5 ความประทับใจหลังจากได้ทดลองเล่นเกม Pokémon Scarlet & Violet

Pokémon Scarlet and Pokémon Violet เป็นเกมโปเกมอนภาคล่าสุดที่กำลังจะวางจำหน่ายให้ผู้ที่สนใจได้ซื้อไปเล่นกันในวันที่ 18 พ.ย. 65 นี้ โดยเกมดังกล่าวได้มีการโปรโมตจุดเด่นจำนวนมากมาให้เราได้ติดตามกันอยู่เสมอ แต่จะมีอะไรดีไปกว่าการที่เราได้ทดลองเล่นเกมนี้ด้วยตนเอง! ล่าสุดทีมงาน This Is Game Thailand ได้รับโอกาสสุดพิเศษจากทาง The Pokémon Company ในการเข้าร่วมทดสอบเล่นเกมดังกล่าว พร้อมทั้งหยิบยก 5 ความประทับใจหลังจากได้ทดลองเล่นมาให้ทุกคนได้ติดตามกัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ตามไปอ่านพร้อมๆ กันได้เลยครับ

กราฟิกที่สวยงามน่ารัก แถมดูมีชีวิตชีวา และเป็นธรรมชาติอย่างมาก

ประเด็นแรกที่ผู้เขียนต้องขอพูดถึงก่อนเลยก็คือ กราฟิกภายในเกมนี้เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีน่าสนใจมาก ๆ ซึ่งในภาพรวมแล้วกราฟิกภายในเกมนี้ถูกยกระดับขึ้นจากภาคก่อน ๆ อยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของดีไซน์ตัวละครต่าง ๆ , สภาพแวดล้อมทั้งในเมือง และธรรมชาติที่ถูกทำออกมาได้อย่างละเอียด เพราะเราจะได้เห็นทุ่งหญ้าที่มีความหนาแน่นและต่างระดับ , หน้าผาที่สูงชัน , แม่น้ำลำธาร รวมไปถึงขนาดตัวของโปเกมอนที่จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน และองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมายที่ผู้เขียนบอกได้เลยว่าแค่เดินชมเล่นก็เพลินตาเพลินใจเป็นอย่างมากแล้ว รวมไปถึงโปเกมอนต่าง ๆ ในภาคนี้ที่ผู้เขียนได้พบเจอระหว่างการทดลองเล่นเกมก็เรียกได้ว่าน่ารักน่าหยิกแบบสุด ๆ

แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกประทับใจมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวก็คือรายละเอียดในแง่ของอนิเมชั่นของตัวละครที่ทำออกมาได้น่ารักมาก ๆ โดยเฉพาะเหล่าโปเกมอนทั้งหลายที่ในภาคนี้เราจะได้เห็น Idle Animation หรืออนิเมชั่นตอนที่ยืนเฉย ๆ แบบชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโปเกมอนในตำนานอย่าง Koraidon และ Miraidon ที่หากเราปล่อยจอย ไม่บังคับใด ๆ เราก็จะได้เห็นอนิเมชั่นที่น่ารักน่าชังของพวกมันที่ถูกทำออกมาได้เป็นธรรมชาติเลยทีเดียว

