[รีวิว] Razer Kraken V3 HyperSense
หูฟังที่มาพร้อมลูกเล่นใหม่เพิ่มประสบการณ์เข้าถึง ได้ลองแล้วจะติดใจ
ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนทาง Razer ได้นำเสนอฟีเจอร์ที่จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการเล่นเกมให้เข้าถึงมากยิ่งขึ้น ด้วยการปล่อยฟีเจอร์ HyperSense ที่จะทำการตอบสนองกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ และแน่นอนว่าหูฟังก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ทาง Razer ได้นำฟีเจอร์นี้มาใช้งาน ในครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับ Razer Kraken V3 HyperSense หูฟังที่จะเปิดประสบการณ์ใช้งานใหม่ จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างเราไปดูกัน
Design
การออกแบบของ Razer Kraken V3 HyperSense หากใครที่เคยใช้งานหูฟังตระกูลนี้มาก่อนคงต้องบอกว่าไม่ค่อยมีความแตกต่างไปจากเดิมมากนัก สีที่ใช้งานที่ถูกคลุมโทนด้วยโทนดำ พร้อมไฟ RGB ตัดบริเวณด้านนอกของ Earcup ทำได้อย่างลงตัว
ขนาดความใหญ่ของพื้นที่ Earcup ถือว่าเป็นจุดเด่นของตัวหูฟังรุ่นนี้ก็ว่าได้ ซึ่งช่วยทำให้เวลาใช้งานหมดปัญหาหูถูกทับหรือปิดได้ไม่สนิท
วัสดุที่ใช้งานบริเวณที่สัมผัสกับผู้ใช้งานจะเป็นเนื้อผ้า ข้อดีของผิวสัมผัสแบบนี้คือเมื่อใช้งานไปนาน ๆ จะไม่มีปัญหาผิวลอก แตกต่างจากที่เป็นหูฟังซึ่งใช้วัสดุเป็นหนัง แต่แน่นอนว่าอาจจะไม่คุ้นกับคนที่เหงื่อออกง่ายเพราะหลังจากใช้งานจะรู้สึกว่าตัว Earcup จะชุ่มไปด้วยเหงื่อพอสมควร
ขณะที่วัสดุที่ใช้งานบริเวณ Headband เองก็เป็นในทำนองเดียวกันคือเป็นเนื้อผ้า ขณะที่ด้านนอกจะเป็นหนังที่มีการสลักโลโก้ Razer เอาไว้
โครงของตัวหูฟังใช้งานวัสดุเป็นอะลูมิเนียมไว้ใจได้เรื่องความทนทาน
การปรับระดับของหูฟังสามารถทำได้ 8 ระดับ เพียงพอต่อผู้ใช้งานทุกกลุ่ม
Earcup ของหูฟังรุ่นนี้ไม่สามารถที่จะพับราบได้
ด้านนอกของ Earcup เป็นพื้นที่ของการแสดงผลไฟ RGB ตรงกลาง โดยพื้นผิวเป็นแบบพลาสติกมันวาว ทำให้การแสดงผลของสีออกมาคมชัด รอบ ๆ เป็นการลงลวดลายเหมือนกับช่องลำโพงขนาดเล็ก
ในส่วนของปุ่มควบคุมต่าง ๆ จะอยู่ที่บริเวณ Earcup ทั้งสองข้าง ด้านซ้ายมีปุ่มเปิด / ปิดไมโครโฟน และเพิ่ม / ลดเสียง ขณะที่ด้านขวาจะเป็นปุ่มสำหรับปรับเพิ่ม / ลดระดับการใช้งานฟีเจอร์ HyperSense
ไมโครโฟนของ Razer Kraken V3 HyperSense เป็นแบบถอดออกได้ ช่วยให้การใช้งานสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น
Experience
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้หูฟังอย่าง Razer Kraken V3 HyperSense โดดเด่นนั่นก็คือการมาพร้อมกับฟีเจอร์ HyperSense ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานให้เหนือกว่าหูฟังรุ่นอื่น ๆ หากจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ก็อาการสั่นที่บริเวณ Earcup เพื่อตอบสนองกับสิ่งที่เรากำลังทำงานอยู่ที่จอในตอนนี้
