจนเกินไป เล่นได้เพลิน ๆ

– Naoe สวยมากคิ้วท์มาก Junjiro น่ารักน่าหยิกสุด ๆ

ข้อสังเกต

– ม้าที่ไม่สามารถตั้งค่าให้วิ่ง Auto ได้

– เนื้อเรื่องของ 2 ตัวละครดูจะไม่สมดุลสักเท่าไหร่

– ระบบ Scout ที่แอบงง ต้องใช้เวลาศึกษาพอสมควร

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Ubisoft ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวกันในครั้งนี้ครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อเกมได้ที่ : [คลิก]

ภาพสกรีนช็อตเพิ่มเติม

ผู้อ่านคนใดต้องการติดตามรีวิว / พรีวิวเกมอื่น ๆ ของ This Is Game Thailand ก็สามารถมาได้ที่นี่ครับ >>>คลิก<<<