และถ้าหากพูดถึงความเป็นธรรมชาติ อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนประทับใจก็คือ บรรยากาศในการออกสำรวจโลกภายในเกมนี้เรียกได้ว่าเพลินตาเพลินใจแบบสุด ๆ เพราะตลอดการเล่นเกมนี้เราจะได้พบเจอกับโปเกมอนจำนวนมาก พวกมันใช้ชีวิตอยู่ในถิ่นที่แตกต่างกัน หากเป็น Magikarp เราก็จะได้เห็นมันดำผุดดำว่ายอยู่ในบ่อน้ำ ไม่ใช่แค่ลอยนิ่ง ๆ เฉย ๆ หรือแม้กระทั่ง Lechonk ที่จะวิ่งไปมาอยู่ในทุ่งหญ้า และเมื่อเราเกิดไปป๊ะกับเจ้าโปเกมอนเหล่านี้ สิ่งที่เราจะได้เห็นก็คือ “จะไม่มีการตัดฉากเข้าต่อสู้โดยการตัดสิ่งแวดล้อมรอบตัวออกไป” นั่นหมายถึงหากเราอยู่ในบริเวณนั้นมีเจ้า Lechonk อยู่ 5 ตัว เราก็จะได้เห็นเจ้า Lechonk ตัวอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ กำลังกระวนกระวายพร้อมกับมีอีโมติคอนเหงื่อกระเซ็นออกมาให้เราได้เห็นว่าพวกมันแอบเลิ่กลั่กอยู่ไม่น้อย ทำให้โดยรวมของกราฟิกและอนิเมะชั่นภายในเกมนี้น่าประทับใจสำหรับผู้เขียนเป็นอย่างมาก

เนื้อเรื่องเข้าถึงง่าย โปเกมอนที่น่ารัก ดึงดูดผู้เล่นยุคใหม่ได้มากขึ้น

ต้องยอมรับว่าเนื้อหาของเกม Pokémon ตลอดเวลาที่ผ่านมายังคงธีมหลักไว้อย่างเหนียวแน่นก็คือ การทำโปเกเด็กซ์ให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งแน่นอนว่าภายในเกม Pokémon Scarlet and Pokémon Violet ก็ยังคงมีธีมนี้เป็นแกนหลัก และมุ่งหน้าไปสู่การเป็น “ระดับแชมเปี้ยน” (Champion Rank) แต่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดให้เข้ากับเทรนด์มากยิ่งขึ้นก็คือเราจะได้รับบทเป็นนักเรียนในสถาบันแห่งหนึ่งที่เข้าเรียนในคาบเรียนนอกหลักสูตรในธีม “ล่าสมบัติ (Treasure Hunt)” ในระหว่างที่ออกท่องไปในภูมิภาคพัลเดีย (Paldea Region) นั่นเอง

การเชื่อมเรื่องราวด้วยการใช้ตัวละครหลักเป็นนักเรียน และเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นโดยรอบยังเป็นเรื่องราวของนักเรียน ทำให้เกมนี้กลายเป็นเกมที่เชื่อมโยงเข้าสู่ชีวิตจริงของผู้เล่นได้มากขึ้น โดยเฉพาะเด็กยุคใหม่ที่อาจจะเกิดความใฝ่ฝันว่าสักวันพวกเขาจะได้เข้าเรียนในคาบเรียนนอกหลักสูตรในธีมล่าสมบัติบ้างก็เป็นได้ ซึ่งผู้เขียนที่เป็นวัยเรียนจบมาหลายปีแล้ว (ฮา…) ก็ยังรู้สึกว่าเป็นความรู้สึกที่หอมหวาน และอยากย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กโข่งเพื่อเสพย์ความสุขผ่านเกมนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

นอกจากนี้โปเกมอนใหม่ ๆ ที่ปรากฏตัวภายในภาคนี้ผู้เขียนรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก เพราะในมุมมองขของผู้เขียนรู้สึกว่าเจ้าโปเกมอนเริ่มต้นทั้ง 3 ตัวนี้ให้กลิ่นอายคล้าย ๆ กับ Pokémon Red , Pokémon Blue , Pokémon Green และ Pokémon Yellow รวมไปถึง Pokémon Gold and Pokémon Silver ซึ่งเป็นยุคบุกเบิกของซีรีส์นี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้า เนียวฮะ (Sprigatito) โปเกมอนแมวหญ้าสุดขี้อ้อน โฮเกเตอร์ (Fuecoco) โปเกมอนจระเข้ไฟสุดจ้ำม่ำ แคว็กซ์ (Quaxly) โปเกมอนลูกเป็ดที่น่ารัก รวมไปถึงโปเกมอนตัวอื่น ๆ ที่หลายคนได้เห็นภาพเทรลเลอร์โปรโมทไม่ว่าจะเป็นเจ้าหมูน้อย Lechonk , เจ้ายีราฟ Girafarig ที่คุ้นตา ที่วิวัฒนาการเป็น Farigiraf , โปเกมอนปลาไหลสวนที่คล้ายกับเจ้า Diglett อย่าง Wiglett , Klawf โปเกมอนซุ่มโจมตี รวมไปถึง Armarouge โปเกมอนในชุดเกราะที่เท่โดนใจที่จะได้เจอใน Pokémon Scarlet  และ Ceruledge ที่จะได้เจอใน Pokémon Violet  รวมถึงโปเกมอนตัวอื่น ๆ อีกมากมาย ที่พร้อมให้ผู้เล่นได้หลงใหลไปในตัวของพวกมัน