โดยที่เราสามารถปรับระดับการตอบสนองของการสั่นได้ ซึ่งต้องบอกว่าระดับการสั่นหากเปิดแรงสุด รับรองได้เลยว่าหากใครที่ไม่ชินจะรู้สึกถึงประสบการณ์ใหม่ ๆ อย่างเช่นหากเป็นการเปิดฟังแล้วเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ เหมือนกับว่าคุณไปยืนอยู่ใกล้ลำโพงหน้าเวที ระดับเสียงเบสมาทีหน้าคุณก็สั่นทีอะไรประมาณนั้นเลย
อย่างไรก็ตามฟีเจอร์ตัวนี้นอกจากจะแปรผันตามการปรับระดับหนักเบาในการทำงานแล้ว ยังแปรผันตามระดับเสียงที่เราเปิดอยู่ในขณะนั้นด้วย ยิ่งเปิดเสียงดังมากเท่าไหร่ความแรงในการสั่นแต่ละระดับจะยิ่งสูงตามไปด้วย
การใช้งานเล่นเกมพบว่าระดับที่รู้สึกได้จะเกิดขึ้นเมื่อเราทำการปรับการแสดงผลของ HyperSense อยู่ที่ระดับกลางและสูง ส่วนระดับเบาแทบจะมีอาการตอบสนองที่รู้สึกได้ค่อนข้างที่จะน้อย เวลาที่เราเล่นเกมจำพวก FPS จะช่วยทำให้รู้ทิศทางของต้นตอของเสียงได้ (แม้ว่าในความจริงตัวหูฟังรุ่นนี้จะเก็บรายละเอียดไว้ได้เป็นอย่างดีแล้วก็ตาม)
หากจะบอกว่า HyperSense เหมาะกับการใช้งานจริงหรือไม่ คำตอบนี้น่าจะขึ้นอยู่กับตัวบุคคลที่ย้ำว่าควรจะต้องไปลองด้วยตัวเองเสียก่อน ส่วนตัวมองว่ามันเป็นกิมมิคที่น่าสนใจ และการให้มากับหูฟังก็ไม่ใช่เรื่องที่ลดทอนประสิทธิภาพการทำงาน ฉะนั้นมีไว้ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว (แต่สำหรับใครที่เคยได้ลองใช้งานแล้วจริง ๆ และถูกกับพฤติกรรมการใช้งานก็ว่ากันไป)
ในส่วนของระบบเสียงที่ใช้งานภายใน Razer Kraken V3 HyperSense จะเป็นแบบ THX Spatial Audio ที่ช่วยทำให้การรับเสียงและทิศทางการมาถูกต้อง โดยที่เราสามารถปรับโหมดการทำงานของเสียงได้จาก Razer Synapse ที่ทำได้ค่อนข้างละเอียดมีโหมดของเสียงให้ปรับได้หลากหลาย แต่ถ้าใครไม่ชอบการปรับแต่งก็ให้ตัวระบบตัดสินให้ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งระบบเสียงและการทำงานของไมโครโฟนของตัวหูฟังได้ค่อนข้างที่จะละเอียด มีโหมดการปรับแต่งให้ครบ ด้านล่างจะเป็นการทดสอบเสียงของไมโครโฟนในโหมดการปรับแต่งรูปแบบต่าง ๆ
Conclusion
ภาพรวมของ Razer Kraken V3 HyperSense ถือว่าเป็นหูฟังที่จะเปิดประสบการณ์รับรู้แบบใหม่ให้กับผู้ที่อยากได้ความแตกต่างจากหูฟังเดิม ๆ ระบบ HyperSense สามารถที่จะทำงานได้จริง เป็นกิมมิคที่ทำให้ประทับใจได้ ด้วยราคา 5,090 บาท ถือว่าคุ้มกับการแลกด้วยเทคโนโลยีที่ได้มา
ข้อดี
- การออกแบบที่คงความเป็นเอกลักษณ์
- โทนสีดำที่ทำให้ดูดุดันตัดสลับกับไฟ RGB
- วัสดุทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว
- การเก็บเสียงที่ทำได้เป็นอย่างดี
- คุณภาพเสียงที่ได้ครอบคลุมการใช้งานในทุก ๆ ความบันเทิง
- ระบบ HyperSense อีกหนึ่งลูกเล่นที่ควรลอง
- ไมโครโฟนใช้งานได้จริงในทุกสถานการณ์
- ความหลากหลายในการปรับแต่งผ่าน Razer Synapse
ข้อสังเกต
- หากใครที่ปรับตัวกับ HyperSense ไม่ได้อาจจะมองว่าเป็นฟีเจอร์ที่ดูไม่มีความจำเป็น
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ Razer แห่งประเทศไทยที่ได้ส่งอุปกรณ์ในครั้งนี้มาให้พวกเราได้ใช้งานกันหากใครที่สนใจ Razer Kraken V3 HyperSense สามารถหาซื้อได้แล้วในตอนนี้ทั้งช่องทางออนไลน์และตามร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อสินค้าได้ที่ : [คลิก]