
พบกันเป็นประจำทุกปีสำหรับเกมยิงปืนยอดฮิต Call of Duty ที่ได้ชื่อว่าเป็นเกมที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดของโลกรองลงมาจาก Super Mario และ Tetris ซึ่งไม่ว่าจะเข็นภาคไหนมาก็ทำยอดจำหน่ายได้ทะลุล้านกันตลอด ทั้งนี้ทั้งนั้นหลายคนก็คงสงสัยไม่น้อยใช่ไหมครับว่ากว่าจะมาเป็นเกมยิงปืนที่มียอดขายสูงสุดในกลุ่มแอ็กชันด้วยกัน จะต้องใช้เงินทุนกันเท่าไร ล่าสุดก็มีเอกสารน่าสนใจที่ออกมาให้คำตอบแล้วด้วยครับ
เว็บไซต์ Game File ได้ระบุว่าพวกเขาได้รับเอกสารในศาลที่ใช้ระหว่างการพิจารณาคดีเกี่ยวข้องกับความรุนแรงของเกมแฟรนไชส์นี้กับเหตุกราดยิงเมื่อไม่กี่ปีก่อน ซึ่งเนื้อหาหนึ่งในนั้นได้มีการพูดถึงการใช้ทุนพัฒนาเกมในแต่ละภาคช่วงหลังๆ ด้วย เริ่มจาก Black Ops III, Modern Warfare (2019) และภาค Cold War โดยใช้เงินในการพัฒนาสูงขึ้นตามลำดับที่ 450 ล้าน, 640 ล้าน และ 700 ล้านดอลลาร์ หรือสูงสุดประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาทเลยครับ
หากมองโดยกำปั้นทุบดินแล้ว ด้วยราคาเกมที่ระดับ $60 ก็จะต้องทำยอดจำหน่ายให้ได้มากถึง 11.6 ล้านชุดขึ้นไป ซึ่งนั่นก็ยังไม่ได้คืนทุนเต็มจำนวนเพราะย่อมมีการหักค่าใช้จ่ายส่วนการโปรโมตและค่าแรงรวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก โดยถึงแม้จะไม่มีการให้ข้อมูลใดเพิ่มเติม แต่คาดว่ายิ่งภาคใหม่ๆ ก็อาจจะยิ่งต้องมีต้นทุนพัฒนาสูงขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการถ่ายทอดประสบการณ์รูปแบบเน็กซ์เจ็น

ฉันใดก็ดีแน่นอนว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพายอดจำหน่ายจากเกมเพียงอย่างเดียว เพราะ Call of Duty มีลักษณะการให้บริการรูปแบบกึ่ง Live Service อยู่แล้วด้วยการปล่อยคอนเทนต์ออนไลน์ตลอดทั้งปี และยังมีกิจกรรมการครอสโอเวอร์ที่แม้จะลงทุนสูงแต่ก็ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งหมด ไปจนถึงธุรกิจของ Warzone ด้วย และเอาเข้าจริงแม้บางภาคเช่น Cold War จะทำยอดจำหน่ายได้ระดับ 30 ล้านชุด ซึ่งน้อยกว่าภาคก่อนหน้าตามที่ได้ยกตัวอย่าง ทว่าไม่นานภาคต่อๆ มาก็มียอดที่ดีขึ้น
ปัจจุบัน ภาคใหม่อย่าง Black Ops 6 ได้เปิดให้เล่นแล้วบน PlayStation 5, Xbox Series X|S และ PC โดยจะเป็นเรื่องราวต่อเนื่องจากภาค Black Ops Cold War ในปี 2020 โดยแคมเปญหลักมาพร้อมกับธีมสปายอยู่ในยุค 1990 พร้อมโหมดการเล่นแคมเปญ – PvP ออนไลน์ครบครัน ซึ่งโหมดมัลติเพลเยอร์จะนำเสนอคอนเทนต์ฉากที่พัฒนาใหม่ถึง 16 ฉาก รองรับความสนุกในโหมดการเล่นทั้ง 6v6 คลาสสิกยอดฮิต