เกมเพลย์ Open World ที่เป็นอิสระ ผสมผสานกับการแบทเทิลโปเกม่อนแบบคลาสสิค ผลคือกลมกล่อมสุด ๆ

แน่นอนว่าประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดภายในเกมนี้ก็คือ การที่ตัวเกมเปิดอิสระให้ผู้เล่นได้ออกสำรวจโลกในแบบ Open World ได้แบบจัดหนักจัดเต็ม ซึ่งหากถามว่าจัดเต็มได้แค่ไหน ก็จัดเต็มในรูปแบบที่ว่าผู้เล่นสามารถเลือกเข้าแบทเทิลในยิมใดก่อนก็ได้แบบไม่แคร์ลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่มาก ๆ ของเกมซีรีส์ Pokémon เพราะโดยปกติแล้วเกมซีรีส์นี้จะใช้การไล่เรียงพื้นที่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ผู้เล่นได้ต่อสู้กับยิมที่กำหนดไว้ตามลำดับ ซึ่งแต่ละยิมก็จะยากขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ใน Pokémon Scarlet and Pokémon Violet นี้จะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป ใครใคร่ตียิมไหนก่อนก็เอาเลย! ซึ่งแน่นอนว่าการที่ไม่จำกัดลำดับการตียิมนี้ ทำให้คุณค่าการเล่นเกมนี้ซ้ำมีมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว เพราะทุกครั้งที่ผู้เล่นเล่นใหม่ ก็จะพบกับประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปในแง่ของลำดับการตียิม

นอกเหนือจากลำดับของการตียิมแล้ว เกมนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้สำรวจโลกแบบตามใจ โดยจุดเด่นก็คือเราจะได้ขี่โปเกมอนในตำนานอย่าง Koraidon (Pokémon Scarlet) หรือ Miraidon (Pokémon Violet) ที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถปีนหน้าผาก็ได้ , จะร่อนเวหาก็ได้ , จะว่ายน้ำก็ดี เรียกได้ว่าเกม Open World เกมอื่นทำอะไรได้ Pokémon Scarlet and Pokémon Violet ก็จัดให้ทำได้ไม่แพ้กัน! ซึ่งจุดนี้เองที่ผู้เขียนได้ติดตามข่าวก็ถือว่าตื่นเต้นพอสมควรแล้ว แต่เมื่อได้ทดลองเล่นเอง ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว้าวมากกว่าเดิมอีกหลายขุม เพราะว่าการเพิ่มองค์ประกอบของการสำรวจโลกอย่างอิสระเหล่านี้ ทำให้ผู้เล่นสามารถใช้ชีวิตภายในเกมนี้ได้ยาว ๆ จนเรียกได้ว่า “เกมนี้มีโอกาสที่จะกลายเป็นเกมดูดวิญญาณอีกเกมหนึ่งเลยก็ว่าได้”

