Neil Druckmann ยืนยัน Naughty Dog จะไม่เป็นค่ายที่ทำแต่เกม The Last of Us
ยืนยันว่ามีหลายโปรเจ็กต์ที่ยังไม่ได้เปิดตัวเกมออกมาให้ติดตาม
ในช่วงที่ผ่านมา Naughty Dog โฟกัสกับการพัฒนาเกมประสบการณ์รูปแบบเล่นคนเดียวที่เน้นย้ำงานภาพสมจริงและเรื่องราวที่ไม่ได้มีความเป็นแฟนตาซีอีกต่อไป แต่จะเป็นสิ่งที่ดูเป็นเรื่องใกล้ตัวทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่มีเค้าโครงการออกแบบจากพืชที่มีจริง หรือการออกไล่ล่าหาสมบัติของคนเดินดินธรรมด๊าธรรมดา และด้วยโปรเจ็กต์หลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับ The Last of Us นั้นก็ทำให้เหมือนค่ายจะให้ความสำคัญเพียงเกมเดียวโดยปริยาย
อย่างไรก็ตามใครที่กังวลว่าค่ายจะไม่มีโอกาสได้พัฒนาเกมอื่นๆ ก็ขอให้สบายใจได้เลย เพราะ Neil Druckmann หัวเรือใหญ่ของค่ายเกมก็มีการสัมภาษณ์กับสื่อนอกอย่าง The Lost Angeles Times ถึงการทำงานในปัจจุบันแล้ว โดยเขายืนยันว่าตนอยากให้สัญญากับแฟนเกมทุกคนทีเดียวว่า ‘บริษัทของเราจะไม่ใช่บริษัท The Last of Us’ แบบที่เห็นไปตลอดอย่างแน่นอน นอกจากนั้นยังได้แง้มๆ ว่ามีเกมอื่นที่กำลังพัฒนาอยู่ ณ ปัจจุบัน ทว่ายังไม่ถึงเวลาเปิดตัวแต่อย่างใด
นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ผลงานที่ Naughty Dog ทำก็จะมี The Last of Us: Part II เวอร์ชันต้นฉบับ ก่อนที่จะมารีมาสเตอร์เกม Uncharted 4 และ The Lost Legacy ในชุดแพคคู่ แล้วถัดมาก็เป็นเกม The Last of Us ภาคแรกเวอร์ชันรีเมค กับภาคสองเวอร์ชันรีมาสเตอร์แบบที่เรียกได้ว่าต่อเนื่องกัน และด้วยการมาถึงของซีรีส์คนแสดงจริง ก็ไม่น่าแปลกใจนักที่ตอนนี้ทุกคนจะรู้สึกกังวลว่ามีโปรเจ็กต์ของแฟรนไชส์เกมนี้เพียงอย่างเดียว ทั้งที่ความจริงทีมงานก็มีเกมอื่นที่เคยดูแลมาก่อน
นอกจากสองเกมนี้แล้ว Naughty Dog เคยเป็นผู้พัฒนาสำหรับเกม Crash Bandicoot ในภาคต้นฉบับเมื่อหลายสิบปีก่อนบน PS1 ด้วย โดยพวกเขายังได้นำเกมภาคนี้มาเป็นอีสเตอร์เอ้กให้กับเกม Uncharted 4 ด้วยเหมือนกัน และยังมีเกมแพลตฟอร์เมอร์สนุกๆ อย่าง Jak & Daxter ที่เป็นเหมือนกับคู่แข่งภายใต้บ้านหลังเดียวกันของ Ratchet & Clank กับ Sly Cooper ด้วยเช่นกัน ว่าแล้วก็อยากรู้จังว่าเมื่อเกมเหล่านี้ได้กลับมาจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ของ Naughty Dog
ปัจจุบันเกมล่าสุดก็คือ The Last of Us: Part II Remastered บน PlayStation 5 เป็นเกมเวอร์ชันปรับแต่งกราฟิกให้เหมาะกับการเล่นแบบเน็กซ์เจ็น เช่นการแสดงผลแบบ Native 4K และโหมด Performance เพื่อให้ภาพไหลลื่นระดับ 60FPS เช่นเดียวกับคุณสมบัติอื่นๆ อย่างโหมด No Return สไตล์ Roguelike และคอนเทนต์เนื้อเรื่องที่ถูกตัดออกให้ลองได้เล่นกัน ใครสนใจมาติดตามรีวิวของ ThisIsGame Thailand ด้านล่างนี้เลยนะ