อย่างไรก็ตามเกม Open World นี้ก็ไม่ได้ทิ้งรากเหง้าของตัวเองแบบไม่เหลือคราบเดิมเลยแต่อย่างใด เพราะภายในเกมนี้ยังมีระบบการแบทเทิลแบบ Turn-Based ที่คุ้นตาและคุ้นมือเราเป็นอย่างมาก ซึ่งจุดนี้ผู้เขียนบอกเลยว่าชอบมาก ๆ เพราะอย่างน้อยการใช้รูปแบบการต่อสู้แบบนี้ยังคงเป็นรูปแบบที่เราคุ้นเคย และไม่เคยตกยุคเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะการจับโปเกมอนที่ในภาคนี้กลับมาบังคับว่าเราจะต้องต่อสู้ให้พวกมันอ่อนแรงก่อนถึงจะจับได้ ไม่ใช่แค่ปาบอลแล้วจับได้เลยเหมือน Pokémon Legends: Arceus แต่การปาบอลใส่โปเกมอนจะทำให้เราได้โจมตีก่อนนั่นเอง … อ้อ! และ NPC ในภาคนี้จะไม่บังคับเราแบทเทิลแล้วนะครับ หากผู้เล่นต้องการแบทเทิลจะต้องเดินเข้าไปคุยด้วยตนเองถึงจะเข้าสู่การแบทเทิลได้

และแน่นอนว่าความคลาสสิคยังไงก็ต้องมีการพัฒนาให้โมเดิร์นขึ้น ซึ่งเกม Pokémon Scarlet and Pokémon Violet ก็ได้เพิ่มระบบ Auto Battle เข้ามาให้เราได้ใช้งานด้วย! ซึ่งระบบนี้จากที่ผู้เขียนได้ทดลองใช้ก็เรียกว่าง่ายมาก ๆ เพียงแค่เรากดเรียกโปเกมอนคู่ใจออกมาให้มันวิ่งเตาะแตะไปยังโปเกมอนเป้าหมาย โปเกมอนของเราก็จะทำการโจมตีอัตโนมัติทันที ซึ่งในการทดลองเล่นนี้ผู้เขียนจะเจอโปเกมอนที่มีเลเวลน้อยกว่าเป็นหลักทำให้เราจะได้เห็นการต่อสู้อัตโนมัติที่เราชนะได้ 100% นั่นเอง ซึ่งระบบนี้เรียกได้ว่าประหยัดเวลาของผู้เล่นเป็นอย่างมาก

เส้นทางการเล่นที่มีมากถึง 3 สาย มอบประสบการณ์การเล่นที่แตกต่างกัน

ภายในเกม Pokémon Scarlet and Pokémon Violet จะมีเส้นทางให้เลือกเล่นอันไหนก่อนก็ได้ทั้งหมด 3 เส้นทางด้วยกัน ได้แก่ Victory Road เดินทางไปยังโปเกมอนยิมตามพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อมุ่งสู่การเป็นระดับแชมเปี้ยน, เส้นทางสายตำนานตามหาวัตถุดิบหายาก อย่าง Path of Legends และ เผชิญหน้ากับ Team Star เหล่าตัวปัญหาประจำโรงเรียนในเส้นทาง Starfall Street

เริ่มต้นที่ Victory Road ที่เราเข้าใจกันได้ง่าย ๆ ครับก็คือ เราจะได้เข้าต่อสู้กับหัวหน้ายิมในแต่ละพื้นที่เพื่อชิงเข็มกลัดมาและขึ้นเป็นระดับแชมเปี้ยน (Champion Rank) ให้ได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยก็คือ ก่อนที่เราจะสู้กับหัวหน้ายิมได้นั้น เราจะต้องทำภารกิจให้สำเร็จเสียก่อน หรือนั่นก็คือผู้เล่นจะต้องเล่นมินิเกมให้ผ่านนั่นเอง

ต่อมาคือ Path of Legends ที่ผู้เล่นจะได้ออกตามหาวัตถุดิบหายาก โดยการไล่ล่าและแบทเทิลเพื่อเอาชนะโปเกมอนที่ชื่อว่ากาเคกานิ (Klawf) แล้วเราก็จะได้รับ Herba Mystica มานั่นเอง

และ Starfall Street คือเส้นทางที่ผู้เขียนก็ประทับใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะภายในเกมนี้เราจะได้พบเจอกับนักเรียนตัวปัญหาที่อยู่ในแต่ละพื้นที่ สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือเข้าเผชิญหน้ากับนักเรียนเหล่านี้ ซึ่งเส้นทางนี้เราจะได้ต่อสู้กับโปเกมอนของบอสที่บอกได้เลยว่าหินพอสมควรเลยทีเดียว

ระบบ Co-op Multiplayer ในโหมด Terra Raid สุดมันส์

หากใครชื่นชอบการตีหลุมโปเกมอน (Max Raid) ในภาค Pokémon Sword and Pokémon Shield และอาจจะกังวลว่าในภาคนี้จะมีระบบนี้หรือไม่ บอกได้เลยว่า “มีแน่นอนครับ” แถมระบบนี้ยังถูกอัปเกรดให้เล่นได้สนุกมากขึ้นอีกด้วย โดยผู้เล่นจะได้ร่วมมือกับผู้เล่นคนอื่น ๆ จัดทีม 4 คนเข้าต่อสู้กับโปเกมอนที่ทำการเทรัสตัลซึ่งจุดเด่นที่สุดของโหมดนี้ก็คือแทนที่จะเป็นการต่อสู้แบบ Turn-Based ที่เราคุ้นตา จะกลายเป็นการต่อสู้แบบ Real-Time ที่ผู้เล่นจะต้องล้มโปเกมอนฝ่ายตรงข้ามให้ได้ก่อนเวลาหมด

สำหรับสิ่งที่ผู้เล่นทำได้หลัก ๆ ก็คือ การสั่งให้โปเกมอนโจมตี หรือเราอาจใช้คำสั่งเชียร์โปเกมอนที่จะให้ผลแตกต่างกันออกไป (เพิ่มค่าพลังโจมตีหรือค่าพลังโจมตีพิเศษ, เพิ่มค่าพลังป้องกันหรือค่าพลังป้องกันพิเศษ หรือฟื้นฟู HP) โดยในการตีบอสเทรัสหนึ่งครั้งสามารถทำได้ 3 ครั้ง ทำให้ผู้เล่นจะต้องวางแผนการต่อสู้ให้ดี โดยเฉพาะการเลือกโปเกมอนเข้าต่อสู้  โดยรวมแล้วผู้เขียนก็ยังคงชอบโหมดนี้อยู่เหมือนกัน ยิ่งการเปลี่ยนการต่อสู้ให้กลายเป็นแบบ Real-Time ก็ยิ่งทำให้โปเกมอนแบทเทิลในโหมดนี้เข้มข้นขึ้นเป็นอย่างมาก

และจากข้อมูลทั้งหมดนี้ผู้เขียนอยากจะบอกเลยว่าเกม Pokémon Scarlet and Pokémon Violet เป็นเกมที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเหล่าสาวก Pokémon วัยเก๋าที่อยากจะลองเล่นเกมในยุคใหม่ก็บอกได้เลยว่าเกมนี้จะทำให้คุณคิดถึงวันวานเก่า ๆ ที่มาพร้อมระบบอัปเกรดโมเดิร์นมากมาย ในขณะที่ผู้เล่นเกม Pokémon ที่เพิ่งเข้าวงการมาก็สนุกกับเกมนี้ได้ด้วยเนื้อเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย และระบบเกมที่น่าสนใจมากมายครับ

＜Copyright＞

©2022 Pokémon. ©1995–2022 Nintendo / Creatures Inc. / GAME FREAK inc.
Pokémon is a registered trademark of Nintendo, Creatures, and GAME FREAK.
Nintendo Switch and the Nintendo Switch logo are trademarks of Nintendo.

*ภาพจากเกมที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา
*ซอฟต์แวร์อยู่ระหว่างการพัฒนา ข้อมูลบางอย่างอาจแตกต่างจากผลิตภัณฑ์จริง